วิธีการขอหมายเลข OIB ในโครเอเชียสำหรับชาวต่างชาติ

How to Get an OIB Number  in Croatia as a Foreigner

วิธีขอหมายเลข OIB ในโครเอเชียสำหรับชาวต่างชาติ ครอบคลุมขั้นตอนที่ต้องทำ เอกสารที่ใช้ รวมถึงการขอ Biometric Residence Card และข้อมูลสำคัญที่ควรรู้เพื่อให้การสมัครง่ายและไม่ยุ่งยาก

ถ้าให้เปรียบ “OIB” (หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของโครเอเชีย) กับสิ่งใกล้ตัวที่สุด ฉันคงเปรียบว่าเหมือน “กุญแจบ้าน” ที่ต้องมีติดตัวเสมอ เพราะหากคุณไม่มี OIB ในโครเอเชียแทบจะใช้ชีวิตยากมาก ตั้งแต่การเปิดบัญชีธนาคาร การรับเงินเดือน การซื้อบ้าน ไปจนถึงเรื่องเล็ก ๆ อย่างการสมัครอินเทอร์เน็ตมือถือแบบรายเดือน

ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนมาใช้ชีวิตที่โครเอเชีย ไม่ว่าจะเพื่อการเรียน ทำงาน ลงทุนธุรกิจ หรือแม้แต่เป็นดิจิทัลโนแมด OIB ควรอยู่ในลิสต์สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ต้องจัดการให้เรียบร้อยตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งคุณสามารถขอพร้อมกันกับ Biometric Residence Card ได้เลย

ในบทความนี้ เราจะพูดถึงทุกอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ OIB รวมถึงว่าสำคัญอย่างไร ขั้นตอนการสมัคร เอกสารที่ใช้ และรวมถึงว่าถ้าทำ OIB หายจะต้องทำอย่างไร

บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 12 นาที ยังไม่มีเวลาอ่านตอนนี้เหรอ? ไม่เป็นไรเลย คุณสามารถส่งเวอร์ชันบทความแบบไม่มีโฆษณาไปที่อีเมลของคุณ แล้วค่อยอ่านทีหลังก็ได้!

คำชี้แจงเรื่องความโปร่งใส: บทความนี้อาจมีลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์หรือบริการจากพันธมิตรของเรา หากคุณคลิกลิงก์เหล่านั้น เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย ซึ่งอาจมีผลต่อรูปแบบการจัดวางเนื้อหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม โปรดวางใจว่า เราแนะนำเฉพาะสิ่งที่เราเชื่อว่ามีประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจริง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายโฆษณา ของเรา.

​​ประเด็นสำคัญ

  • OIB คือ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีที่จำเป็นต่อทุกธุรกรรม เช่น เปิดบัญชี จ่ายบิล ค่าสาธารณูปโภค ซื้อบ้าน หรือสมัครอินเทอร์เน็ต
  • จำเป็นสำหรับชาวต่างชาติพำนักระยะยาว นักลงทุน ผู้ทำธุรกรรมทางการเงิน ผู้ดำเนินธุรกิจ และดิจิทัลโนแมดที่พำนักเกิน 12 เดือน
  • เอกสารที่ต้องเตรียม มีหนังสือเดินทาง, วีซ่าหรือใบอนุญาตพำนัก (ถ้ามี), หลักฐานที่อยู่ในโครเอเชีย, แบบฟอร์ม OIB, และหนังสือมอบอำนาจกรณียื่นผ่านตัวแทน
  • ขั้นตอนการขอ: พลเมืองประเทศที่สาม ยื่นที่สำนักงานสรรพากรและสถานีตำรวจ, ทำไบโอเมตริก, ชำระค่าธรรมเนียม และพลเมือง EU/EEA/สวิตเซอร์แลนด์ สามารถยื่นออนไลน์ผ่าน e-Citizens ได้ และจะได้รับ OIB ภายใน 8-14 วัน
  • สำหรับดิจิทัลโนแมดที่วางแผนอยู่ยาวควรมี OIB เพื่อความสะดวกจ่ายค่าใช้จ่ายประจำวัน แต่สามารถใช้ดิจิทัลการ์ด Wise, Revolut หรือ N26 แทนจะสะดวกมากกว่า

