
แนะนำวิธีซื้อยาในโครเอแบบเข้าใจง่าย รวมข้อมูลร้าน Ljekarna, ยาที่ต้องใช้ใบสั่ง, ยาทั่วไป และเคล็ดลับสื่อสารกับเภสัชกร
ว่ากันว่าเวลาไปเที่ยวหรือย้ายไปประเทศใหม่ๆ สิ่งที่เรากังวลมากกว่าการหลงทางหรืออาหารการกิน คือ “การเจ็บป่วย” จริงไหมคะ? ส่วนตัวเราคิดว่าใช่เลยค่ะ เพราะตอนย้ายไปโครเอเชียช่วงแรกๆ โดน Bed Bug แถมแพ้น้ำยาทำความสะอาดจนต้องไปหาซื้อยามาทาเอง แต่โชคดีที่ระบบร้านขายยาที่นี่คล้ายๆ กับของไทย คือ ซื้อง่าย ไม่ยุ่งยาก แต่ยังคงมีมาตรฐานดีงามตามสไตล์ยุโรป
บทความนี้ เราจึงรวบรวมประสบการณ์และวิธีการซื้อยาในโครเอเชียมาให้เพื่อนๆ ได้ศึกษากัน ตั้งแต่ร้านขายยามีร้านไหนบ้าง ยาไหนต้องมีใบสั่ง (และจะหายังไง) ไปจนถึงทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นเมื่อย้ายมาอยู่ที่นี่ พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!
บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 12 นาที ยังไม่มีเวลาอ่านตอนนี้เหรอ? ไม่เป็นไรเลย คุณสามารถส่งเวอร์ชันบทความแบบไม่มีโฆษณาไปที่อีเมลของคุณ แล้วค่อยอ่านทีหลังก็ได้!
คำชี้แจงเรื่องความโปร่งใส: บทความนี้อาจมีลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์หรือบริการจากพันธมิตรของเรา หากคุณคลิกลิงก์เหล่านั้น เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย ซึ่งอาจมีผลต่อรูปแบบการจัดวางเนื้อหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม โปรดวางใจว่า เราแนะนำเฉพาะสิ่งที่เราเชื่อว่ามีประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจริง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายโฆษณา ของเรา.
Contents
ประเด็นสำคัญ
- ร้านขายยาจะเขียนป้ายว่า Ljekarna เป็นแบรนด์เดียวที่ขายยาตามใบสั่งแพทย์ได้ซึ่งมีทั่วทุกมุมเมือง ส่วนร้านค้าปลีก (Drugstores เช่น DM, Müller) ขายได้แค่วิตามิน/อาหารเสริม
- ยาปฏิชีวนะ, ยาคุม, ยาลดความดัน และยาสำหรับโรคเรื้อรัง ต้องใช้ใบสั่งยาอิเล็กทรอนิกส์ (e-recept) จากแพทย์ที่ลงทะเบียนในโครเอเชียเท่านั้น
- สำหรับนักท่องเที่ยว ทางที่เร็วที่สุดคือไปคลินิกเอกชน (Private Clinics) หรือใช้หน่วยฉุกเฉิน (Hitna Pomoć) เพื่อขอใบสั่งยา
- ควรพกใบสรุปการแพทย์ และรู้ชื่อสามัญ (Generic Name) ของยาเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้เภสัชกรช่วยหาตัวยาที่ถูกต้องได้ง่ายขึ้น
สถานที่จำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพในโครเอเชีย
เวลาเรามองหาร้านขายยาที่นี่ ก็ง่ายมากๆ เลยค่ะ แค่มองหาป้ายสีเขียวขนาดใหญ่ที่เขียนว่า Ljekarna (เลียคาร์นา) หรือเครื่องหมายบวกสีเขียวที่คุ้นตา เพราะร้านเหล่านี้เป็นร้านขายยาอย่างเป็นทางการที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายยาตามใบสั่งแพทย์ได้ ส่วนถ้าแค่อยากซื้อยาทั่วไปหรือของใช้สวยๆ งามๆ ก็มีร้านค้าปลีกทั่วไปให้เลือกช้อปเหมือนกันนะ ซึ่งสองแบบนี้ต่างกันยังไง มาดูกันเลยค่ะ
Ljekarna (ร้านขายยาอย่างเป็นทางการ)
ที่นี่คือที่เดียวในโครเอเชียที่ได้รับอนุญาตให้ขายยาตามใบสั่งแพทย์ (Prescription Drugs) อย่างถูกต้อง แถมยังมียาทั่วไป อาหารเสริม และวิตามินครบ จบ ในร้านเดียว และราคายังถูกมาก จนถึงขนาดมีคอนเทนต์ไวรัลว่า “หากมาโครเอเชีย ไม่ต้องเอาเวชสำอาง หรือยาต่างๆ มาเลย เพราะที่นี่ราคาดีกว่ามาก”

