
วางแผนชีวิต Digital Nomads ในโครเอเชียแบบครบวงจร รู้จักวีซ่า การใช้ชีวิต ค่าครองชีพ เมืองยอดนิยม และเคล็ดลับสำหรับการทำงานออนไลน์ในยุโรป
อีกหนึ่งประเทศในยุโรปยอดนิยมของ Digital Nomads ช่วงนี้ ต้องพูดถึง “โครเอเชีย” ประเทศที่มีทั้งคาเฟ่บรรยากาศดี กาแฟรสเยี่ยม และพื้นที่สร้างสรรค์งานได้อย่างอิสระ และยังมีวีซ่าที่เอื้อต่อคนทำงานออนไลน์อย่างเราๆ สามารถพำนักระยะยาวในประเทศได้ อีกทั้ง โครเอเชีย ยังมีทรรศนียภาพที่สวยงาม ค่าครองชีพสมเหตุสมผล และคุณภาพชีวิตที่ใกล้เคียงกับอิตาลีหรือฝรั่งเศส เหมาะทั้งกับคนรักทะเล ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ แถมยังเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป ทำให้ขอวีซ่าครั้งเดียวสามารถเดินทางทำงานและท่องเที่ยวในหลายประเทศได้สะดวก ขั้นตอนการทำวีซ่า ค่าใช้จ่าย และการดำเนินการต่างๆ ก็ง่ายกว่าที่หลายคนคิด
ในบทความนี้ เราจะพามารู้จักประเทษโครเอเชียมากขึ้นว่าทำไมหลังๆ digital nomads ถึงชอบมาอยู่ที่นี่โดยเฉพาะจากประเทศยุโรป รวมถึงว่าถ้าหากคุณต้องการที่จะมาเป็น digital nomads ที่นี่ต้องทำอย่างไรบ้าง มาดูกัน
บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 32 นาที ยังไม่มีเวลาอ่านตอนนี้เหรอ? ไม่เป็นไรเลย คุณสามารถส่งเวอร์ชันบทความแบบไม่มีโฆษณาไปที่อีเมลของคุณ แล้วค่อยอ่านทีหลังก็ได้!
คำชี้แจงเรื่องความโปร่งใส: บทความนี้อาจมีลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์หรือบริการจากพันธมิตรของเรา หากคุณคลิกลิงก์เหล่านั้น เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย ซึ่งอาจมีผลต่อรูปแบบการจัดวางเนื้อหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม โปรดวางใจว่า เราแนะนำเฉพาะสิ่งที่เราเชื่อว่ามีประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจริง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายโฆษณา ของเรา.
Contents
- ทำไมโครเอเชียถึงฮอตในหมู่ Digital Nomads?
- วีซ่าสำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
- ค่าใช้จ่ายสำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
- ที่พักสำหรับดิจิทัล โนแมด
- การเดินทางสำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
- การรักษาพยาบาลและประกันสุขภาพสำหรับ Digital Nomads
- การใช้จ่ายและการเปิดบัญชีธนาคารสำหรับ Digital Nomads
- อินเทอร์เน็ตและไวไฟสำหรับ Digital Nomads
- Co-working Space ในโครเอเชีย
- ภาษีและกฎหมายสำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
- เมืองยอดนิยมสำหรับ Digital Nomads
- ข้อเสียของการเป็น Digital Nomads ในโครเอเชีย
- ชุมชนของ Digital Nomads ในโครเอเชีย
- กิจกรรมและเฟสติวัลสำหรับ Digital Nomads ตลอดปีในโครเอเชีย
- กิจกรรมสาย Language Exchange สำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
- กิจกรรมสายแอดเวนเจอร์ สำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
- เปรียบเทียบโครเอเชียกับประเทศยุโรปยอดนิยมสำหรับ Digital Nomads
- สรุปโครเอเชียเป็นประเทศที่เหมาะกับ Digital Nomads
ทำไมโครเอเชียถึงฮอตในหมู่ Digital Nomads?
โครเอเชียอาจจะไม่ได้เป็นประเทศแรกๆที่คนคิดถึง แต่เอาจริงๆ เราว่ามีหลายเหตุผลที่ประเทศนี้เหมาะกับ digital nomads มากๆ
- ค่าครองชีพที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับยุโรปตะวันตก อย่างฝรั่งเศส ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์
- หากคุณมากจากกลุ่มประเทศEU/EEA และสวิตเซอร์แลนด์สามารถเข้ามาและอยู่ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
- การเดินทางไปไหนมาไหนก็ง่ายโดยเฉพาะถ้าคุณมาจากยุโรป นั่งเครื่องไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
- คุณภาพชีวิตดี เมืองปลอดภัย คนไม่พลุกพล่านและบรรยากาศผ่อนคลายติดทะเล
- การเติบโตของชุมชน Digital Nomads ช่วงหลัง ๆ มีทั้งกิจกรรม Networking, Meetup และคอนเฟอเรนซ์ระดับนานาชาติ
- ทำเลสะดวกในการเดินทาง ขอวีซ่าครั้งเดียวก็เที่ยวและทำงานประเทศอื่นในโซนเชงเก้นได้
- ชาวอเมริกัน แคนาดา อังกฤษ และออสเตรเลียสามารถพำนักได้ระยะสั้น (90 วันภายใน 180 วัน) โดยไม่ต้องขอวีซ่า

วีซ่าสำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
ก่อนอื่นเลย เรามาดูกันว่าในเรื่องวีซ่าสำหรับ digital nomads ในโครเอเชีย ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ
กลุ่มที่ 1 หากคุณเป็นพลเมือง EU/EEA และสวิตเซอร์แลนด์
ลองนึกภาพ หากวันนึงคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาทำงานริมทะเลในโครเอเชีย ฟังเสียงคลื่นพร้อมทำงาน ท่ามกลางแดดสดใสได้จะดีแค่ไหน และหากคุณเป็นพลเมือง EU/EEA และสวิตเซอร์แลนด์ก็ง่ายนิดเดียว เพราะนอกจากจะใกล้เพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้ว ยังสามารถเดินทางมาได้ทันทีโดยไม่ต้องขอวีซ่าหรือใบอนุญาตพิเศษใดๆ ก็สามารถเดินทางเข้าออกโครเอเชียได้สะดวก ตามกฎหมายว่าด้วยการเคลื่อนย้ายพลเมืองของสหภาพยุโรป
แต่มีข้อแม้ว่า หากพักเกิน 90 วัน จะต้องแจ้งการพำนักชั่วคราว (Temporary Stay Notification) ที่สถานที่ตำรวจใกล้ที่พักที่คุณอยู่อาศัย ภายใน 8 วัน หลังครบกำหนด 3 เดือนแรก ฟังดูจริงจัง แต่จริงๆ ก็แค่พกเอกสารไม่กี่อย่างไปยื่น เช่น แบบฟอร์มที่กรอกไว้แล้ว, บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต, หลักฐานการเงิน, ประกันสุขภาพ และสัญญาเช่าที่พัก เป็นอันเรียบร้อย
กลุ่มที่ 2 หากคุณมาจากประเทศอื่น
แต่หากคุณไม่ได้ถือพาสปอร์ต EU/EEA หรือสวิตเซอร์แลนด์ก็ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะที่นี่ก็ยังเปิดรับ Digital Nomads ด้วยวีซ่าพำนักชั่วคราว (Temporary Stay Visa) ได้เหมือนกัน การขอก็ง่ายๆ ขอแค่คุณเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานรีโมท หรือมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และไม่ได้ทำงานในบริษัทโครเอเชีย หรือรับเงินจากผู้ว่าจ้างในโครเอเชีย ก็สามารถอยู่ทำงานได้อย่างถูกกฏหมายแล้ว
ที่เด็ดเลยคือ วีซ่านี้สามารถอยู่ได้นานสุดถึง 18 เดือน และยังต่ออายุได้อีกครั้งละ 6 เดือน แต่อย่าลืมต่ออายุนะ เพราะหากหมดอายุแล้ว ต้องเว้นช่วงการขอวีซ่าไว้ 6 เดือน ถึงจะยื่นขอใหม่ได้อีกเลยทีเดียว
ส่วนช่องทางการขอวีซ่านี้ ก็สามารถขอได้ผ่านสถานทูตหรือกงสุลโครเอเชียที่ใกล้คุณที่สุด ยกตัวอย่าง ฉันเป็นคนไทย อาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ในประเทศไทยไม่มีสถานทูตโครเอเชีย แต่มี VFS Global ที่ทำหน้าที่รับยื่นคำร้องขอวีซ่าไปยังโครเอเชีย เราก็สามารถยื่นเอกสารที่นี่ และให้เค้าเดินเรื่องให้เราจนไปถึงขั้นตอนการพิจารณาวีซ่าของสถานทูตโครเอเชีย ณ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งใกล้ประเทศไทยที่สุดและดูแลพื้นที่ประเทศไทยนั่นเอง
แต่ในปี 2025 นี้ ยังมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นสำหรับการยื่นขอวีซ่า Digital Nomad เพราะเราสามารถทำเรื่องโดยตรงผ่าน เว็บไซต์ของกระทรวงมหาดไทยโครเอเชีย (MUP) เพียงแค่กรอกข้อมูลและอัปโหลดเอกสารออนไลน์ ได้แก่