OIB คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตในโครเอเชีย

ในโครเอเชีย (Osobni identifikacijski broj) คือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีจำนวน 11 หลัก ที่ออกให้โดยสำนักงานสรรพากรโครเอเชีย ทำหน้าที่เป็นหมายเลขประจำตัวถาวรของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีภูมิลำเนาในประเทศ ใช้สำหรับการยืนยันตัวตนในด้านภาษี การเงิน กฎหมาย และธุรกรรมสำคัญต่าง ๆ โดยเลข OIB จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้จะเปลี่ยนชื่อ นามสกุล หรือที่อยู่ก็ตาม

OIB Croatia
ตัวอย่าง OIB ของเรา ซึ่งจะมีเลข OIB 11 หลักอยู่ในนี้

ใครบ้างที่จำเป็นต้องขอ OIB ในโครเอเชีย?

ตอนที่ฉันมาโครเอเชียใหม่ ๆ ฉันเพิ่งรู้ซึ้งเลยว่า OIB สำคัญขนาดไหน เพราะไม่ว่าจะทำอะไรเล็กน้อยแค่ไหนก็ถูกถามหา ตั้งแต่การเปิดซิมมือถือ การเปิดบัญชีธนาคาร ไปจนถึงการซื้อบัตรโดยสารรถบัสระยะยาว ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าถ้าไม่มี OIB ก็ทำไม่ได้เลย 

ตอนนั้นฉันถึงกับต้องหยุดทุกอย่างที่วางแผนไว้ชั่วคราว เพื่อรีบจัดการขอ OIB ให้เรียบร้อย เหตุการณ์นี้ทำให้เข้าใจทันทีว่า ไม่ว่าคุณจะมาโครเอเชียเพื่อเรียน ทำงาน ทำธุรกิจ หรือแค่มาใช้ชีวิตในฐานะดิจิทัลโนแมด OIB คือสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรมี เพราะมันคือกุญแจที่เปิดทางให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างราบรื่น

โดยทั่วไปแล้ว OIB จะจำเป็นสำหรับ

  • ชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาวในโครเอเชีย
  • ผู้ที่ต้องทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น เปิดบัญชีธนาคาร รับเงินเดือน หรือชำระบิล
  • ผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือลงทุนในโครเอเชีย
  • ผู้ที่ดำเนินธุรกิจหรือจดทะเบียนบริษัท

พูดง่ายๆเลยก็คือ หากคุณวางแผนที่จะมาใช้ชีวิตที่โครเอเชียมากกว่าหลายเดือน คุณควรที่จะต้องสมัคร OIB ไว้

ข้อแนะนำ: หากคุณวางแผนจะอยู่โครเอเชียระยะยาว ฉันแนะนำให้ทำ “บัตรพำนัก (Biometric Residence Card)” หรือเรียกอีกอย่างว่า “Permit Card” พร้อมกับการขอ OIB ไปเลย เพราะบัตรนี้ทำหน้าที่เหมือน “บัตรประชาชน” ในการยืนยันตัวตน ช่วยให้คุณไม่ต้องจำเลข OIB หรือพกพาส่วนเอกสารแผ่นใหญ่ ๆ และยังทำให้ไม่ต้องพกพาสปอร์ตบ่อย ๆ เวลาทำธุรกรรมต่าง ๆ อีกด้วย

OIB ใช้ทำอะไรได้บ้างในโครเอเชีย?

ตอนแรกฉันคิดว่า OIB น่าจะจำเป็นแค่เวลาเสียภาษี และสามารถใช้เลขพาสปอร์ตทำธุรกรรมอื่น ๆ ได้ แต่พอมาอยู่โครเอเชียจริง ๆ ถึงได้รู้ว่าเลข 11 หลักนี้ถูกถามหาบ่อยมากกว่าที่คิด และแทบจะกลายเป็นกุญแจหลักสำหรับทุกธุรกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน การทำงาน หรือแม้แต่การใช้บริการเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน

ตัวอย่างที่ต้องใช้ OIB ได้แก่

  • การทำธุรกรรมทางการเงิน ตั้งแต่เปิดบัญชีธนาคาร, โอนเงิน, และทำธุรกรรมทางการเงินอื่น ๆ
  • การติดต่อกับหน่วยงานราชการ ตั้งแต่ลงทะเบียนที่อยู่, ติดต่อสำนักงานสรรพากร และยื่นเอกสารกับหน่วยงานภาครัฐ
  • การชำระค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ตการรับเงินเดือน หรือทำงานกับบริษัทท้องถิ่น
  • การซื้อบ้าน คอนโด หรืออสังหาริมทรัพย์
  • การจดทะเบียนบริษัท / กิจการ 
  • การทำสัญญาโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต หรือบริการรายเดือน
  • การซื้อรถยนต์ และจดทะเบียนพาหนะ
  • การซื้อบัตรโดยสารรถสาธารณะแบบรายเดือน

ขอ OIB ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

ก่อนจะไปยื่นขอ OIB หลายคนอาจกังวลว่าจะยุ่งยากหรือต้องใช้เอกสารมากมาย แต่ความจริงแล้วขั้นตอนค่อนข้างตรงไปตรงมา เพียงแต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเตรียมเอกสารให้ครบตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องเดินทางกลับไปกลับมาให้เสียเวลาเหมือนที่ฉันเคยเจอมาแล้ว คือ ขาดเอกสารเพียงแค่ 1 ใบ แต่เราไม่สามารถยื่นไปก่อนแล้วส่งเอกสารเพิ่มเติมทีหลังได้ ต้องกลับมาอีกครั้งหลังเอกสารครบถ้วนแล้วเท่านั้น

  • หนังสือเดินทาง (Passport) ที่ยังไม่หมดอายุ
  • วีซ่าหรือใบอนุญาตพำนัก (ถ้ามี)
  • หลักฐานที่อยู่ในโครเอเชีย เช่น สัญญาเช่าบ้าน หรือใบลงทะเบียนที่อยู่จากสถานีตำรวจ (MUP)
  • แบบฟอร์มคำขอ OIB (สามารถรับได้ที่สำนักงาน Porezna Uprava หรือดาวน์โหลด OIB Application Form)
  • กรณียื่นผ่านตัวแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจเป็นภาษาโครเอเชีย เซ็นรับรอง และทำโนตาไรซ์

ขอ Biometric Residence Card ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?

หากต้องการขอ Biometric Residence Card จะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้

  • แบบฟอร์มคำขอ Residence Permit (Form 1a)
  • หนังสือเดินทางฉบับจริง
  • หลักฐาน OIB (หรือยื่นพร้อมคำขอ OIB ได้เลย)
  • หลักฐานการประกันสุขภาพ
  • หลักฐานรายได้หรือทรัพย์สินเพียงพอในการพำนัก
  • รูปถ่ายขนาด 30×35 มม.
  • หลักฐานจุดประสงค์การพำนัก (เช่น สัญญาจ้างงาน, ใบรับรองการศึกษา)
  • ใบรับรองความประพฤติจากประเทศต้นทาง (ถ้ามี)
  • ใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียม โดยสามารถชำระล่วงหน้าได้ รายละเอียดบัญชีธนาคารสำหรับการชำระดูได้ที่ MUP Biometric Residence Permit

วิธีการขอ OIB และบัตรพำนัก (Biometric Residence Card) 

หลังจากรู้แล้วว่า OIB สำคัญต่อการใช้ชีวิตในโครเอเชียแค่ไหน ต่อไปคือเรื่องของ “วิธีการขอ” ซึ่งจริง ๆ แล้วขั้นตอนการยื่นไม่ซับซ้อน แต่จะแตกต่างกันไปตามสถานะของคุณว่าเป็นพลเมืองประเทศที่สาม เช่น คนไทย จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ หรือพลเมือง EU/EEA และสวิตเซอร์แลนด์ โดยจะมีขั้นตอนการยื่นแตกต่างกัน ดังนี้

Rattima Residence card in Croatia
แนะนำให้ขอ Biometric Residence Card ไปคู่กับตอนขอ OIB เลย

ขั้นตอนการขอ OIB สำหรับพลเมืองประเทศที่สาม

สำหรับคนไทย จีน หรือใครก็ตามที่ไม่ได้เป็นพลเมือง EU/EEA และสวิตเซอร์แลนด์ ต้องไปทำเรื่องที่สำนักงานสรรพากร (Porezna Uprava) และสถานีตำรวจท้องถิ่น 

โดยหลังจากเดินทางมาถึงโครเอเชียภายใน 2 สัปดาห์ ฉันก็จัดการลงทะเบียนที่อยู่ ขอ OIB และ Biometric Residence Card พร้อมกันไปเลย เพราะระบบในโครเอเชียค่อนข้างล่าช้าและใช้เปเปอร์ค่อนข้างเยอะ ทำไปพร้อมกันจะสะดวกรวดเร็วและประหยัดเวลาทั้งเราและเจ้าหน้าที่ได้ด้วย 

ตอนนั้น ฉันเลือกไปยื่นที่สถานีตำรวจใกล้บ้านเพราะสะดวกที่สุด และต้องเป็นสถานีที่ตรงกับที่อยู่ของเราเท่านั้นนะ ถ้าไปสถานีอื่น พนักงานจะบอกว่าอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบ ทำให้กระบวนการล่าช้าและสร้างความหงุดหงิดได้

ตอนยื่นเอกสาร เจ้าหน้าที่จะขอตรวจหนังสือเดินทางพร้อมกับเอกสารหลักฐานที่อยู่ และหลักฐานการชำระเงิน จากนั้นก็จะให้เราทำไบโอเมตริก โดยสแกนลายนิ้วมือ แล้วจะได้รับกระดาษใบสีขาวเล็ก ๆ ไว้พกติดตัวเป็นหลักฐานชั่วคราว และนัดวันรับการ์ดจริง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่แจ้ง หากเป็นการขอ OIB เพียงอย่างเดียวจะรอประมาณ 8 – 14 วัน แต่หากขอ Biometric Residence Card จะรอโดยประมาณ 2 – 4 สัปดาห์

แต่ถ้าใครยังไม่ได้ชำระค่าธรรมเนียมล่วงหน้า เจ้าหน้าที่จะให้ Revenue Stamp หรือ Potvrda o uplati (Payment Receipt) ซึ่งมีสีแดงและสีเขียว เราต้องนำไปชำระเงินที่ธนาคารหรือไปรษณีย์ ก่อนที่จะไปรับการ์ดตัวจริง 

ตอนฉันใช้วิธีนี้ บอกเลยว่ามันยุ่งยากมากเพราะเราต้องกรอกใบชำระเงินเอง ซึ่งต้องใส่ทั้งที่อยู่ เลขประจำตัว และชื่อจริง-นามสกุล อีกทั้งช่องกรอกค่อนข้างสับสนและมีหลายขั้นตอน ทำให้เสียเวลามาก ๆ สุดท้ายฉันก็ทำสำเร็จ แต่ถ้าใครอยากให้กระบวนการราบรื่น แนะนำว่า ควรชำระค่าธรรมเนียมล่วงหน้าผ่านบัญชีธนาคารจะดีที่สุด โดยสามารถดูเลขบัญชีได้ที่เว็บไซต์ Ministry of the Interior of the Republic of Croatia

ขั้นตอนการขอ OIB สำหรับพลเมือง EU/EEA หรือสวิตเซอร์แลนด์

สำหรับพลเมือง EU/EEA หรือสวิตเซอร์แลนด์จะง่ายกว่ามาก การขอ OIB สามารถทำได้สะดวกผ่าน ระบบออนไลน์ e-Citizens ซึ่งสามารถยื่นคำขอได้เองโดยไม่จำเป็นต้องไปสำนักงานด้วยตัวเอง หากคุณมีบัญชี e-Citizens ที่ใช้งานได้ สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ e-Citizens Platform for EU/EEA Citizens และเลือก Electronic PIN (OIB) assignment จากนั้นทำตามขั้นตอนในระบบ กรอกข้อมูลส่วนตัวและหลักฐานที่จำเป็น เพียงเท่านี้ก็จะได้รับ OIB มาภายในระยะเวลา 8 – 14 วัน