สิ่งที่คุณจะมั่นใจได้ คือ ทุกแห่งจะมีเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญประจำอยู่เสมอ คอยให้คำแนะนำด้านสุขภาพเบื้องต้นได้ แล้วยังหาได้ง่ายมาก เพราะมีกระจายอยู่ทั่วทุกเมืองใหญ่ ทั้งตามชุมชน หมู่บ้าน และแหล่งท่องเที่ยว และไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา เพราะในเมืองใหญ่บางร้านก็เปิด 24 ชั่วโมงด้วย
แต่ร้านขายยาที่นี่ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อ จะมีแค่ยา เวชภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเท่านั้น และไม่สามารถเดินเข้าไปหยิบเองได้เลย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินหรือครีมอะไรก็ตาม เราจะต้องรับคำปรึกษาจากเภสัชกรก่อนทุกครั้ง
ข้อแนะนำ: เภสัชกรที่โครเอเชียอาจจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ฉะนั้นเตรียมรูปหรือเปิดใช้แอปแปลภาษาเขียนอาการไว้ล่วงหน้าเลย เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาการสื่อสารมาก
Drugstores (ร้านค้าปลีกทั่วไป)
สำหรับร้านค้าปลีกทั่วไป หรือที่เรียกกันว่า Drugstores ในโครเอเชียเนี่ย ก็คล้ายๆ กับร้าน Drugstore ยอดฮิตในบ้านเราอย่าง Watsons หรือ Boots พวกร้านดังที่นี่ก็มี Bipa, DM (Drogerie Markt) และ Müller ซึ่งร้านเหล่านี้จะเน้นผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม สุขภาพ และของใช้ในครัวเรือนเป็นหลัก
ที่ร้านเหล่านี้จะมีพวกยาสามัญประจำบ้าน เช่น พาราเซตามอล ยาแก้ปวดพื้นฐาน ปลาสเตอร์ยา เป็นต้น แต่จะมีอาหารเสริม วิตามิน และเวชสำอางให้เลือกมากกว่าร้านขายยา แต่อย่างไรก็ตาม ร้านเหล่านี้ไม่มียาที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์และเภสัชกรเฉพาะทาง ถ้าอาการหนักกว่าแค่ปวดหัวนิดๆ หรือต้องการยาที่ซับซ้อนกว่านี้ ยังไงก็ต้องพุ่งตรงไปที่ Ljekarna เท่านั้น
วิธีการซื้อยาในโครเอเชียสำหรับนักท่องเที่ยว
แม้ฉันจะไม่เคยซื้อยาตามใบสั่งแพทย์เอง แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามันยุ่งยากเลย ถ้ามีใบสั่งก็แค่ยื่นให้เภสัชกร แต่ถ้าเป็นอาการเจ็บปวดเล็ก ๆ ก็แค่บอกว่าเราป่วยตรงไหน แม้บางครั้งเภสัชกรส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง เราก็ยังใช้เครื่องมือแปลหรือโชว์รูปให้ดูได้ โดยเภสัชกรมักเลือกยาที่ราคาถูกที่สุดให้ก่อน และหากเราเคยใช้แล้วแพ้หรือหาทางเลือกอื่นก็สามารถแจ้งได้ ซึ่งการซื้อยาในโครเอเชียสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
ยาที่ต้องมีใบสั่งแพทย์
ยาประเภทนี้ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ชาวโครเอเชียที่ลงทะเบียนในระบบ หรือจากแพทย์โรงพยาบาล ตัวอย่างเช่น ยาปฏิชีวนะทุกชนิด, ยาต้านเศร้า, ยาคุมกำเนิด และยาสำหรับโรคเรื้อรัง เช่น ยาลดความดันหรือยารักษาเบาหวาน
วิธีการซื้อก็ง่ายมาก ไม่ต้องปริ้นท์หรือถือกระดาษใดๆ ไปยื่น เพราะตอนเราไปโรงพยาบาลหรือคลินิก แพทย์จะออกใบสั่งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-recept) ที่เชื่อมกับหมายเลขประกันสุขภาพ หรือถ้าเป็นนักท่องเที่ยวก็ใช้ ID จากนั้นก็ไปที่ Ljekarna ใดก็ได้ และแจ้งว่ามารับยา เภสัชกรจะเช็กประวัติและจ่ายยาให้เราเอง ตัวอย่างยาที่ต้องมีใบสั่ง มีดังนี้
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ทุกชนิด
- ยาต้านเศร้าและยารักษาอาการทางจิตเวช (Antidepressants, etc.)
- ยาคุมกำเนิด (Oral Contraceptives)
- ยาสำหรับโรคเรื้อรังส่วนใหญ่ เช่น ยาลดความดันโลหิต ยารักษาโรคเบาหวาน
- ยาแก้ปวดที่ออกฤทธิ์แรง (Strong Analgesics)
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants/Blood Thinners)
- ยารักษาโรคไทรอยด์ (Thyroid Medications)
- ยาภูมิคุ้มกันบกพร่องและยากดภูมิ (Immunosuppressants)
- ยาสำหรับรักษาโรคเกาต์เฉียบพลัน (Gout Flare Treatments)
- ยาหยอดตาบางชนิด (Certain Eye Drops)
สามารถขอใบสั่งยาจากแพทย์ได้ที่ไหนบ้าง?
ใบสั่งยาอิเล็กทรอนิกส์ (e-recept) ต้องออกโดยแพทย์ที่ได้รับอนุญาตในโครเอเชียเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ไม่มีประกันสุขภาพ HZZO ช่องทางหลักที่แนะนำและสะดวกที่สุด คือโรงพยาบาลและคลินิกฉุกเฉิน (Hitna Pomoć – Emergency Services)
สำหรับกรณีเจ็บป่วยกะทันหันหรืออุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง สามารถไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลของรัฐได้ทันที แพทย์จะทำการตรวจและออกใบสั่งยาฉุกเฉินที่จำเป็นให้คลินิกเอกชน (Private Clinics/General Practitioners) เป็นตัวเลือกที่เร็วและสะดวกที่สุดในการขอใบสั่งยาที่ไม่เร่งด่วน โดยเฉพาะสำหรับยาที่ใช้ต่อเนื่อง (เช่น ยาคุม, ยาโรคเรื้อรัง) และแพทย์เอกชนมักจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องกว่าอีกด้วย
ยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
เป็นยาที่เภสัชกรสามารถจ่ายให้ได้เลย เพราะมีความเสี่ยงต่ำ ตัวอย่างยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ มีดังนี้
- ยาแก้ปวดลดไข้ทั่วไป, ยาสามัญพื้นฐาน
- ยารักษาอาการหวัด ภูมิแพ้ และยาลดกรด
- ยาบรรเทาอาการท้องเสีย (เช่น Loperamide หรือ Probiotics)
- ยาถ่ายชนิดอ่อน สำหรับรักษาอาการท้องผูก
- ยาช่วยย่อยอาหาร
- ครีมทาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกชนิดอ่อน และเจลว่านหางจระเข้
- ครีม/ยาสำหรับรักษาเชื้อราภายนอก
- ครีมบรรเทาอาการแมลงกัดต่อย
- น้ำเกลือล้างจมูก (Saline Solution)
- ยาหยอดตาสำหรับตาแห้ง
- สเปรย์พ่นจมูกลดอาการบวม (ควรจำกัดการใช้)
- วิตามิน แร่ธาตุ และสมุนไพรเสริมอาหาร (มีจำหน่ายใน Drugstores ทั่วไป)
- ผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลข้อต่อ และผลิตภัณฑ์ช่วยการนอนหลับชนิดอ่อน (เช่น เมลาโทนิน)
ยาที่หาซื้อได้ทั่วไปในโครเอเชียสำหรับนักท่องเที่ยว
ถ้าไม่ได้มีอาการร้ายแรงอะไร บอกเลยว่าการหายาในโครเอเชียง่ายกว่าที่คิดเยอะ! เพราะไม่ว่าจะเดินเข้าร้าน Ljekarna (ร้านขายยา) หรือแวะช็อปในร้านค้าปลีกอย่าง DM หรือ Müller ก็จะเจอชั้นวางยาพื้นฐานครบครัน เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักเดินทางสายพกน้อยแต่เตรียมพร้อมดี ยาที่หาซื้อทั่วไปได้ มีดังนี้
- ยาแก้ปวดและยาลดไข้ อย่างพาราเซตามอล, แอสไพริน และไอบรูโพเฟน ซึ่งเป็นทั้งยาแก้ปวดและต้านการอักเสบ หาซื้อได้ง่ายโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์เลย
- ส่วนใครมีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหาร เช่น แสบท้อง ท้องอืด หรือท้องผูก ก็มียาแก้กรดเกิน (Antacids) และยาระบาย (เช่น Bisacodyl) ให้เลือกมากมาย
- ยาวิตามินและอาหารเสริม วิตามินบีรวมและวิตามินซีถือเป็นไอเท็มยอดนิยมของชาวโครเอเชีย จึงมักหาได้ง่าย โดยมักใช้เสริมภูมิคุ้มกันและช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
- ยาแก้ไอและยาแก้หวัดก็หาได้ง่าย เช่น ยาละลายเสมหะ (Bromhexine, Acetylcysteine) และยาลดคัดจมูกที่ช่วยให้หายใจโล่งขึ้น
- สำหรับคนที่แพ้ง่ายหรือมักมีอาการเมารถเมาเรือ ก็มียาแก้แพ้ และยาแก้เมา ให้เลือกในรูปแบบเม็ดและน้ำ ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
- ยาสมุนไพร (Herbal remedies) ก็เป็นยาอีกชนิดที่หาซื้อหาได้ง่ายเพราะคนโครเอเชียยังนิยมใช้สมุนไพรมากกว่า ทั้งในรูปแบบยาและอาหารเสริม เช่น Silymarin สำหรับบำรุงตับ, Sabal palm สำหรับสุขภาพต่อมลูกหมาก, Ginkgo biloba สำหรับบำรุงสมอง และ Valerian สำหรับช่วยให้นอนหลับ
วิธีการซื้อยาออนไลน์ในโครเอเชีย
สำหรับใครที่ไม่อยากเดินออกไปซื้อของข้างนอก หรือต้องการตุนวิตามิน เวชสำอางสวยๆ งามๆ กฎหมายโครเอเชียเขาก็อนุญาตให้สั่งซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพและยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ (OTC) ผ่านออนไลน์ได้สบายๆ แต่ย้ำอีกครั้ง “ยาตามใบสั่งแพทย์ยังไงก็ห้ามขายออนไลน์เด็ดขาด!”
เราสามารถสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเครือข่าย Ljekarna เจ้าดังๆ เช่น Ljekarna.hr หรือ DM และ Müller ก็มีให้เลือกช้อปเพียบ! วิธีการก็เหมือนกับการช้อปปิ้งออนไลน์ทั่วไป เลือกสินค้าที่ต้องการ, กดใส่ตะกร้า, กดชำระเงิน, จากนั้นก็นั่งรอรับสินค้าได้เลย
ราคาและค่าใช้จ่ายของยาในโครเอเชีย
ที่หลายคนพูดกันว่า “ยาที่โครเอเชียราคาดีกว่ายุโรปประเทศอื่น ๆ” นั้นไม่เกินจริงเลย เพราะที่นี่มีการควบคุมราคายาอย่างเข้มงวดโดยกองทุนประกันสุขภาพแห่งชาติ (HZZO – Hrvatski zavod za zdravstveno osiguranje) ซึ่งทำให้ราคายามีความคงที่และมักถูกกว่าหลายประเทศในยุโรป ยิ่งถ้าคุณมีประกันสุขภาพหรือประกันการเดินทางที่ครอบคลุมค่ายาด้วยอยู่แล้ว ก็แทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย
โดยภาพรวมแล้ว ราคายาตามใบสั่งแพทย์ในโครเอเชียถูกกว่าสหรัฐอเมริกาอย่างเห็นได้ชัด จากรายงานของ RAND Corporation (2021) ที่เปรียบเทียบราคายาทั่วโลก พบว่ายาในสหรัฐฯ มีราคาสูงกว่าประเทศสมาชิก OECD (ซึ่งรวมถึงโครเอเชีย) ถึง 2-3 เท่า ขณะที่ราคายาในโครเอเชียอยู่ในระดับใกล้เคียงกับยุโรปตะวันออก และอาจสูงกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับบางประเทศในสหภาพยุโรปตะวันตก
ยกตัวอย่าง ราคาโดยประมาณของยาพื้นฐาน มีดังนี้
- ยาควบคุมความดัน (Prescription): €5.00 – €15.00
- ยาปฏิชีวนะ (Prescription): €10.00 – €25.00
- ยาลดไขมันในเลือด (Statin – Prescription): €8.00 – €20.00
- ยาแก้ปวด/ลดไข้ (OTC): €5.00 – €6.00
- วิตามินเสริมอาหาร (OTC/Supplement): €3.50 – €7.00
คำแนะนำสำหรับนักเดินทาง
เรื่องสำคัญที่นักท่องเที่ยวหรือดิจิทัลโนแมดที่ควรรู้ก็คือ ถ้าคุณไม่มีประกันสุขภาพในโครเอเชีย คุณจะต้องซื้อประกันเอกชนหรือจ่ายค่ายาเองทั้งหมด และใบสั่งยาส่วนใหญ่ต้องออกโดย แพทย์ชาวโครเอเชียที่ลงทะเบียนในระบบเท่านั้น โดยเฉพาะยาเกี่ยวกับโรคเรื้อรังหรืออาการติดเชื้อเฉียบพลัน
หากเดินทางมาโครเอเชียแล้วมียาที่ต้องใช้ประจำ ควรพกใบสรุปการแพทย์เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งระบุชื่อตัวยา (Generic Name) และขนาดยาไว้ชัดเจน เพื่อแสดงต่อเภสัชกรหรือแพทย์ในกรณีฉุกเฉิน และจดจำชื่อสามัญของยาเอาไว้ด้วย เพราะตัวยาอาจมีหลากหลายแบรนด์ การบอกชื่อสามัญจะช่วยให้เภสัชกรชาวโครเอเชียค้นหาตัวยาที่เทียบเท่าได้อย่างรวดเร็ว
ประสบการณ์การซื้อยาด้วยตัวเองยากไหม? บริการเป็นอย่างไร?
ประสบการณ์ตอนฉันย้ายมาอยู่โครเอเชียใหม่ ๆ เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลย เพราะเจอตัวเรือด (Bed Bug) ตั้งแต่ช่วงแรก แถมยังมีอาการแพ้น้ำยาทำความสะอาดอีกต่างหาก ตอนนั้นถึงจะพกยาจากไทยมาบ้าง แต่ก็เอาไม่อยู่จริง ๆ
สิ่งที่ฉันทำคือ ถ่ายรูปอาการแล้วไปขอคำแนะนำจากเภสัชกร แต่ดันติดปัญหาตรงที่คนที่ร้านพูดภาษาโครเอเชียเป็นหลัก ส่วนภาษาอังกฤษก็ยังไม่คล่องนัก ฉันเลยต้องงัดไม้ตาย เปิดภาพตัวเรือดจาก Google ให้ดูตรง ๆ ไปเลย เพื่อให้เข้าใจทันทีว่าโดนอะไรกัด ซึ่งบอกเลยว่าได้ผลดีเกินคาด! เภสัชกรเข้าใจทันทีและจัดยาได้ตรงจุด รวมถึงตอนอธิบายเรื่องแพ้น้ำยาทำความสะอาดด้วย สรุปว่ารอดมาได้เพราะรูปภาพเลย เป็นอีกหนึ่งทริคเล็ก ๆ ที่ช่วยได้มากจริง ๆ เวลาต้องสื่อสารกับเภสัชกรในโครเอเชีย
สำหรับใครที่มีอาการทั่วไปอย่างปวดหัวหรือปวดท้อง ก็ไม่ต้องกังวลมากค่ะ เพราะยาอย่างพาราเซตามอลนี่รู้จักกันทั่วโลกอยู่แล้ว แค่บอกชื่อสามัญไปตรง ๆ ก็พอ
แต่ถ้าอาการมันไม่ชัดเจน เช่น ปวดท้องแบบไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร แล้วอยากไปปรึกษาเภสัชกรล่ะก็…บอกเลยว่าต้องใช้เวลาอธิบายกันยาวหน่อย เพราะไม่ใช่ทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษคล่อง ดังนั้นทางที่ดี เตรียมประโยคหรือคำศัพท์พื้นฐานแปลเป็นภาษาโครเอเชียไว้ล่วงหน้าเลย อย่างน้อยเวลาอธิบายอาการจะได้ไม่ต้องเปิด Google Translate มือสั่นอยู่หน้าร้านยา และจะช่วยให้เขาเข้าใจเราเร็วขึ้นมาก