- แบบฟอร์มคำร้อง
- หนังสือเดินทาง
- รูปถ่าย
- หลักฐานการทำงานแบบ Remote / Freelance
- หลักฐานทางการเงิน
- หลักฐานการประกันสุขภาพ
- หลักฐานที่พัก
- หนังสือรับรองความประพฤติ
- ใบเสร็จการชำระค่าธรรมเนียม
เพียงเท่านี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาวีซ่าได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปสถานทูตให้ยุ่งยาก
ค่าใช้จ่ายสำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
ถ้าอยากใช้ชีวิตแบบดิจิทัลโนแมดในโครเอเชีย เรื่องค่าใช้จ่ายโดยรวมถือว่ายังคงเป็นมิตรกับกระเป๋ากว่าเมืองดังๆ ในยุโรปตะวันตกอย่างปารีส โรม หรือมิลาน แม้บางช่วงฤดูท่องเที่ยวราคาจะสูงขึ้นบ้าง แต่ถ้าเลือกอยู่ในย่านชุมชนหรือนอกตัวเมือง ก็สามารถประหยัดได้มากขึ้น
ค่าใช้จ่ายหลักๆ ที่ต้องเตรียมไว้ก็ถือว่าไม่แพงเกินไปและยืดหยุ่นตามไลฟ์สไตล์ของเรา เริ่มจากค่าที่พักซึ่งขึ้นอยู่กับเมืองและประเภทของที่พัก เช่น อพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กในซาเกร็บ อาจมีราคาอยู่ที่ประมาณ 400-700 ยูโรต่อเดือน ขณะที่เมืองชายฝั่งอย่างสปลิทหรือดูบรอฟนิก ราคาจะสูงขึ้นเป็น 600-1,200 ยูโรต่อเดือน โดยเฉพาะในฤดูท่องเที่ยว
ค่าอาหารและเครื่องดื่มก็เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่ต้องวางแผนดีๆ สำหรับฉันเองตอนอยู่ที่นั่น เลือกกินแบบประหยัดโดยซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาทำเองและทานอาหารตามคาเฟ่บ้างบางครั้ง ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพียง 200-400 ยูโรต่อเดือนก็กินอยู่อย่างสบายได้แล้ว
ส่วนการเดินทางภายในเมืองส่วนใหญ่ใช้รถบัสเป็นหลักต่อเดือนประมาณ 30-50 ยูโร แต่ถ้าใครวางแผนจะเช่ารถ ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 250-500 ยูโร
อย่างไรก็ตาม Digital Nomads อาจจะต้องเตรียมค่าครองชีพอื่นๆ เพื่อการทำงาน เช่น อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ Co-working Space หรือกิจกรรมเสริมต่างๆ ก็จะอยู่ราว 100-300 ยูโรต่อเดือน
เมื่อรวมทั้งหมดแล้ว หากใช้ชีวิตแบบประหยัดและวางแผนดีๆ เงินประมาณ 1,000-3,000 ยูโรต่อเดือนก็เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าค่าครองชีพจะสูงกว่าประเทศแถวเอเชียอย่างประเทศไทย แต่โครเอเชียได้เปรียบตรงอยู่ใกล้กับยุโรปมากกว่า
สำหรับใครที่อยากวางแผนค่าใช้จ่ายให้ละเอียดมากขึ้น สามารถอ่านบทความของฉันเกี่ยวกับค่าครองชีพในโครเอเชียอย่างละเอียดได้ที่ “ค่าครองชีพในโครเอเชีย: คุณต้องใช้เท่าไหร่ต่อเดือน?”
ที่พักสำหรับดิจิทัล โนแมด
หลายคนที่ทำงานในรูปแบบ Digital Nomads มักมองหาที่พักไม่ใช่เพียงแค่ที่นอน แต่เป็น พื้นที่ใช้ชีวิตและทำงานควบคู่กันไปได้ ในโครเอเชียมีตัวเลือกที่พักที่หลากหลาย ตั้งแต่ อพาร์ตเมนต์ติดทะเล, บ้านพักตากอากาศกว้างขวาง ไปจนถึงแฟลตร่วมแชร์กลางเมือง
แน่นอนว่าการหาที่พักผ่าน Airbnb สะดวกและปลอดภัยไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ แต่จากประสบการณ์การใช้ชีวิตในโครเอเชียตลอดปี 2024 ฉันพบว่ามีแอพท้องถิ่นอย่าง Njuškalo ให้ราคาย่อมเยากว่าและมักเป็นที่นิยมในกลุ่มคนโครเอเชียโดยตรง จุดที่ต้องระวัง คือ ภาษาของแอพเป็นโครเอเชียทั้งหมด ทำให้การสื่อสารอาจซับซ้อนสำหรับชาวต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม มีช่องทางที่ง่ายกว่าและตรงกับความต้องการของ Digital Nomads มากกว่า ได้แก่ community-based เช่น กลุ่ม Facebook Digital Nomads Croatia Housing หรือเว็บไซต์เฉพาะอย่าง Nomad Stay และ Digital Nomads Split ที่ประกาศห้องแชร์และคอนโดราคาย่อมเยา เหมาะกับผู้ที่ทำงานออนไลน์โดยตรง และช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับชุมชนโนแมดในโครเอเชียได้อย่างรวดเร็ว
การเดินทางสำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
การเดินทางภายในเมืองหลักของโครเอเชีย ส่วนใหญ่จะใช้รถบัสสาธารณะเป็นหลัก ซึ่งครอบคลุมทั้งในเมืองและเมืองรอบนอก ยกเว้นที่ ซาเกร็บจะมี รถราง (Tram) ของ ZET ให้บริการควบคู่ไปกับรถบัส ทำให้เดินทางไปยังย่านต่าง ๆ ได้สะดวก ไม่ว่าจะไปคาเฟ่ ร้านอาหาร หรือ Co-working Space

ตั๋วโดยสารสามารถหาซื้อได้หลากหลายช่องทาง เช่น ตู้ขายตั๋ว, ร้านสะดวกซื้อ, แผงหนังสือ Tisak, ซื้อจากคนขับโดยตรง หรือแม้แต่ แตะบัตรเครดิต/เดบิตอย่าง Visa, MasterCard รวมถึงบัตรดิจิทัลอย่าง Wise หรือ Revolut ก็ได้เช่นกัน แต่ราคาจะถูกกว่าหากซื้อจากจุดขาย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1-3 ยูโรต่อเที่ยว ส่วนใครที่ต้องการเดินทางหลายรอบต่อวัน ก็มักมี ตั๋วรายวัน ในราคาประมาณ 4-6 ยูโร ให้เลือกเช่นกัน
สำหรับการเดินทางระหว่างเมือง เช่น จากซาเกร็บไปสปลิท หรือสปลิทไปดูบรอฟนิก มักจะมีบริการรถบัสระหว่างเมืองของบริษัทเอกชนอย่าง FlixBus หรือ Arriva ราคาจะขึ้นอยู่กับระยะทางและช่วงเวลาที่จอด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10-40 ยูโรต่อเที่ยว แต่หากเป็นช่วงหน้าร้อน นักท่องเที่ยวจะเยอะหน่อย เราก็ขอแนะนำให้จองล่วงหน้านานๆ จะดีที่สุด
ถ้าคุณวางแผนจะเช่ารถยนต์ส่วนตัวเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตในโครเอเชีย ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับคนที่อยู่เมืองไกลๆ อย่างซาดาร์ ซิเบนิก หรือพูลา และเหมาะสำหรับโนแมดที่ต้องการความคล่องตัว ไปไหนมาไหนสะดวก ไป Co-working Space ได้หลายที่ หรืออยากออกทริปสั้นๆ ระหว่างสัปดาห์แต่ยังอยากพกงานไปทำด้วย
ส่วนตัวฉันเคยเช่ารถของเพื่อนบ้านอยู่เดือนนึง ค่าเช่าอยู่ราว ๆ 250 ยูโรต่อเดือน (ยังไม่รวมเงินมัดจำและประกันภัย) หากอยากได้ราคานี้ก็สามารถหาเช่าใน Njuškalo ได้เหมือนกัน หรือใช้เว็บไซต์สากลหน่อยอย่าง Sixt, Kayak, Autorentals ก็มีให้เลือกหลากหลายฟังก์ชัน
แต่ที่ควรรู้ไว้ คือ พื้นที่จอดรถตามในเมืองสปลิท และดูบรอฟนิก จะหาที่จอดยากมาก จอดได้ไม่นาน และราคาแพง อย่างในสปลิทเองมีที่จอดรถเอกชนให้เช่า ราคาชั่วโมงละ 3 ยูโรถึง 10 ยูโร บางที่หากจอดเกิน 3 ชั่วโมงก็จะมีจะเหมาเป็นรายวัน ประมาณ 30 – 40 ยูโรต่อวัน แต่ไม่ต้องตกใจไป ตามริมชายหาดมักจะมีที่จอดฟรีอยู่ และถ้าเป็นร้านอาหารหรือคาเฟ่นอกเมือง ส่วนใหญ่ยังมีที่จอดรถรองรับอยู่เกือบทุกร้าน
การรักษาพยาบาลและประกันสุขภาพสำหรับ Digital Nomads
หนึ่งในเอกสารสำคัญในการยื่นขอ Croatia Digital Nomad Visa คือ หลักฐาน ประกันสุขภาพหรือประกันการเดินทาง (Travel Insurance) ที่มีความคุ้มครองขั้นต่ำ 30,000 ยูโร ครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาลและกรณีฉุกเฉิน โดยกรมธรรม์ต้องมีอายุครอบคลุมตลอดระยะเวลาที่พำนักในโครเอเชีย และสามารถใช้ได้ในเขต Schengen Area ด้วย ที่สำคัญคือ ต้องเป็น ประกันสุขภาพเอกชนหรือ International Health Insurance ไม่สามารถใช้ประกันภาคบังคับของรัฐได้ ถึงแม้ระบบสาธารณสุขของโครเอเชียจะครอบคลุมค่อนข้างดี แต่การมีประกันเอกชนจะช่วยให้เข้าถึงบริการที่รวดเร็ว ลดเวลารอคิว และเลือกใช้โรงพยาบาลเอกชนที่มีบริการภาษาอังกฤษได้ง่ายกว่า