ต้องบอกก่อนว่า การขอ OIB ผ่านระบบ e-Citizens จะไม่ได้รับ Biometric Residence Card คุณจะได้เพียงหมายเลข OIB 11 หลักเท่านั้น ซึ่งสำหรับพลเมือง EU/EEA หรือสวิตเซอร์แลนด์ ก็ไม่มีปัญหา เพราะคุณ มีไอดีการ์ดของพลเมือง EU อยู่แล้ว ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ถ้าต้องการ Biometric Residence Card สามารถไปขอได้ตามขั้นตอนเดียวกันกับพลเมืองประเทศที่สาม

ค่าธรรมเนียม

อัพเดตล่าสุดปี 2025 การขอ OIB สามารถขอได้ฟรี แต่ถ้าต้องการ Biometric Residence Card ค่าธรรมเนียมปกติอยู่ที่ €31.85 หากต้องการด่วนจะอยู่ที่ €59.73 และค่าธรรมเนียมออกบัตร €9.29 การมีการ์ดนี้ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก เพราะเราไม่ต้องจำเลข OIB หรือพกพาส่วนเอกสารใหญ่ ๆ และไม่ต้องพกพาสปอร์ตบ่อย ๆ เรียกได้ว่าสะดวกกว่ามาก

มีเทคนิคอะไรบ้างที่ช่วยให้การขอ OIB ง่ายขึ้น?

จากประสบการณ์ของฉันเอง มีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้กระบวนการขอ OIB และ Biometric Residence Card ราบรื่นขึ้นมาก เริ่มจากไปแต่เช้า เพราะสำนักงาน Porezna Uprava หรือสถานีตำรวจมักมีคิวเยอะ ถ้าไปสายอาจต้องรอนานและเสียเวลามาก 

ฉันเองก็เคยไปรอตั้งแต่ 09:00 น. จนเลยเวลาพักเบรกของพนักงาน 11:15 น. มาแค่ 5 นาที พนักงานก็ไม่ทำให้แล้ว ตามสไตล์คนยุโรป Work-life balance ตอนนั้นก็หงุดหงิดพอสมควร เพราะต้องไปต่อคิวและยืนรอ ไม่ใช่ระบบกดคิวที่ทันสมัยแบบประเทศไทยที่เราเคยชิน และต้องกลับมาอีกที 1 อาทิตย์ให้หลัง เรียกได้ว่าระบบยังคงไม่เสถียรและไม่ทันสมัยเท่าไหร่นัก

อีกอย่าง คือ เตรียมสำเนาเอกสารให้พร้อม เพราะเจ้าหน้าที่มักขอเก็บสำเนา เช่น หนังสือเดินทาง หลักฐานที่อยู่ หรือใบเสร็จชำระเงิน การเตรียมสำเนาล่วงหน้าจะช่วยให้กระบวนการเร็วขึ้นและไม่ต้องมานั่งถ่ายเอกสารที่นั่น เพราะเวลาค่อนข้างจำกัด บวกคิวที่เยอะมาก ถ้าขาดไปอย่างใดอย่างหนึ่งก็ต้องไปต่อคิวใหม่เท่านั้นเลย 

สุดท้าย ตอนที่ฉันไปขอเอกสาร จุดประสงค์หลักคือเพื่อทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียก นายจ้างของเราไปด้วย หรือให้นายจ้างเป็นผู้ยื่นเรื่องแทน แต่นายจ้างไม่จำเป็นต้องเตรียมเอกสารใด ๆ ไปด้วย เพียงแค่ต้องไปแสดงตัวตนให้เจ้าหน้าที่เห็นหน้า เพื่อยืนยันข้อมูลและเพื่อให้กระบวนการถูกต้องตามกฎหมาย

Advertisement

นอกจากนี้ การยื่นขอเอกสารใด ๆ ที่สถานีตำรวจควรมีล่ามที่พูดภาษาโครเอเชียได้ มาด้วย เพราะแม้บางสถานีจะมีเจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้ แต่ตามสไตล์งานยุโรป เจ้าหน้าที่มักทำหน้าที่ของตัวเองเพียงอย่างเดียวและจะไม่ช่วยแปลหรือให้คำแนะนำเพิ่มเติม ถ้ามีล่ามมาด้วยช่วยลดความสับสนและทำให้กระบวนการเร็วขึ้นมาก

เคล็ดลับเล็ก ๆ: เวลาคุณไปสำนักงานสรรพากรหรือ MUP อย่าลืมยิ้ม และพยายามพูด “Hvala” (ขอบคุณ) กับเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง ประสบการณ์ส่วนตัวบอกเลยว่า เจ้าหน้าที่จะใจดีขึ้นมากกว่าที่คุณคิด 

ข้อควรระวังการยื่นขอ OIB สำหรับชาวต่างชาติ

แม้ว่าการขอ OIB จะไม่ใช่ขั้นตอนที่ซับซ้อนมากนัก แต่ชาวต่างชาติอย่างเรา ๆ ควรใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยที่อาจทำให้การยื่นคำขอล่าช้าหรือถูกปฏิเสธโดยไม่จำเป็น ปัญหาที่พบบ่อยคือข้อมูลที่อยู่ไม่ตรงกันระหว่างสัญญาเช่าบ้าน ใบลงทะเบียนที่อยู่จากสถานีตำรวจ และเอกสารที่กรอกในแบบฟอร์ม OIB หากมีความคลาดเคลื่อน ถึงแม้เพียงตัวเลขที่อยู่ผิดหนึ่งหลักหรือการสะกดชื่อถนนไม่ตรง เจ้าหน้าที่ก็อาจปฏิเสธคำขอได้ทันที เพราะ OIB เป็นหมายเลขถาวรที่ใช้เชื่อมโยงกับข้อมูลของภาครัฐ ดังนั้น ก่อนยื่นเอกสาร ควรตรวจสอบให้ทุกอย่างตรงกัน 100% ทั้งชื่อ–นามสกุล เลขที่อยู่ และรหัสไปรษณีย์

ฉันเองก็มีประสบการณ์ใกล้ตัว เพื่อนเคยกรอกเลข OIB ผิดตอนชำระเงินด้วย Revenue Stamp ผลคือเอกสารไม่สามารถใช้ได้ ต้องเสียเงินซื้อใหม่ และที่สำคัญคือไม่สามารถขอคืนได้ พอไปถึงขั้นตอนยื่นจริง เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าเลขไม่ตรงก็ต้องทำเรื่องใหม่ทั้งหมด เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายไปโดยเปล่าประโยชน์เลยทีเดียว

สำหรับใครที่มี OIB อยู่แล้ว แต่ภายหลังพบว่าข้อมูลที่อยู่ไม่ถูกต้อง หรือย้ายที่อยู่ สามารถแจ้งแก้ไขกับสำนักงานสรรพากรได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องสมัครใหม่ เพราะ OIB เป็นรหัสถาวร ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือทำซ้ำได้

ด้วยเหตุนี้ หลายคนรวมถึงตัวฉันเองจึงเลือกใช้บริการตัวแทนหรือนายหน้าช่วยเตรียมเอกสาร เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลครบถ้วนและถูกต้อง ฉันเคยให้สำนักงานกฎหมายดูแลเอกสารให้ แล้วหน้าที่ของเรามีเพียงไปยื่นและเซ็นเอกสารที่จำเป็น แต่หากไม่สามารถไปยื่นด้วยตัวเองได้จริง ๆ ก็ต้องมีหนังสือมอบอำนาจที่จัดทำเป็นภาษาโครเอเชียและผ่านการโนตาไรซ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ที่สำคัญควรเก็บสำเนาเอกสารและหนังสือมอบอำนาจไว้เสมอ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง

หากทำ OIB หรือ Biometric Residence Card สูญหายต้องทำอย่างไร?

เอกสารทั้ง 2 อย่างถือเป็นสิ่งจำเป็นและควรพกติดตัวตลอดเวลา แต่หากเป็นกรณีที่ Biometric Residence Card หาย สิ่งแรกที่ต้องทำคือรีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ (MUP) ใกล้บ้านทันที เนื่องจากเมื่อมีการรายงาน เจ้าหน้าที่จะประกาศให้บัตรเก่าเป็นโมฆะและไม่สามารถใช้งานได้อีก หลังจากนั้นต้องยื่นคำร้องขอทำบัตรใหม่ พร้อมเตรียมเอกสารและทำขั้นตอนเหมือนกันกับตอนที่เรายื่นขอครั้งแรก

ส่วนกรณีที่เอกสาร OIB หาย หากเราจำเลข 11 หลักได้ก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็ควรไปแจ้งความไว้เพื่อป้องกันปัญหา และสามารถขอเอกสารยืนยัน OIB ใหม่ได้ที่สถานีตำรวจหรือสำนักงานสรรพากร โดยหมายเลข OIB จะคงเดิมเสมอ ไม่สามารถเปลี่ยนใหม่ได้ อีกทั้งยังมักถูกพิมพ์บน Biometric Residence Card หรือบัตรประกันสุขภาพ ดังนั้น หากบัตรเหล่านี้ยังอยู่ ก็สามารถใช้แทนได้ในชีวิตประจำวัน

Digital Nomad ที่โครเอเชียต้องมี OIB หรือไม่?

สำหรับใครที่วางแผนจะมาโครเอเชียในฐานะ ดิจิทัลโนแมด คำถามที่มักเกิดขึ้นเสมอคือ “จำเป็นต้องขอ OIB หรือเปล่า?” เพราะหลายคนไม่ได้ทำงานกับบริษัทท้องถิ่นโดยตรง และรายได้ก็มาจากต่างประเทศทั้งสิ้น

จากประสบการณ์ของฉัน ถ้าคุณอยู่ไม่นานนักอาจไม่ถึงขั้นจำเป็นเพราะยังสามารถใช้ บัตรเครดิต/เดบิตจากประเทศต้นทาง ในการจ่ายค่าใช้จ่ายประจำวันได้ เพียงแต่ต้องยอมเสียค่าธรรมเนียมการรูดต่างประเทศที่สูงหน่อย แต่ถ้าวางแผนจะอยู่ยาว โดยเฉพาะเกิน 12 เดือน ขึ้นไป OIB ก็แทบจะขาดไม่ได้ เพราะใช้ตั้งแต่การจ่ายค่าสาธารณูปโภค ค่าบ้าน ค่าอินเทอร์เน็ต ไปจนถึงการซื้อบัตรโดยสารสาธารณะรายเดือน ซึ่งระบบในโครเอเชียจะถามหา OIB เกือบทุกขั้นตอน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีอีกทางเลือกที่สะดวกมากสำหรับโนแมดยุคใหม่ คือ การใช้ดิจิทัลการ์ด เช่น Wise, Revolut หรือ N26 ซึ่งช่วยลดค่าธรรมเนียมและทำให้การใช้เงินระหว่างประเทศง่ายขึ้นเยอะ คุณสามารถจ่ายค่าสินค้า บริการ หรือแม้แต่โอนเงินไปยังบัญชีในโครเอเชียได้โดยไม่ต้องง้อธนาคารท้องถิ่นตลอดเวลา

Rattima Korwisedchai
เคยใช้ชีวิตในโครเอเชียช่วงปี 2024 และได้สัมผัสชีวิตประจำวันนอกเหนือจากมุมมองของนักท่องเที่ยว ปัจจุบันเขียนบทความให้เว็บไซต์ต่างประเทศในหัวข้อเกี่ยวกับการย้ายประเทศ ไลฟ์สไตล์ และการทำงานแบบดิจิทัล
อ่านในภาษาอื่น
บทความนี้มีให้บริการในภาษา: