
มีหลายตัวเลือกในการเดินทางรอบๆ กรุงเทพฯ
แม้รถเมล์จะเป็นตัวเลือกที่นิยมสำหรับคนท้องถิ่น แต่ก็มักจะถูกมองข้ามโดยชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่เคยขึ้นรถเมล์ในกรุงเทพฯ มาก่อนเลย, แม้จะอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายปี
อย่างไรก็ตาม การขึ้นรถเมล์ในกรุงเทพฯ นั้นง่ายและสะดวกมาก ทั้งยังประหยัดด้วย
มาดูกันว่าคุณจำเป็นต้องรู้เรื่องอะไรบ้างในการขึ้นรถเมล์ในกรุงเทพฯ รวมถึงเส้นทาง ค่าโดยสาร ตารางเวลา และสิ่งที่ต้องทำ
บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 8 นาที ยังไม่มีเวลาอ่านตอนนี้เหรอ? ไม่เป็นไรเลย คุณสามารถส่งเวอร์ชันบทความแบบไม่มีโฆษณาไปที่อีเมลของคุณ แล้วค่อยอ่านทีหลังก็ได้!
คำชี้แจงเรื่องความโปร่งใส: บทความนี้อาจมีลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์หรือบริการจากพันธมิตรของเรา หากคุณคลิกลิงก์เหล่านั้น เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย ซึ่งอาจมีผลต่อรูปแบบการจัดวางเนื้อหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม โปรดวางใจว่า เราแนะนำเฉพาะสิ่งที่เราเชื่อว่ามีประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจริง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายโฆษณา ของเรา.
Contents
(And How It’s Costing Them)
Most expats throw money away, get lost in red tape, and miss the local hacks that make life easier and cheaper. ExpatDen Premium gives you the secrets seasoned expats use to save, earn, and thrive beyond the basics, saving you thousands and opening doors you didn’t even know existed.
Here’s what’s inside:
- Housing Hacks: Slash your rent by 40% or more - because the locals are laughing at what you’re paying.
- Banking Mastery: Stop wasting on fees and get top exchange rates. Why give your money away?
- Healthcare for Local Prices: Quality treatment without the expat price tag.
- Visa and Legal Shortcuts: No more bureaucratic nightmares. Get the visa and residency secrets that others pay their lawyer dearly for.
- Deep Discounts: Find the savings locals rely on for groceries, dining, and more.
If you’re serious about making Thailand work for you, join ExpatDen Premium and make Thailand work for you.
ข้อดีและข้อเสีย
ก่อนอื่น เรามาดูรายการข้อดีและข้อเสียของรถเมล์ในกรุงเทพฯ กันค่ะ
ข้อดี
- เป็นวิธีที่ถูกที่สุดในการ เดินทางในกรุงเทพฯ
- ครอบคลุมพื้นที่ได้หลากหลายทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง
- สะดวกเพราะปกติแล้วแค่ขึ้นรถเมล์เพียงคันเดียวก็ถึงที่หมายได้
ข้อเสีย
- รถเมล์อาจขับช้าเนื่องจากการจราจรหนาแน่นในกรุงเทพฯ
- ไม่ค่อยสบายเวลาแออัด ภายในรถที่ไม่มีแอร์
- อาจหาหมายเลขรถเมล์ที่ถูกต้องได้ยากเพราะมีจำนวนมาก
BMTA vs บริษัทเอกชน
รถเมล์ในกรุงเทพฯ ดำเนินการทั้งโดยการรถข้อสัญญาภูมิภาคกรุงเทพฯ (BMTA) และบริษัทเอกชน
คุณสามารถแยกแยะได้จากชุดยูนิฟอร์มเจ้าหน้าที่รถเมล์
เจ้าหน้าที่ BMTA จะสวมชุดยูนิฟอร์มแบบทางการมีเสื้อปกขาวและกางเกง/กระโปรงสีดำ ชุดนี้จะดูคล้ายกับยูนิฟอร์มของทางราชการ
ในทางกลับกัน คนขับและเก็บค่าโดยสารของบริษัทเอกชนจะแต่งกายแบบสบายๆ บางครั้งอาจจะเป็นเสื้อสีฟ้ากับกางเกงยีนส์
สามารถแยกแยะได้จากสีของรถเมล์ แต่ก็ยากขึ้นเพราะกรุงเทพฯ กำลังปฏิรูป มีทั้งสีและหมายเลขรถใหม่

ความแตกต่างหลักระหว่างรถ BMTA และบริษัทเอกชนคือเรื่อง “ความสุภาพ”
คนขับ BMTA จะได้รายได้แบบเงินเดือน ส่วนคนขับจากบริษัทเอกชนจะได้เงินเดือน + ค่าคอมมิชชั่น
ดังนั้น คนขับจากบริษัทเอกชนจะพยายามรับผู้โดยสารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเพิ่มค่าคอมมิชชั่นจากค่าโดยสาร ซึ่งทำให้ขับรถเร็วและหยุดนอกพื้นที่ป้ายรถเมล์ได้
นอกเหนือจากนั้น ทุกอย่างก็เหมือนกันหมด รวมถึงค่าโดยสารด้วย
เกร็ดน่ารู้: คนไทยส่วนใหญ่ไม่สนใจบริษัทของรถเมล์ เขาจะโฟกัสไปที่เส้นทางและหมายเลขรถมากกว่า อย่างไรก็ดี บางคนเลือกหลีกเลี่ยงบริษัทเอกชน โดยเฉพาะรถมินิบัส เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย
ประเภทของรถเมล์
รถเมล์ในกรุงเทพฯ สามารถแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก:
- รถมินิบัส
- รถเมล์ไม่มีแอร์
- รถเมล์ปรับอากาศ
เส้นทางรถเมล์อาจมีรถทั้งสามประเภท
รถมินิบัส
รถมินิบัสเป็นรถไม่มีแอร์ขนาดเล็กสีส้ม โดยส่วนใหญ่ดำเนินการโดยบริษัทเอกชน รถมินิบัสจะวิ่งเฉพาะเส้นทางบางสายในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางเก่าที่มีถนนแคบ
รถมินิบัสเป็นที่รู้กันดีในเรื่องการขับที่ประมาท โดยเฉพาะหมายเลข 75
ถ้าจะขึ้นรถมินิบัส ควรจับราวให้แน่นเพื่อเตรียมตัวสำหรับการหยุดกะทันหัน ค่าโดยสารคงที่ที่ 10 บาทต่อเที่ยว
รถเมล์ไม่มีแอร์
ทั้ง BMTA และบริษัทเอกชนให้บริการรถเมล์ไม่มีแอร์
ถ้าเป็น BMTA รถจะเป็นสีครีมและแดง ถ้าเป็นสีอื่น เช่น สีชมพู ครีมกับฟ้า และอื่นๆ มักจะเป็นของบริษัทเอกชน
เมื่อขึ้นรถเมล์ไม่มีแอร์ เคล็ดลับคือหาช่องใกล้พัดลมที่สุด
รถเมล์ไม่มีแอร์จะคิดค่าโดยสารคงที่ระหว่าง 8 บาทถึง 10 บาทต่อเที่ยว
คำแนะนำ: คิดให้ดีก่อนขึ้นรถเมล์ไม่มีแอร์ในช่วงจราจรติดขัด อากาศอาจจะร้อนจัดจนทนไม่ไหวสําหรับคนต่างชาติ
รถเมล์ปรับอากาศ
รถเมล์ปรับอากาศมีหลายสี ได้แก่ น้ำเงิน, ส้ม, เหลือง, และฟ้านวล
ค่าโดยสารรถปรับอากาศคิดตามระยะทาง จาก 12 บาทถึง 30 บาท
เมื่อขึ้นรถปรับอากาศ ต้องบอกจุดหมายปลายทางให้กับคนเก็บค่าโดยสารเพื่อคิดค่าโดยสาร
วิธีเช็คเส้นทางรถเมล์
Google Maps เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเช็คหมายเลขรถเมล์ ด้วย Google Maps คุณยังจะเห็นเส้นทางทั้งหมดของแต่ละหมายเลขได้
ส่วนที่อาจจะสับสนคือ อาจเห็นหมายเลขรถ 2 แบบ ประเทศไทยพยายามปฏิรูประบบรถเมล์ด้วยการให้หมายเลขใหม่ แต่ยังไม่สำเร็จเต็มที่ คนยังใช้เลขเก่าอยู่

ตัวอย่าง เช่น อาจแสดงหมายเลขรถในรูปแบบนี้: “1-39 EV (71 EV)”
สิ่งที่หมายถึงคือ:
- 1-39 = หมายเลขรถใหม่หลังจากการปฏิรูประบบรถเมล์
- EV = สัญลักษณ์ระบุว่ารถเมล์นี้คือรถไฟฟ้า*
- 71 = หมายเลขรถเก่าที่คุณจะเห็นบนตัวรถจริง
*นอกจาก EV ยังมีสัญลักษณ์อื่น เช่น
- REG = รถธรรมดา ซึ่งคือรถไม่มีแอร์
- AC = รถปรับอากาศ
- NGA = รถที่วิ่งด้วยก๊าซธรรมชาติ
- MINI = รถมินิบัส
ถ้า Google Maps แสดงหมายเลขรถเดียว แปลว่าเป็นหมายเลขเก่า
นอกเหนือจาก Google Maps อีกแอปที่แนะนำคือ Via Bus แต่ Via Bus ไม่ครอบคลุมหมายเลขรถทั้งหมด เช่น ไม่มีหมายเลขรถจาก ไทยสมายล์บัส บริษัทเอกชนใหมสำหรับรถไฟฟ้า
วิธีขึ้นรถเมล์
ในการขึ้นรถเมล์ในกรุงเทพฯ คุณต้องหาป้ายรถเมล์ ที่มักติดอยู่ริมถนนหลักในกรุงเทพฯ
ขึ้นรถเมล์
นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อรถเมล์มา:
- คุณสามารถขึ้นได้จากประตูหน้าหรือหลัง ถ้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วน คุณจะเห็นคนรีบขึ้นรถเพื่อหาที่นั่ง
- หลังจากคุณขึ้นไปบนรถเมล์ ให้เร็งไปหาพื้นที่ว่าง จากนั้นพนักงานเก็บค่าโดยสารจะมาเก็บค่าโดยสารจากคุณ
- ถ้าเป็นรถเมล์ปรับอากาศ คุณต้องบอกปลายทางให้กับพนักงานเก็บเงินด้วยค่ะ

การลงจากรถเมล์
นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อคุณต้องการจะลงจากรถเมล์:
- คุณต้องกดกริ่ง ที่สามารถพบได้บนเพดานหรือราวจับต่างๆ ในรถ
- อย่ารอจนกว่ารถจะหยุดสนิทแล้วเดินไปที่ประตู ควรเดินไปที่ประตูทันที เพื่อเตรียมพร้อมที่จะลงรถ
- ไม่อย่างนั้น คุณอาจจะพลาดจุดจอด ถ้าคนขับไม่เห็นใครยืนอยู่ เขาอาจจะไม่หยุดเลย!
เคล็ดลับ: ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าจะลงที่ป้ายไหน คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากพนักงานเก็บเงินได้ พนักงานบางคนอาจพูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อย ดังนั้น เวลาคุยกับเขา ให้พูดชื่อสถานที่ที่คุณต้องการจะไปอย่างช้าๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาเข้าใจ
ค่าโดยสาร
รถเมล์ในกรุงเทพฯ มีราคาถูกมากค่ะ
- ค่าโดยสารประมาณ 10 บาทต่อเที่ยวสำหรับรถมินิบัสและรถเมล์ที่ไม่มีแอร์
- สำหรับรถเมล์แอร์ จะมีค่าโดยสารตั้งแต่ 12 ถึง 30 บาท
ถ้าคุณไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ คุณสามารถยื่นแบงค์ 20 บาทให้กับพนักงานเก็บเงินได้เลย หรือจะถามราคาก็ได้
การชำระเงินค่าโดยสาร
เงินสดเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมที่สุดค่ะ
ควรหมายเหตไว้ว่าการจ่ายเงินด้วยธนบัตร 500 บาทหรือ 1,000 บาทอาจจะทำให้พวกเขาไม่มีเงินทอนพอ แม้แต่ 100 บาทยังช้างจะแทงใจ ดังนั้นควรพกเหรียญไว้ก่อนขึ้นรถ
รถเมล์บางคัน โดยเฉพาะรถเมล์ BMTA เริ่มรับ การชำระเงินผ่านมือถือ และ การชำระเงินแบบไร้สัมผัสด้วยบัตรเครดิต แล้ว
แต่เนื่องจากเป็นระบบใหม่สำหรับรถเมล์ในกรุงเทพฯ ดังนั้นอาจจะยังไม่สามารถใช้งานได้สะดวก เงินสดยังคงเป็นทางเลือกที่สะดวกที่สุดค่ะ
พื้นที่ให้บริการ
พื้นที่ให้บริการของรถเมล์ในกรุงเทพฯ ค่อนข้างครอบคลุม เนื่องจากเป็นวิธีการสัญจรหลักมานานกว่า 10 ปี จึงมีการครอบคลุมเกือบทุกถนนในกรุงเทพฯ
รถเมล์สามารถพาคุณไปยังทุกส่วนของกรุงเทพฯ ยกเว้นซอยแคบๆ นอกจากนี้ รถเมล์กรุงเทพฯ ยังครอบคลุมถนนหลักในจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ เช่น นนทบุรีและสมุทรปราการอีกด้วย
รู้ไว้ดี: แม้ว่าคุณจะสามารถ นั่งรถเมล์ไปสนามบินในกรุงเทพฯ ได้ แต่มักจะไม่แนะนำ เพราะการจราจรในกรุงเทพฯ นั้นคาดการณ์ไม่ได้
เวลาทำการ
รถเมล์กรุงเทพฯ วิ่งตั้งแต่ 5 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม ทุกวัน
อย่างไรก็ตาม รถบางสายในเครือ BMTA วิ่ง 24 ชั่วโมง ทุกคันที่กล่าวมานี้เป็นรถเมล์ไม่มีแอร์
สายรถเมล์ 2: ปากคลองตลาด – สำโรง
สายรถเมล์ 3: หมอชิตใหม่ – คลองสาน
สายรถเมล์ 4: คลองเตย – ท่าน้ำภาษีเจริญ
สายรถเมล์ 7: คลองขวาง – หัวลำโพง
สายรถเมล์ 22: ลาดพร้าว 101 – เซ็นทรัลพระราม 3
สายรถเมล์ 23: เทเวศร์ – สำโรง
สายรถเมล์ 25: ปากน้ำ – ท่าช้าง
สายรถเมล์ 26: มีนบุรี – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
สายรถเมล์ 27: มีนบุรี – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
สายรถเมล์ 29: หัวลำโพง – รังสิต
สายรถเมล์ 34: หัวลำโพง – รังสิต
สายรถเมล์ 39: สนามหลวง – มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
สายรถเมล์ 46: พระราม 2 – รองเมือง
สายรถเมล์ 54: วงเวียนห้วยขวาง – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – สะพานควาย
สายรถเมล์ 59: รังสิต – สนามหลวง
สายรถเมล์ 60: ปากคลองตลาด – สวนสยาม
สายรถเมล์ 63: อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – นนทบุรี
สายรถเมล์ 71: สวนสยาม – วัดธาตุทอง
สายรถเมล์ 73: สวนสยาม – สะพานภูเก็ต
สายรถเมล์ 76: พระราม 4 – เพลินจิต
สายรถเมล์ 77: หมอชิต – เซ็นทรัลพระราม 3
สายรถเมล์ 80: สนามหลวง – หนองแขม
สายรถเมล์ 82: สนามหลวง – พระประแดง
สายรถเมล์ 84: อ้อมใหญ่ – คลองสาน
สายรถเมล์ 97: นนทบุรี – โรงพยาบาลสังฆารามสถาน
สายรถเมล์ 134: หมอชิต 2 – บางบัวทอง
สายรถเมล์ 145: ปากน้ำ – หมอชิต 2
สายรถเมล์ 203: สนามหลวง – นนทบุรี
สายรถเมล์ 206: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ – มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
กรุณาทราบว่าข้อมูลนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า คุณสามารถโทรไปยัง BMTA ที่ 1348 เพื่อยืนยันข้อมูลได้
ตารางเวลา
น่าเสียดายที่ไม่ตารางเวลาที่แน่นอนสำหรับรถเมล์ในกรุงเทพฯ
รถเมล์แต่ละสายจะมาเป็นประจำทุกๆ 10 ถึง 30 นาที บางสายอาจจะมาบ่อยกว่านั้น และบางสายอาจจะมาน้อยกว่า
คุณสามารถใช้ Google Maps เพื่อตรวจสอบความถี่ของเส้นทางรถเมล์แต่ละสายได้ แต่คุณไม่ควรคาดหวังว่าจะมีความแม่นยำ
การจราจรในกรุงเทพฯ อาจจะหนักมากในช่วงเวลาเร่งด่วน ทุกอย่างอาจล่าช้าได้อย่างมาก
ขั้นตอนถัดไป
เราหวังว่าหลังจากคุณอ่านบทความนี้ คุณจะอยากลองนั่งรถเมล์ในกรุงเทพฯ มันเป็นวิธีที่ดีและมีราคาถูกในการเดินทางในเมืองของเรา
มันอาจสะดวกกว่าที่คุณคิด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ไม่เร่งด่วน
แต่ถ้าอยู่ในช่วงเวลาเร่งด่วน ควรหลีกเลี่ยงการขึ้นรถเมล์หากไม่จำเป็นค่ะ