สำหรับ Digital Momads การเลือกทำประกันสุขภาพถือว่าสำคัญมาก เพราะเป็นหลักประกันเวลามีเหตุฉุกเฉินหรือเจ็บป่วยในต่างแดน ประกันที่ได้รับความนิยม ได้แก่ SafetyWing และ World Nomads ซึ่งเป็นประกันเดินทางทีเหมาะสมสำหรับโนแมด เพราะมีแพ็กเกจที่ออกแบบมาสำหรับนักเดินทางและคนทำงานระยะยาวโดยเฉพาะ อีกทั้งยังคุ้มครองแบบทั่วโลก เหมาะสำหรับคนที่อาจไม่ได้อยู่โครเอเชียถาวร และต้องการย้ายสถานที่ทำงานไปเรื่อยๆ แต่ข้อเสียประกันเดินทางแบบนี้คือจะครอบคลุมแค่ emergency coverage เท่านั้น หากเป็นมะเร็งหรือโรคร้ายแรงขึ้นมา ประกันอาจจะไม่ครอบคลุมถึง อีกทั้งหากต้องรักษาระยะยาว ประกันอาจจะส่งคุณกลับบ้านแทน
แต่ถ้าอยากได้ความคุ้มครองสุขภาพที่สูงกว่า เลือกเป็น Expat Health Insurance จะดีกว่าเพราะจะคลอบคลุมโรคได้เยอะกว่ามาก รวมทั้งโรคร้ายแรงต่างๆด้วย ข้อเสียคือจะแพงกว่าประกันเดินทาง
ประกันส่วนใหญ่ครอบคลุมตั้งแต่การพบ GP (General Practitioner), การส่งต่อไปยังแพทย์เฉพาะทาง, การตรวจวินิจฉัยไปจนถึงกรณีฉุกเฉิน และถ้าเป็นอาการเบื้องต้นอย่างไข้หวัด ปวดท้อง หรือโรคประจำตัวทั่วไป ก็สามารถไปหาหมอตามคลินิกเอกชน ซึ่งมักมีแพทย์ที่พูดภาษาอังกฤษได้ และบางแห่งยังสามารถนัดหมายออนไลน์ล่วงหน้าอีกด้วย
ส่วนเรื่องยาในโครเอเชียถือว่าสะดวกมาก ยาสามัญประจำบ้านอย่าง ยาแก้ปวด ยาลดไข้ หรือยาสำหรับโรคเรื้อรังทั่วไปสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป นอกจากนี้ยังมี วิตามินและอาหารเสริม วางขายตามร้านเวชสำอางหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้การดูแลสุขภาพประจำวันไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก
กรณีศึกษาประกันสุขภาพ เพื่อนชาวอเมริกันที่ฉันเล่าว่าเขาพักแถวๆ เมืองโทรเกียร์ เขาทำงานเป็นดิจิทัลโนแมดในโครเอเชีย เพราะว่าชื่นชอบกิจกรรมดำน้ำ ขี่รถเที่ยว เล่นเซิร์ฟ ซึ่งเป็นกิจกรรมสุ่มเสี่ยงทั้งนั้น เขาเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ที่ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งกับการมีประกันสุขภาพเป็นอย่างมาก
วันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุขณะขี่มอเตอร์ไซค์ และบาดเจ็บหนักจนต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ โชคดีที่เขาซื้อประกันเดินทางไว้ตั้งแต่แรก และยังทำใบขับขี่สากล และใบอนุญาตดำน้ำอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ทำให้ประกันนี้ครอบคลุมครบทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด และค่าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่เพียงเท่านั้น ยังครอบคลุมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ตามมา เช่น ค่าที่พักเพิ่มเติมและค่าตั๋วเครื่องบินใหม่ เนื่องจากเขาไม่สามารถเดินทางตามกำหนดการเดิมได้ ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เห็นชัดเจนเลยว่า ประกันสุขภาพสำหรับโนแมดไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะอุบัติเหตุและเหตุไม่คาดคิดสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าที่เราคิดไว้มาก
การใช้จ่ายและการเปิดบัญชีธนาคารสำหรับ Digital Nomads
โครเอเชียถือว่าเป็นประเทศที่รองรับการใช้จ่ายแบบดิจิทัลได้ดี ร้านอาหาร คาเฟ่ และซุเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่รองรับการชำระเงินด้วยบัตร Visa และ Mastercard รวมถึงระบบ contactless ที่สามารถแตะบัตรหรือใช้งานผ่าน Apple Pay / Google Pay ได้ทันที ทำให้ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดจำนวนมากติดตัว แม้กระทั่งการซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างกาแฟหรือเบเกอรี่ หรือขึ้นรถสาธารณะก็สามารถแตะจ่ายผ่านมือถือได้สะดวก
สำหรับ Digital Nomads ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในโครเอเชียระยะยาว การใช้บริการบัตรดิจิทัลอย่าง Wise หรือ Revolut ถือว่าสะดวกมาก ทั้งสองเจ้านี้ให้เราสามารถถือเงินหลายสกุลในบัญชีเดียวและแปลงค่าเงินด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่โปร่งใสกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป อีกทั้งยังสามารถกดเงินสดจากตู้ ATM ได้ (ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับแพ็กเกจและวงเงินที่ใช้ต่อเดือน) ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกมากยิ่งขึ้น และไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีธนาคารท้องถิ่นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากคุณวางแผนพำนักในโครเอเชียระยะยาว การเปิดบัญชีธนาคารท้องถิ่นก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกขึ้น แต่ขั้นตอนอาจจะค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อย เพราะคุณต้องดำเนินการเอกสารหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่การขอใบอนุญาตพำนักชั่วคราว (Temporary Residence Permit) จากสถานีตำรวจ พร้อมกับแนบหนังสือเดินทาง และหมายเลขประจำตัวภาษี OIB (Osobni identifikacijski broj) ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์จนถึงเกือบหนึ่งเดือน
เมื่อได้เอกสารครบแล้ว คุณสามารถนำไปยื่นเปิดบัญชีที่ธนาคารท้องถิ่น เช่น Zagrebačka Banka, Erste Bank ซึ่งส่วนใหญ่มีบริการรองรับชาวต่างชาติ และบางแห่งก็มีเจ้าหน้าที่ที่สื่อสารภาษาอังกฤษ แม้อาจไม่สะดวกเท่าการใช้บัตรดิจิทัล แต่สำหรับผู้ที่พำนักนาน ๆ การมีบัญชีท้องถิ่นจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่าเช่าที่พัก หรือธุรกรรมในประเทศที่มักจะโอนผ่านระบบธนาคารภายในโครเอเชียโดยตรง
แต่อย่าลืมว่า แม้คุณจะสามารถเปิดบัญชีธนาคารได้ แต่กฎหมายก็เข้มงวดเรื่องรายได้ เพราะคุณ ไม่สามารถรับเงินค่าจ้างจากบริษัทที่จดทะเบียนภายในโครเอเชียโดยตรงได้ หากคุณถือวีซ่า Digital Nomad และถ้าพยายามเลี่ยงโดยให้บริษัทโอนเข้าบัญชีส่วนตัว ระบบธนาคารก็จะมีการตรวจสอบทันที ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายหรือการเพิกถอนใบอนุญาตพำนักได้เลย
อินเทอร์เน็ตและไวไฟสำหรับ Digital Nomads
อีกหนึ่งสิ่งที่ฉันประทับใจมากในโครเอเชียก็คือ เครือข่ายไวไฟสาธารณะที่มีให้ใช้ฟรีแทบทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นบนรถบัส ริมน้ำ หรือแม้แต่ตามชายหาด สัญญาณอินเทอร์เน็ตนิ่งและเร็วจนแทบไม่ต้องห่วงเรื่องสะดุด เหมาะมากกับโนแมด ที่ต้องทำงานหรือคุยงานออนไลน์ตลอดเวลา โดยเฉลี่ยแล้วความเร็วของ Wi-Fi สาธารณะทั่วไปจะอยู่ราวๆ 14 mbps ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานระดับโลก จนได้รับการจัดอันดับจาก Wifi Map ให้เป็น Top 2 เมืองที่มีไวไฟสาธารณะดีที่สุดในโลก รองจาก Lithuania ที่มีความเร็วอยู่ที่ 15 mbps ต่างกันเพียงแค่ 1 mbps เท่านั้น
จากประสบการณ์ของฉัน ฉันใช้ไวไฟสาธารณะในโครเอเชียบ่อยครั้ง และต้องบอกเลยว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบโนแมดได้ดีมาก เวลาเดินเล่นริมท่าเรือหรือไปตามชายหาด สัญญาณก็ยังแรงและเสถียร ใช้งานได้ไม่ต่างจากการใช้เน็ตมือถือเลยทีเดียว บางครั้งฉันก็ลองเชื่อมต่อไวไฟบนรถบัส ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคันจริง ๆ บางคันสัญญาณดี ใช้งานได้สบาย บางคันก็ไม่มีสัญญาณให้เชื่อมต่อเลย แต่นี่คงไม่เป็นปัญหาสำหรับโนแมดที่มีอินเตอร์เน็ตมือถืออย่างแน่นอน
แต่แน่นอนว่าหากต้องการทำงานอย่างจริงจัง ไวไฟสาธารณะไม่เพียงพอแน่นอน
ถ้าอ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดของ Speedtest Global Index ของเดือน July 2025 โครเอเชียมีความเร็วอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เฉลี่ยอยู่ที่ ดาวน์โหลดอยู่ที่ 117.01 Mbps และอัพโหลด 15.33 Mbps ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่เน็ตแรงเหมาะกับการทำงานออนไลน์
ตามบ้านพัก ส่วนใหญ่จะมีความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ราว ๆ 20-30 Mbps ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการทำงานทั่วไป แต่หากบ้านไหนติดตั้งไฟเบอร์หรือสัญญาณดาวเทียม ความเร็วสามารถพุ่งขึ้นไปถึง 40-50 Mbps ได้สบาย และถ้าคุณรู้สึกว่าเน็ตยังไม่แรงพอ ส่วนใหญ่ก็สามารถขอเจ้าของบ้านอัปเกรดให้ได้ โดยเฉพาะเจ้าของบ้านชาวโครเอเชียที่ขึ้นชื่อว่าใจดีและช่วยเหลือดีมาก
ในส่วนของ Co-working Space อินเทอร์เน็ตมักจะแรงและเสถียรกว่าการใช้งานที่บ้าน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำงานจริง ไม่ว่าจะเป็นการอัปโหลดไฟล์ใหญ่ ๆ ประชุมวิดีโอคอลแบบเรียลไทม์ หรือทำงานออนไลน์ต่อเนื่อ โดยทั่วไปแล้ว ค่าเฉลี่ยความเร็วอินเทอร์เน็ตใน Co-working Space อยู่ที่ราว ๆ 40-100 Mbps ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่คุณเลือกใช้บริการ อย่างในเมืองใหญ่ ซาเกร็บ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของโนแมดจากหลายประเทศ มักจะมี Co-working Space ที่ทันสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างดี แต่ถ้าคุณไปอยู่ที่เมืองรองอย่าง ซาดาร์ อาจต้องใช้เวลาเลือกหานิดหน่อย เพราะ Co-working ที่มีอินเทอร์เน็ตแรงและเสถียรอาจมีให้เลือกไม่มากนัก
สิ่งที่ทำให้ฉันทั้งขำและตกใจในเวลาเดียวกันก็คือ พาสเวิร์ดไวไฟ ที่นี่…มันไม่ธรรมดาจริง ๆ หลายบ้านเช่าจะมีรหัสที่ยาวและซับซ้อนมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาในชีวิต อย่างบ้านที่ฉันพัก รหัสยาวถึง 23 ตัวอักษร! เรียกได้ว่ายาวกว่าเลขบัตรประชาชนเสียอีก ที่สำคัญคือยังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ประหลาด เช่น #j14i9d18e%1idmd10&9)s ซึ่งไม่มีทางที่ใครจะจำได้แน่นอน สุดท้ายฉันต้องถ่ายรูปเก็บไว้ในมือถือเพื่อเอามาพิมพ์ทุกครั้งที่เปลี่ยนเครื่อง
ถึงแม้จะมีเรื่องฮา ๆ กับพาสเวิร์ดแบบนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นอีกเสน่ห์หนึ่งของการใช้ชีวิตที่โครเอเชีย เพราะอย่างน้อยคุณมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหน อินเทอร์เน็ตก็พร้อมใช้งานเสมอ
คุณภาพอินเทอร์เน็ต
- ในเมืองใหญ่อย่างสปลิท ดูบรอฟนิก และซาเกร็บ อินเทอร์เน็ตบ้านและมือถือมีความเร็วสูงและค่อนข้างเสถียร เหมาะกับ Zoom, Google Meet หรือทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่
- การหลุดหรือความช้าเกิดขึ้นบ้างในชั่วโมงเร่งด่วน แต่ไม่บ่อย
- ในบางพื้นที่ เช่น บ้านใกล้สนามบินสปลิท อาจเจอปัญหาสัญญาณโทรศัพท์หายไปช่วงเครื่องบินขึ้นลง และไวไฟบ้านแม้ใช้งานได้ แต่ความเร็วอาจลดลงจากปกติ
- ในหมู่บ้านเล็ก ๆ หรือพื้นที่ห่างไกล การเชื่อมต่ออาจช้าลง และบางพื้นที่อาจต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตมือถือเป็นหลัก
- ตามเกาะสัญญาณจะมาตามคลื่นลม หากวันไหนมีพายุแรงก็ไม่สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้เลย
ซิมการ์ดและแพ็กเกจมือถือ
โครเอเชียมีผู้ให้บริการหลักสามเจ้า ได้แก่ Hrvatski Telekom (T-Mobile), A1, และ Telemach ทุกเครือข่ายรองรับ 4G/5G ในเมืองใหญ่ สามารถซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อหรือสาขาย่อยของเครือข่ายที่กระจายอยู่ทั่วทุกเมืองได้
ตัวอย่างแพ็กเกจสำหรับนักท่องเที่ยวหรือคนทำงานออนไลน์
- Hrvatski Telekom (T-Mobile) มีซิมเติมเงินชื่อ Simpa ที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวและโนแมด สามารถเติมเงินและเลือกแพ็กเกจได้เองผ่าน SMS หรือแอป My T-Mobile ราคารายสัปดาห์ราคาประมาณ 10 GB ประมาณ 8 ยูโร แพ็กเกจรายเดือน 20 GB ประมาณ 13 ยูโร เหมาะกับคนที่ต้องการความเสถียรและเข้าถึงได้ง่าย
- A1 Croatia มีซิมเติมเงินชื่อ Start Paket มักจะให้ยอดเงินและดาต้าเริ่มต้นมาเลย และมีแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตดาต้าไม่จำกัด รายสัปดาห์ประมาณ 12 ยูโร หรือแพ็กเกจ 20 GB ราคาประมาณ 10 ยูโร สามารถใช้ได้จนกว่าจะหมด
- Telemach จุดเด่นคือ ราคาถูกและได้ดาต้าเยอะ แพ็กเกจที่นิยมใช้กันจะเป็น Tourist SIM: เน็ตไม่อั้น 10 วัน เพียงแค่ 10 ยูโร และ เน็ตไม่อั้น 30 วัน ประมาณ 20 ยูโร เป็นตัวเลือกยอดฮิตของ Digital Nomads ที่ต้องใช้งานเน็ตหนัก ๆ
Co-working Space ในโครเอเชีย
ในช่วงหลังๆ มานี้ โครเอเชียมีพื้นที่ Co-working Space มากขึ้นเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวและโนแมดที่เข้ามาทำงานในประเทศ โดยเฉพาะในเมืองยอดนิยมอย่าง Zagreb, Split, Dubrovnik และ Zadar ต่างเต็มไปด้วยคาเฟ่สวยๆ และสำนักงานร่วมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับคนทำงานสายออนไลน์ นอกจาก Digital Nomads ชาวต่างชาติแล้ว ชาวโครแอตเองก็กำลังเข้ามาใช้บริการมากขึ้น เพราะในโครเอเชียก็มีการทำงานแบบ Hybrid Work ด้วยเหมือนกัน บางที่เปิดให้บริการ 24/7 รองรับคนที่ทำงานข้ามไทม์โซน เช่น ชาวอเมริกันหรือแคนาดาที่ทำงานตามเวลาบ้านเกิด อีกทั้งบางแห่งยังเปิดเป็น co-working + co-living ที่พักกับที่ทำงานรวมกัน เหมาะสำหรับคนที่อยากอยู่เป็นคอมมูนิตี้
ยกตัวอย่าง Co-working ที่ฉันลองค้นหาผ่าน Coworker ซึ่งบางแห่งเป็นคาเฟ่ที่เปิดให้มานั่งได้ฟรี เพียงซื้ออาหารและน้ำในร้าน บางแห่งเป็นการปล่อยเช่าโต๊ะทำงาน เริ่มต้นราว 150-300 ยูโรต่อเดือน อาทิ
- Smartspace (Split) – co-working ใจกลาง Old Town ผสานงาน ศิลปะ และชุมชนสร้างสรรค์
- Regus HOTO Savska (Zagreb) – เครือข่าย co-working ระดับโลก มาตรฐานมืออาชีพ เดินทางสะดวก
- Life According to KAWA (Dubrovnik) – ทำงานพร้อมวิวเมืองเก่าและทะเล มีคาเฟ่และคราฟต์ช็อปในตัว
- COIN Zadar (Zadar) – พื้นที่กว่า 370 ตร.ม. พร้อมบริการครบครัน และคอมมูนิตี้ท้องถิ่นที่แข็งแรง
- Hvar Digital Nomads Coliving (Hvar Island) – รวมที่พักและ co-working บนเกาะสวย วิวทะเลสไตล์ St. Tropez
โดยรวมแล้ว co-working ในโครเอเชียก็น่าทำงานอยู่ไม่น้อย เพราะไม่ได้มีแค่ Wi-Fi และโต๊ะทำงาน แต่ยังให้บรรยากาศ ชุมชน และไลฟ์สไตล์ครบถ้วน เหมาะกับคนที่มองหาสถานที่ทำงานท่ามกลางวัฒนธรรม เมืองเก่า และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โครเอเชียคือคำตอบที่ใช่แน่นอน
ภาษีและกฎหมายสำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
โครเอเชียถือว่าเป็นประเทศที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับคนที่มาทำงานในฐานะ Digital Nomads เพราะผู้ที่ถือ Digital Nomad Visa จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในโครเอเชีย หากรายได้ทั้งหมดมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือลูกค้าที่อยู่นอกประเทศ นั่นหมายความว่าคุณสามารถทำงานออนไลน์จากโครเอเชียได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกนับเป็น “ผู้มีถิ่นที่อยู่เพื่อเสียภาษี” แม้จะพักอยู่เกิน 183 วันก็ตาม
สิ่งที่ควรระวังคือ Digital Nomad Visa ไม่อนุญาตให้ทำงานกับบริษัทในโครเอเชีย และไม่ครอบคลุมรายได้ประเภท Passive income เช่น ดอกเบี้ย หุ้นปันผล หรือค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจต้องเสียภาษีในประเทศแยกต่างหากอีกด้วย
เมืองยอดนิยมสำหรับ Digital Nomads
ลองมาดูกันว่ามีเมืองอะไรบ้างที่ digital nomads ชอบมาอยู่ที่โครเอเชีย
สปลิท เมืองหลักที่โนแมดยอดนิยม
ถ้าจะแนะนำเมืองไหน ฉันขอแนะนำเมืองสปลิทเป็นอันดับแรก เพราะฉันเคยใช้ชีวิตที่นี่อยู่เกือบปี ทุกเช้าตื่นมาพร้อมอากาศสดใส สายๆ หน่อย ออกไปเดินเล่นแถว พระราชวังดิโอคลีเชียน (Diocletian Palace) ก่อนจะกลับมานั่งทำงานที่คาเฟ่ประจำอย่าง D16 ซึ่งเป็นเหมือนจุดนัดพบของเหล่าโนแมดทั่วโลก ถ้าใครอยากได้แรงบันดาลใจหรือติดต่อเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ที่นี่แหละใช่เลย

ใน สปลิท มีที่พักยอดนิยมสำหรับ Digital Nomads อยู่ 3 ย่านหลัก ได้แก่ ตัวเมืองและย่านเมืองเก่าสปลิท, ย่านเมืองเก่าโทรเกียร์, และ คาสเทล่า โดยทั่วไป ราคาที่พักในโซนเมืองเก่า จะค่อนข้างสูงกว่าย่านอื่น เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ใกล้ทะเล และเดินทางไปยังคาเฟ่ ร้านอาหาร หรือ Co-working Space ได้สะดวก
อย่างเพื่อนชาวอเมริกันของฉัน เขามาเป็นโนแมดอยู่ที่นี่ในหน้าร้อน เช่าที่พักย่านเมืองเก่าโทรเกียร์ เดือนละ 3,000 ยูโร แม้ที่พักจะมีพื้นที่ทำงาน แต่สภาพอาคารค่อนข้างเก่า ทำให้ไวไฟบางครั้งใช้ได้ บางครั้งก็ชำรุดบ้าง แต่เดินทางสะดวก มีร้านอาหารรายล้อม
จากประสบการณ์ส่วนตัว ฉันจึงมักแนะนำเพื่อนๆ ว่า หากอยากได้ความคุ้มค่าและความสะดวกสบาย การเลือกพักใน โซน Kastela เช่น Kastela Novi, Kastela Sucurac, Kastela Gomilica จะเหมาะสมกว่า ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองสปลิท ราคาห้องพักส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ตั้งแต่ 450 – 1,000 ยูโร และยังมีป้ายรถบัสใกล้ ๆ ทำให้เดินทางเข้าเมืองสะดวกทั้งเมืองโทรเกียร์ และเมืองสปลิท นอกจากนี้ยังมีซุปเปอร์มาเก็ตและร้านค้ากระจายอยู่ตามหมู่บ้าน หากต้องการประหยัด ก็สามารถหาห้องแชร์กับโนแมดคนอื่น เริ่มต้น ประมาณ 250 ยูโรต่อเดือน ได้เช่นกัน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกห้องในสปลิท
- Wifi เร็วและเสถียรขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีอินเทอร์เน็ตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโครเอเชีย ไม่ต้องกังวลเรื่อง Zoom ค้างกลางประชุม
- พยายามเลือกห้องที่รีโนเวทใหม่หรือเฟอร์นิเจอร์ครบ เพราะอยู่ยาวหลายเดือนจะสบายกว่าเยอะ
- ถ้าไม่มีรถส่วนตัว ห้องที่อยู่ใกล้ตัวเมืองจะสะดวกที่สุด เพราะสปลิทเดินได้แทบทุกที่ ใกล้คาเฟ่ ร้านอาหาร และ Co-working Space
ดูบรอฟนิก เมืองแห่งกำแพงหินและซีรีส์ Game of Thrones
หลายคนรู้จัก ดูบรอฟนิก จากฉาก “คิงส์แลนดิ้ง” ใน Game of Thrones เมืองริมทะเลที่มีกำแพงหินโบราณล้อมรอบ ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ทั้งนักท่องเที่ยวและ Digital Nomads หลงรัก
ฉันเคยไปเที่ยวสั้นๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ความรู้สึกเหมือนได้ใช้ชีวิตในเมืองประวัติศาสตร์ที่ยังหายใจอยู่ คาเฟ่และร้านอาหารกระจายตัวตามตรอกเล็กๆ เดินเล่นเพลินๆ ก็เจอ Co-working Space ขนาดเล็กหลายแห่ง เมืองค่อนข้างกะทัดรัด ทำให้ใช้ชีวิตง่าย เดินเท้าไปไหนมาไหนสะดวก และยังมีซุปเปอร์มาเก็ตกระจายอยู่รอบๆ

ช่วงฤดูร้อนนักท่องเที่ยวจะหนาแน่นจนคึกคัก แต่พอเข้าหน้าหนาว เมืองกลับเงียบสงบ เหมาะกับการทำงานและใช้ชีวิตชิลล์ๆ
อย่างไรก็ตาม ที่พักในดูบรอฟนิกค่อนข้างแพง หากเลือกอพาร์ตเมนต์เก่าๆ กลางเมือง ราคามักอยู่ระหว่าง 1,000 – 5,000 ยูโรต่อเดือน แต่ถ้ายอมย้ายออกมารอบนอกหน่อย ราคาก็จะลดลงมาเหลือ 800 – 1,300 ยูโรต่อเดือน ขึ้นอยู่กับทำเลและสภาพที่พัก
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกห้องในดูบรอฟนิก
- ค่าครองชีพสูงกว่าเมืองอื่น โดยเฉพาะใน Old Town ค่าห้องสตูดิโอเริ่มราวๆ 800 – 1,000 ยูโรต่อเดือน แต่ถ้าออกไปชานเมืองจะถูกลงเกือบครึ่ง
- อินเทอร์เน็ตเสถียร แต่บางห้องเก่าอาจยังใช้สายเก่า ควรถามเจ้าของที่พักก่อนเสมอ
- ถ้าคุณเป็นสายครีเอทีฟ เมืองนี้คือแหล่งไอเดียชั้นดี เต็มไปด้วยงานศิลปะและประวัติศาสตร์ที่รายล้อมด้วยแรงบันดาลใจ
ซาเกร็บ เมืองหลวงที่มีชีวิตชีวาและทันสมัย
เมืองนี้อาจไม่ติดทะเล แต่เหมาะมากกับคนที่ชอบเมืองใหญ่ ครบครันทั้งระบบขนส่ง คาเฟ่ Co-working Space และกิจกรรมหลากหลาย แถมยังเต็มไปด้วยงานประชุมระดับนานาชาติที่จะช่วยสร้างคอนเนคชั่นทั้งสายไอที กฏหมาย และธุรกิจ อาทิ International Conference on Numerical analysis (ICNA) หรือ Identity Crisis Network: International Conference เป็นต้น

ในช่วงที่ฉันไปเที่ยวในหน้าหนาว บรรยากาศเหมือนเมืองยุโรปกลางที่ผสมความอบอุ่นแบบโครเอเชีย ตลาดกลางแจ้ง ร้านกาแฟเก๋ๆ และอพาร์ตเมนต์ราคาไม่แรง ทำให้ใช้ชีวิตง่ายกว่าสปลิทหรือดูบรอฟนิก แถมค่าครองชีพยังถูกกว่า ค่าที่พักไม่แพง อย่างอพาร์ตเมนต์กลางเมืองจะอยู่ราวๆ 500 – 800 ยูโร หรือหากเป็นห้องแชร์แบบที่เพื่อนของฉันอยู่ก็ราวๆ 250 – 500 ยูโรเพียงเท่านั้นเอง
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกห้องในซาเกร็บ
- ค่าครองชีพถูกกว่าเมืองริมทะเล อพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอนกลางเมืองเริ่มราว 500 – 600 ยูโรต่อเดือน
- ขนส่งสาธารณะดี มีรถรางและบัสทั่วเมือง ไม่ต้องมีรถก็อยู่สบาย
- กิจกรรมเยอะ ทั้งเทศกาลดนตรี ศิลปะ และอาหาร จนทำให้ไม่เหงาแม้จะอยู่ยาว
ซาดาร์ เมืองเล็กริมทะเลที่สงบและมีเสน่ห์
ถ้าใครชอบเมืองทะเลเงียบๆ ไม่พลุกพล่านแบบสปลิท ซาดาร์คือตัวเลือกที่ฉันอยากแนะนำ เมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่อง Sea Organ และ Greeting to the Sun ศิลปะริมทะเลที่เล่นกับแสงและเสียงคลื่น เป็นจุดที่โนแมดหลายคนชอบไปนั่งทำงานหรือหาความสงบ และเป็นเมืองเล็กที่ทันสมัยไม่แพ้เมืองอื่นๆ
เพื่อนคนหนึ่งของฉันเคยอยู่ที่นี่ 3 เดือน บอกว่าเหมือนได้พักใจจากความเร่งรีบในเมืองใหญ่ เช่าห้องสวยๆ ติดทะเลเพียง 500 ยูโรต่อเดือน แต่ได้วิวและบรรยากาศเกินราคา แต่หากอยากได้บ้านพักทั้งหลังที่มีสวนไว้ให้ได้ทำงาน ราคาก็อยู่ราวๆ 1,000 – 3,000 ยูโรต่อเดือนขึ้นอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกและทำเล ซึ่งเหมาะมากๆสำหรับคนที่ต้องการเกษียรอายุที่นี่
แต่ข้อเสียของซาดาร์คือ เมืองนี้ ไม่ใหญ่มาก ทำให้สิ่งอำนวยความสะดวกมีจำกัด เช่น ร้านอาหารหรือคาเฟ่แนว Co-working อาจไม่เยอะเท่าสปลิทหรือดูบรอฟนิก บางครั้งอาจต้องขับรถไปเมืองใกล้เคียงแทน
อีกเรื่องคือ การเดินทางออกนอกเมือง หากต้องการบินไปประเทศอื่น หรือขนส่งสาธารณะไปเมืองอื่นๆ อาจต้องวางแผนล่วงหน้า เพราะสนามบินและสถานีรถไฟของซาดาร์มีเที่ยวบินและรถไฟไม่ถี่เท่าสปลิท หรือถ้าอยากเดินทางไปช้อปปิ้งหรือเที่ยวเมืองใหญ่ใกล้ๆ บางครั้งอาจต้องใช้รถยนต์ประมาณ 30-60 นาที
ซาดาร์จึงเหมาะกับผู้ที่ชอบ ความสงบ ริมทะเล และบรรยากาศไม่พลุกพล่าน เป็นหลัก แต่ถ้าต้องการความสะดวกสบายสูงสุดหรือกิจกรรมสำหรับโนแมดหลายอย่าง อาจจะต้องปรับตัวหรือวางแผนมากขึ้น
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกห้องในซาดาร์
- อินเทอร์เน็ตดี แต่บางพื้นที่ไกลเมืองสัญญาณอาจอ่อน
- ค่าครองชีพสมเหตุสมผล โดยเฉพาะอาหารทะเลสด ราคาย่อมเยา
- เมืองเล็ก เดินสบาย ชีวิตเรียบง่าย เหมาะกับคนที่อยากโฟกัสงานหรือโปรเจกต์ระยะยาว
ข้อเสียของการเป็น Digital Nomads ในโครเอเชีย
- อินเทอร์เน็ตบางพื้นที่ยังไม่เสถียรเท่ายุโรปตะวันตกในบางเมืองและพื้นที่ชายฝั่ง ยิ่งเป็นตามเกาะหรือตามเมืองชนบทสัญญาณมือถือยิ่งน้อยลง บางพื้นที่มีสัญญาณมาตามลมเท่านั้น
- ค่าใช้จ่ายที่พักสูงช่วงฤดูท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเมืองชายฝั่งสปลิท และดูบรอฟนิกที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งใหลเข้ามาจำนวนมาก อาจหาที่พักได้ยากในช่วง มิ.ย. – ก.ย.
- การเดินทางระหว่างเมืองใหญ่ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง เพราะแต่ละเมืองจะอยู่ไกลกันประมาณ 3-4 ชั่วโมง แม้เมืองใหญ่อย่างสปลิท ดูบรอฟนิก และซาเกร็บมีสนามบิน แต่ราคาตั๋วอาจสูงและมีเที่ยวบินระหว่างเมืองน้อย
- เมืองบางแห่งเงียบในนอกฤดูกาล บริการ ร้านอาหาร คาเฟ่ และความบันเทิงอาจจำกัดในช่วง low season
- วีซ่า Digital Nomad ไม่เปิดโอกาสสู่ permanent residency หากคุณอยากย้ายมาเพื่อขอวีซ่าพำนักถาวร ประเทศนี้ไม่ใช่คำตอบ
- ฤดูหนาวค่อนข้างหนาวลม และลมแรงแบบพายุ อาจทำให้ออกไปทำงานข้างนอกไม่ค่อยได้
ชุมชนของ Digital Nomads ในโครเอเชีย
ในโครเอเชียมีชุมชนที่หลากหลายรองรับโนแมดที่เข้ามาทำงานในประเทศ ทั้ง Co-working space, Co-living และชุมชนออนไลน์ที่เชื่อมโยงโนแมดจากทั่วทั้งเมืองไว้ด้วยกัน ถ้าคุณเข้าไปตามกลุ่ม Facebook หรือ Meet up ก็จะเห็นกิจกรรมมากมายที่จะทำให้คุณไม่เหงาถ้ามาเป็นโนแมดที่นี่ อาทิ ใน Meetup คุณสามารถหากิจกรรมสนุก ๆ และผ่อนคลายความเครียด หรือกิจกรรมเวิร์กช้อปพัฒนาตัวเอง ตัวอย่างเช่น Test-driven development LIVE CODING ใน Zagreb, Segel-Retreat in Kroatien ใน Split, Confident Connections ใน Dubrovnik, และ Flutter Zürich Hybrid Meetup ใน Zadar และยังหากิจกรรมดีๆ แบบนี้ไดจากชุมชนต่างๆ อาทิ

- Digital Nomads Croatia (Facebook Groups) ชุมชนหลักของ Digital Nomads ในโครเอเชีย แหล่งรวมข้อมูลสำหรับนักทำงานออนไลน์ ชาว expat และคนโครเอเชียที่สนใจเข้าร่วม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แชร์ทิปส์เกี่ยวกับชีวิตและงานในโครเอเชีย รวมถึงกิจกรรมและ meet-up ทั่วประเทศ
- Digital Nomads Split Croatia (Facebook Groups) กลุ่มสำหรับนักทำงานออนไลน์ที่อยู่หรือกำลังมาเยือนเมือง Split เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิต งาน และบริการที่เกี่ยวข้องกับ Digital Nomads ในเมืองชายฝั่งนี้
- Digital Nomads Croatia Housing (Facebook Groups) แหล่งรวมข้อมูลเรื่องที่พักสำหรับนักทำงานออนไลน์ในโครเอเชีย ครอบคลุมการเช่าระยะกลาง-ยาว, การแชร์ห้อง/coliving และการสอบถามข้อมูลที่พัก ชุมชนนี้เป็นอิสระและไม่ขึ้นกับองค์กรใด ๆ
- Digital Nomads Dubrovnik Croatia (Facebook Groups) กลุ่มสำหรับนักทำงานออนไลน์ที่อยู่หรือกำลังมาเยือนเมือง Dubrovnik ชุมชนนี้ยังเป็นพื้นที่เชื่อมโยงผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน Dubrovnik Digital Nomads Conference และกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมให้ Dubrovnik เป็นเมืองที่เหมาะกับการใช้ชีวิตและทำงานแบบ Digital Nomads
- Nomads in Croatia (Whatsapp) สำหรับ Digital Nomads ที่อยู่หรือกำลังมาเยือนโครเอเชีย เป็นช่องทางสื่อสารแบบเรียลไทม์ แชร์ข้อมูล ข่าวสาร กิจกรรม และการช่วยเหลือระหว่างสมาชิกอย่างรวดเร็ว
- International Meetup│Nomad Tribe Croatia (Meetup) กลุ่มสำหรับคนที่พูดภาษาอังกฤษใน Zagreb ไม่ว่าจะมาจากสหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส สเปน ออสเตรีย เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือคนโครเอเชียที่มีความเชื่อมโยงกับชุมชน expat เป็นพื้นที่สำหรับพบปะพูดคุย สร้างเครือข่าย และร่วมกิจกรรมสนุก ๆ
- Digital Nomads Association Croatia (DNA Croatia) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ส่งเสริมโครเอเชียในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับ Digital Nomads และให้ข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่า
- Saltwater Nomads กลุ่มนี้มีทั้ง coworking space และที่พักสำหรับ Digital Nomads ใน Split, Croatia โดยชุมชนเปิดโอกาสให้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และร่วมกิจกรรมสร้างเครือข่าย
กิจกรรมและเฟสติวัลสำหรับ Digital Nomads ตลอดปีในโครเอเชีย
นอกจากกิจกรรมที่จัดโดยกลุ่มคอมมูนิตี้เล็ก ๆ แล้ว โครเอเชียยังมีกิจกรรมและเฟสติวัลระดับโลกที่จะทำให้ชีวิตของ Digital Nomads ไม่ซ้ำซาก ไม่ว่าจะเป็นงานสายเทคโนโลยี งานครีเอทีฟ งานดนตรี หรือเทศกาลวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม ทุกกิจกรรมพร้อมให้คุณสนุกกับชีวิตและสร้างคอนเนคชั่นในฐานะ Digital Nomads ด้วยกิจกรรมดีๆ ที่เคยจัดกันมาอย่างยาวนาน อาทิ
Plitvice Digital Nomads Week
งานประจำปีที่จัดโดย DNA Croatia เมื่อปี 2024 ในบริเวณ Plitvice Lakes National Park อุทยานชื่อดังที่มีน้ำตกอันสวยงาม งานนี้ออกแบบมาเพื่อให้โนแมดได้ผสมผสานระหว่างงานและธรรมชาติ ผู้เข้าร่วมสามารถทำงานระยะไกลพร้อมเพลิดเพลินกับวิวของอุทยานได้ไปพร้อมกัน ภายในงานมีกิจกรรมทั้ง เวิร์กชอป, โอกาสในการสร้างคอนเนคชั่น, และทริปนำชมอุทยาน ที่จัดขึ้นที่ Camping Plitvice อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2025 ยังไม่มีข้อมูลหรือประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการจัด Plitvice Digital Nomads Week ทำให้ไม่แน่ชัดว่ากิจกรรมนี้จะมีต่อหรือไม่ ซึ่งสามาถติดตามข่าวสารได้จากผู้จัดอย่าง DNA Croatia
The Olive Picking World Championship
กิจกรรมสนุกๆ ที่จัดขึ้นตั้งแต่ปี 2017 และจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปี 2025 ซึ่งงาน The Olive Picking World Championship จะจัดในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี ณ Postira บนเกาะ Brač ของโครเอเชีย โดยมีทีม Digital Nomads ร่วมแข่งขันกับทีมอื่นๆ เพื่อเก็บมะกอกให้ได้จำนวนมากที่สุดภายในเวลาที่กำหนด นอกจากการแข่งขันแล้ว ยังได้ร่วมกิจกรรมชิมน้ำมันมะกอก, ทำความรู้จักกับการปลูกมะกอก, ทริปสำรวจเกาะ, และ กิจกรรมยามเย็นแบบท้องถิ่น ทำให้ทุกคนได้ประสบการณ์ที่สนุกและไม่เหมือนใคร พร้อมสร้างมิตรภาพระหว่างผู้เข้าร่วมจากหลากหลายประเทศ และไม่เพียงเป็นการแข่งขัน แต่ยังเชื่อมโยง ประเพณีเกษตรกรรมของมะกอกกับการท่องเที่ยว และได้รับรางวัลต่างๆ เช่น “Best Creative Experience” จาก Creative Tourism Network ทำให้ผู้เข้าร่วมได้ทั้งสนุก ผ่อนคลาย และเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นไปพร้อมกัน
Dubrovnik Digital Nomads Conference
Dubrovnik Digital Nomads Conference หรือที่ปัจจุบันรู้จักในชื่อ Work. Place. Culture. Conference Dubrovnik งานอีเวนต์ที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เมืองดูบรอฟนิกเป็น ดิจิทัลโนแมดฮับ งานนี้เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2020 โดยมีผู้เข้าร่วมจากทั่วโลกกว่า 150 คนต่อปี มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนทักษะ การสร้างเครือข่าย และอภิปรายเกี่ยวกับ กลยุทธ์การทำงานระยะไกลและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งช่วยส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายที่สนับสนุนชุมชนโนแมด สำหรับปี 2025 งานนี้คาดว่าจะจัดขึ้นต่อไป แม้ยังไม่มีประกาศรายละเอียดอย่างเป็นทางการ แต่ถือเป็นกิจกรรมต่อเนื่องที่สำคัญสำหรับชุมชนดิจิทัลโนแมดในโครเอเชีย
Zagreb Digital Nomads Week
Zagreb Digital Nomads Week เป็นงานอีเวนต์ที่จัดขึ้นในซาเกร็บตั้งแต่ปี 2021 โดยมุ่งเน้นหัวข้อสำคัญสำหรับชุมชนโนแมด เช่น ความปลอดภัยออนไลน์ การสร้างตัวตนดิจิทัล และการค้นหาโอกาสใหม่ ๆ งานนี้เป็นเวทีให้โนแมดจากทั่วโลกได้แลกเปลี่ยนความรู้ พบปะ และสร้างเครือข่ายอาชีพ พร้อมเวิร์กช็อปและกิจกรรมเสริมความรู้ที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถปรับตัวและเติบโตในโลกดิจิทัล และคาดว่างานนี้จะจัดต่อไปเรื่อยๆ แม้จะยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการในปี 2025 นี้ก็ตาม
Dubrovnik Digital Nomads-in-Residence
Dubrovnik Digital Nomads-in-Residence เป็นโปรแกรมที่เริ่มตั้งแต่ปี 2021 โดยจัดขึ้นร่วมกับ Saltwater Nomads, สำนักงานการท่องเที่ยวดูบรอฟนิก และ Total Croatia News โปรแกรมนี้เปิดโอกาสให้ Digital Nomads ที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาพักอาศัยในดูบรอฟนิกเป็นเวลา 4 สัปดาห์ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ให้คำแนะนำ และมีส่วนร่วมในการวางแผนกลยุทธ์พัฒนาเมืองให้เป็นมิตรกับโนแมด พร้อมเวิร์กช็อปและกิจกรรมด้านการออกแบบเชิงคิดเชิงสร้างสรรค์ แม้จะน่าเสียดายที่กิจกรรมนี้ไม่ได้จัดต่ออีกใน 2025 แต่ก็ยังมีกิจกรรมดีๆ อีกมากมายให้โนแมดมีส่วนร่วมอย่างแน่นอน
กิจกรรมสาย Language Exchange สำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
สำหรับใครที่อยากฝึกภาษาและเรียนรู้วัฒนธรรมที่นี่ การไปร่วมงานใหญ่ๆ อย่าง Zagreb Digital Nomads Week เพื่อพบปะผู้คนจากทั่วโลก คุณจะพบเจอกลุ่มโนแมดที่อยากแลกเปลี่ยนภาษาอยู่มาก คุณยังสามารถใช้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง MyLanguageExchange.com เพื่อหาคู่ฝึกภาษาโครเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นการพบปะตัวต่อตัว ส่งอีเมล แชทข้อความ หรือสนทนาด้วยเสียง พร้อมคำแนะนำและแผนการสอนที่ช่วยให้การเรียนรู้สนุกและได้ผล นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพบปะและแลกเปลี่ยนภาษาแบบตัวต่อตัว เช่น BlaBla Language Exchange ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำตามเมืองต่าง ๆ อย่างซาเกร็บ สปลิท และดูบรอฟนิก เป็นต้น
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด สำหรับใครที่อยู่ซาเกร็บ คือ Language Conversation Table ที่จัดขึ้นทุกวันอาทิตย์เวลา 19:00 น. ที่คาเฟ่ Domenico บริเวณ Preradovićeva 33/3 ใกล้ Trg Petra Svačića ที่นี่มีห้องพิเศษจัดไว้ให้ผู้เข้าร่วมฝึกภาษาโครเอเชียและภาษาอื่น ๆ กับเจ้าของภาษาเป็นเวลา 3 ชั่วโมงโดย ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงแค่สั่งเครื่องดื่มสักแก้วเพื่อสนับสนุนคาเฟ่ กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกภาษาแบบจริงจัง พร้อมได้สัมผัสบรรยากาศของคาเฟ่ในซาเกร็บและพบปะเพื่อนใหม่จากทั่วโลก
สำหรับคนที่สนใจภาษาอื่น ๆ นอกเหนือจากโครเอเชีย ยังมี Read & Learn Italian: Il Giro d’Italia กิจกรรมออนไลน์สำหรับผู้ที่อยากฝึกภาษาอิตาเลียนในระดับกลาง โดยผู้เข้าร่วมจะได้อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับการแข่งขันจักรยาน Il Giro d’Italia ในกลุ่มย่อย แปลเป็นภาษาอังกฤษ และกลับมาหารือร่วมกันในห้องหลักเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและความคิดเห็น ซึ่งจัดผ่าน Zoom ทำให้ Digital Nomads สามารถฝึกภาษาแบบออนไลน์ได้สะดวกไม่ว่าจะอยู่เมืองใด
กิจกรรมสายแอดเวนเจอร์ สำหรับ Digital Nomads ในโครเอเชีย
สำหรับใครที่ชื่นชอบการผจญภัย โครเอเชียมีตัวเลือกให้ไม่แพ้ประเทศอื่น ๆ ตั้งแต่โยคะ การเล่นเซิร์ฟ ปีนเขา ไปจนถึงทริปผจญภัยสุดท้าทาย เหมาะกับผู้ที่อยากรีชาร์จร่างกายและจิตใจพร้อมสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ อาทิ

- Climbing Kilimanjaro Group -Summer 2025 ทริปปีนภูเขา Kilimanjaro สำหรับผู้ที่มองหาการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ กิจกรรมนี้เน้นการเตรียมตัว การฝึกฝน และการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม พร้อมแลกเปลี่ยนไอเดียกับเพื่อนร่วมทริป โดยจะจัดขึ้นในช่วงกันยายนของทุกปี
- Wellness Thursday: Yoga and Meditation Workshop กิจกรรมโยคะทุกวันพฤหัสบดีสำหรับผู้ที่อยากรีชาร์จร่างกายและจิตใจ เริ่มต้นด้วยโยคะเพื่อยืดกล้ามเนื้อและคลายความตึงเครียด ตามด้วยการทำสมาธิเน้นการหายใจอย่างมีสติ กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับทุกระดับ ไม่มีประสบการณ์ก็เข้าร่วมได้
- Hiking, Rafting, Waterfalls in Bosnia + Dubrovnik Medieval Town – Long Weekend ทริปสุดสัปดาห์ที่รวมทั้งการเดินป่า ล่องแก่ง ชมน้ำตก Kravice และเยือนเมืองเก่าดูบรอฟนิก เมืองชายฝั่งที่เป็นมรดกโลกของ UNESCO เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบการผจญภัยและท่องเที่ยวแบบ action-packed ในบรรยากาศทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์
- Gutsy Girls | Croatia SUP Adventure – Paddleboarding Holiday for All Levels ทริปพาย SUP แบบผู้หญิงล้วน 6 วันในหมู่เกาะ Zadar Archipelago พายเรือระหว่างเกาะสวยงาม ฝึกทักษะ SUP กับโค้ชผู้เชี่ยวชาญ เดินป่า ปั่นจักรยาน และสัมผัสวัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่น กิจกรรมเหมาะทั้งผู้เริ่มต้นและระดับกลาง
เปรียบเทียบโครเอเชียกับประเทศยุโรปยอดนิยมสำหรับ Digital Nomads
หากพูดถึงเมืองอื่นๆ ในยุโรปที่นิยมสำหรับโนแมดชาวต่างชาติมักจะมีตัวเลือกอย่าง โปรตุเกส สเปน เอสโตเนีย และจอร์เจีย ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน
เวลาจะเลือกประเทศในยุโรปสำหรับชีวิต Digital Nomads จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว งบประมาณ สภาพอากาศ และลักษณะชุมชนที่อยากเข้าร่วม มาดูกันว่าโครเอเชียเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ อย่างโปรตุเกส สเปน เอสโตเนีย และจอร์เจียอย่างไร
โปรตุเกส (Portugal)
ประเทศในยุโรปตะวันตกที่รองรับชุมชน Digital Nomads ขนาดใหญ่ เมืองหลักอย่างลิสบอสและพอร์โตมี Co-working Space ที่มีอินเตอร์เน็ตแรงถึง 120 Mbps และสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับคนทำงานออนไลน์ ทำให้คุณภาพชีวิตดี แต่พื้นที่ในชนบทอาจเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ยาก ที่นี่จึงเหมาะแก่การอาศัยในเมืองใหญ่เป็นหลัก และที่นี่มีวีซ่า D8 visa ที่อนุญาตให้โนแมดเข้ามาทำงานได้ 1-2 ปี ซึ่งระยะเวลาอยู่ได้นานพอๆ กับโครเอเชีย
ค่าครองชีพที่นี่ถือว่าสูง หากเปรียบเทียบค่าครองชีพผ่าน Numbeo พบว่าลิสบอนมีค่าครองชีพสูงกว่าซาเกร็บเกือบเท่าตัว โดยเฉพาะค่าเช่าที่สูงกว่าถึง 92% แต่ข้อดีคือชุมชนโนแมดขนาดใหญ่และเป็นมิตร ทำให้เชื่อมต่อกับคนอื่นได้ง่าย แม้ที่พักและ Co-working Space อาจเต็มเร็ว แต่ก็คุ้มสำหรับสร้างคอนเนคชั่น ซึ่งที่นี่จะใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นหลัก แต่ภาษาอังกฤษก็ค่อนข้างแพร่หลายทั้งในเมืองหลักและชุมชน ทำให้การสื่อสารสะดวก และใช้ชีวิตได้ง่ายไม่ต่างจากโครเอเชีย
สเปน (Spain)
ประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานอย่างอินเทอร์เน็ตและระบบขนส่งทันสมัย ทำให้คุณภาพชีวิตค่อนข้างดี เหมาะกับคนทำงานออนไลน์ โดยเฉพาะเมืองหลักอย่าง บาร์เซโลนา มาดริด และเมืองชายฝั่งเช่น บาเลนเซีย ที่มีชุมชน Digital Nomads ขนาดใหญ่และเป็นมิตร มีทั้ง Co-working Space, Co-working Hub, Co-living Space ทำให้สร้างคอนเนคชั่นและเข้าร่วมกิจกรรมได้ง่าย
และยังมีวีซ่า Digital Nomad ที่อนุญาตให้อยู่อาศัยได้สูงสุด 1 ปี และต่ออายุได้สูงสุด 5 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรป แต่ค่าครองชีพที่นี่ถือว่าสูง โดยเฉพาะค่าเช่าและอาหาร หากเปรียบเทียบกับโครเอเชีย เช่น สปลิท พบว่าค่าครองชีพรวมสูงกว่าประมาณ 11% แต่สเปนมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในชุมชนโนแมดและเมืองใหญ่ ทำให้การสื่อสารสะดวกและใช้ชีวิตง่ายกว่ามาก
เอสโตเนีย (Estonia)
ประเทศที่มีระบบดิจิทัลก้าวหน้าและเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวีซ่า Digital Nomad ทำให้ชีวิตประจำวันของโนแมดสะดวกสบายมาก ทุกอย่างสามารถจัดการออนไลน์ได้ ตั้งแต่เอกสารจนถึงธุรกรรมการเงิน ในเมืองหลวงอย่างทาลลินน์มีชุมชน Digital Nomads ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในย่าน Kalamaja ที่เต็มไปด้วย Co-working Space และกิจกรรมสร้างคอนเนคชั่น แต่ด้วยฤดูหนาวที่ยาวนานกว่าประเทศอื่นๆ อาจทำให้ประเทศนี้มีข้อจำกัดด้านการใช้ชีวิตในช่วงฤดูนี้
อย่างไรก็ตาม ที่นี่สามารถขอวีซ่าประเภทนี้ได้สูงสุดเพียง 12 เดือน ซึ่งน้อยกว่าประเทศโครเอเชีย และค่าครองชีพยังสูงกว่าโครเอเชียเล็กน้อย โดยเฉพาะร้านอาหารและของชำ แต่ค่าเช่าใกล้เคียงกับเมืองสปลิทและดูบรอฟนิก แต่ก็มีข้อดีคือ ชุมชนที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี แม้ภาษาราชการจะเป็นภาษาเอสโตเนีย การสื่อสารและการใช้ชีวิตประจำวันจึงง่ายดาย เหมาะกับโนแมดที่ชอบใช้ชีวิตออนไลน์เต็มรูปแบบในประเทศที่เทคโนโลยีก้าวหน้า
จอร์เจีย (Georgia)
ในเมืองประเทศที่ค่าครองชีพต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศนี้ ทำให้โนแมดสามารถใช้ชีวิตได้อย่างประหยัด โดยเฉพาะในเมืองหลวงทบิลิซี ซึ่งค่าใช้จ่ายรวมที่พักและการกินต่ำกว่าโครเอเชียเกือบครึ่ง และยังเข้าประเทศได้ง่าย หลายๆ สัญชาติสามารถพักได้ถึง 1 ปี โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ก็สามารถขอวีซ่า Digital Nomad ได้สูงสุด 1 ปีเช่นกัน
แม้จะง่ายแต่ชุมชน Digital Nomads ในจอร์เจียมีให้เลือกไม่มากนัก อาจไม่เหมาะกับโนแมดที่อยากหากิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมหรือความรู้ แต่เมืองทบิลิซีก็มี Co-working Space และคาเฟ่พร้อม Wi-Fi ให้เลือกใช้หลายแห่ง ย่านที่นิยมเช่น Vake, Vera, Sololaki และ Saburtalo
แม้ว่าระบบอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนยังไม่เสถียรเท่าโครเอเชีย แต่ก็เพียงพอสำหรับการทำงานออนไลน์ และอาจต้องสื่อสารผ่านแอปแปลภาษาเป็นหลัก เพราะคนที่ยังคงใช้ภาษาจอร์เจียเป็นหลัก โดยเฉพาะในเมืองห่างไกล แต่ในเมืองใหญ่และคนรุ่นใหม่ก็พอมีคนที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีอยู่บ้าง
สรุปโครเอเชียเป็นประเทศที่เหมาะกับ Digital Nomads
โครเอเชียกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของ Digital Nomads ด้วยจุดแข็งหลายด้าน ทั้งค่าครองชีพที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับยุโรปตะวันตก คุณภาพชีวิตสูง เมืองปลอดภัยและไม่พลุกพล่าน รวมถึงทำเลที่ตั้งสะดวก ทำให้สามารถเดินทางไปทำงานและท่องเที่ยวประเทศยุโรปอื่น ๆ ได้ง่าย และมีหลากหลายเมืองที่เหมาะกับชีวิตโนแมด ทั้ง สปลิท เมืองชายฝั่งทะเลที่คึกคัก, ดูบรอฟนิก เมืองประวัติศาสตร์ที่สวยงามและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ, ซาเกร็บ เมืองหลวงทันสมัย ครบครันทั้งระบบขนส่ง กิจกรรม และ Co-working Space, ซาดาร์ เมืองเล็กสงบ ริมทะเล เหมาะกับโนแมดที่ต้องการความเงียบและโฟกัสงาน
โครเอเชียยังเอื้อต่อ Digital Nomads ในเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งอินเทอร์เน็ตไวไฟที่ครอบคลุม ประกันสุขภาพที่เข้าถึงง่าย บริการทางการเงินดิจิทัล และตัวเลือกที่พักหลากหลาย ทั้งอพาร์ตเมนต์ติดทะเล ห้องแชร์ และบ้านพักเหมาะกับระยะยาว
ข้อคิดสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจ โครเอเชียเหมาะกับคนที่ต้องการผสมผสานงานและไลฟ์สไตล์ ชอบเมืองริมทะเลหรือเมืองใหญ่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย มีชุมชน Digital Nomads ให้เชื่อมต่อ แต่ควรวางแผนเรื่องที่พัก การเดินทาง และประกันสุขภาพล่วงหน้า เพื่อให้ชีวิตโนแมดราบรื่นและสนุกสนานที่สุด
หากอยากจะมาเป็น digital nomads ที่นี่ ลองอ่านอีกบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีย้ายไปอยู่ประเทศโครเอเชีย ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง