ค่าครองชีพในโครเอเชีย: คุณต้องใช้เท่าไหร่ต่อเดือนในปี 2025?

Cost of Living in Croatia How Much Do You Need

กำลังวางแผนย้ายไปโครเอเชีย? บทความนี้รีวิวค่าครองชีพจากประสบการณ์จริง ทั้งค่าเช่าบ้าน ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าประกันสุขภาพ และเคล็ดลับประหยัดเงินที่ควรรู้ก่อนใช้ชีวิตยาวๆ ในโครเอเชีย

ถ้าคุณกำลังมองหาประเทศที่ใช้ชีวิตแบบสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ โครเอเชียอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุณไม่เคยคิดถึงมาก่อน แต่ควรลองเปิดใจดู

ตอนที่เราย้ายไปโครเอเชียครั้งแรก ฉันตกใจมากกับราคาค่าครองชีพที่ต่างกันราวฟ้ากับดินระหว่างหน้าร้อนกับหน้าหนาว โดยเฉพาะค่าเช่าที่พักในเมืองท่องเที่ยวอย่าง Split หรือ Dubrovnik ที่ราคา หน้าร้อน ราคาพุ่งสูงเพราะนักท่องเที่ยวล้นเมือง (แถมเจ้าของห้องไม่สนใจลูกบ้านอีกต่างหาก) แต่พอถึงหน้าหนาว ราคากลับลดลงมา 2-3 เท่า

ในบทความนี้ เราจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงจากการใช้ชีวิตที่โครเอเชีย ทั้งเรื่องค่าเช่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าไฟ น้ำ อินเทอร์เน็ต รวมถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่คนมักมองข้าม แต่มีผลกับการใช้ชีวิตจริงๆ หวังว่าประสบการณ์ของฉันจะช่วยให้คุณเห็นภาพมากขึ้น และตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หากกำลังคิดจะย้ายไปใช้ชีวิตที่โครเอเชียครับ

บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 28 นาที ยังไม่มีเวลาอ่านตอนนี้เหรอ? ไม่เป็นไรเลย คุณสามารถส่งเวอร์ชันบทความแบบไม่มีโฆษณาไปที่อีเมลของคุณ แล้วค่อยอ่านทีหลังก็ได้!

คำชี้แจงเรื่องความโปร่งใส: บทความนี้อาจมีลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์หรือบริการจากพันธมิตรของเรา หากคุณคลิกลิงก์เหล่านั้น เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย ซึ่งอาจมีผลต่อรูปแบบการจัดวางเนื้อหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม โปรดวางใจว่า เราแนะนำเฉพาะสิ่งที่เราเชื่อว่ามีประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจริง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายโฆษณา ของเรา.

Contents

  1. สรุปประเด็นสำคัญ
  2. เข้าใจความต่างระหว่างค่าใช้จ่ายในฤดูร้อนและฤดูหนาว
  3. ค่าที่พักอาศัยในประเทศโครเอเชียราคาเท่าไหร่?
  4. ค่าสาธารณูปโภคในประเทศโครเอเชียมีอะไรบ้าง?
  5. ค่าเดินทางในประเทศโครเอเชียราคาเท่าไหร่?
    1. ค่าเดินทางสาธารณะ
    2. ค่าแท๊กซี่
    3. ค่าเช่ารถ
    4. ซื้อรถ
  6. ค่าอุปโภคและบริโภคต่อเดือนเมื่อใช้ชีวิตในโครเอเชียอยู่ที่เท่าไหร่?
    1. ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์
    2. ร้านอาหาร
    3. ดื่มน้ำประปาได้ไหม?
    4. ค่ากิจกรรมยามว่างและความบันเทิงต่างๆ มีราคาเท่าไหร่?
  7. ค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัว
  8. ค่ารักษาพยาบาลและประกันสุขภาพ
  9. ค่าธรรมเนียมวีซ่าและสถานะการพำนัก
  10. ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในเมืองต่างๆ ของโครเอเชีย
    1. ซาเกร็บ (Zagreb)
    2. สปลิท (Split)
    3. ดูบรอฟนิก (Dubrovnik)
    4. ริเยกา (Rijeka)
    5. โอซีเยก (Osijek)
  11. สรุปค่าใช้จ่ายโดยรวม
    1. การใช้ชีวิตในโครเอเชียด้วยงบ 800–1,200 ยูโรต่อเดือน
    2. การใช้ชีวิตในโครเอเชียด้วยงบ 1,500–2,500 ยูโร ต่อเดือน
    3. การใช้ชีวิตในโครเอเชียด้วยงบ 3,000+ ยูโร ต่อเดือน

สรุปประเด็นสำคัญ

  • ค่าใช้จ่ายในโครเอเชียต่างกันมากระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาว โดยเฉพาะค่าเช่า
  • ค่าสาธารณูปโภคโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20–30 ยูโรต่อคนต่อเดือน
  • ค่าอินเทอร์เน็ตบ้านเฉลี่ยประมาณ 34 ยูโร ส่วนมือถือ 10GB ประมาณ 10 ยูโร
  • ค่าเดินทางสาธารณะถูกกว่าหากซื้อล่วงหน้า ค่าโดยสารเฉลี่ย 1.25–3.5 ยูโร
  • Uber และ Bolt ใช้ได้สะดวกในหลายเมือง ค่าโดยสารเริ่มที่ 15 ยูโร
  • ค่าเช่ารถเดือนละ 250–1,000 ยูโร ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและขนาดรถ
  • ค่าของกินจากซูเปอร์มาร์เก็ตถูกกว่าตลาดท้องถิ่นหลายเท่า
  • ค่าอาหาร หากทำกินเองได้จะประหยัดกว่ามาก และจะเหลือแค่ประมาณเดือนละ 200–400 ยูโร
  • ค่าครองชีพในเมืองชายฝั่งแพงกว่าเมืองรองอย่างโอซีเยกหรือริเยกา
  • งบประมาณที่ต้องการรายเดือน:
    • งบ 800–1,200 ยูโร อยู่ได้แบบเรียบง่ายในเมืองรอง
    • งบ 1,500–2,500 ยูโร อยู่สบายในเมืองหลักแบบไม่ประหยัดเกินไป
    • งบ 3,000 ยูโรขึ้นไป ใช้ชีวิตสบายๆ ได้แม้ในเมืองท่องเที่ยวระดับพรีเมียม

เข้าใจความต่างระหว่างค่าใช้จ่ายในฤดูร้อนและฤดูหนาว

โครเอเชียที่คนยุโรปชอบมาเที่ยวพักร้อนกัน ฉะนั้น สิ่งที่สำคัญของการใช้ชีวิตที่โครเอเชีย คือ “ช่วงฤดู” ที่คุณมาพักอาศัย หากคุณย้ายไปในช่วงหน้าร้อนค่าใช้จ่ายจะสูงเป็น 5 เท่าเมื่อเทียบกับฤดูหนาว ดังนั้น เพื่อให้เพื่อนๆ เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นและวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม เราจึงจะมาเจาะลึกและเล่าถึงประสบการณ์การใช้ชีวิตในโครเอเชียกัน

ค่าที่พักอาศัยในประเทศโครเอเชียราคาเท่าไหร่?

ตามข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งโครเอเชีย (Croatian Bureau of Statistics) ค่าที่พักอาศัยในโครเอเชียจะแตกต่างกันตามความนิยมของเมือง โดยเฉพาะหากเป็นเมืองชายฝั่งที่ได้รับความนิยมอย่างดูบรอฟนิก หรือสปลิทก็จะยิ่งมีราคาที่สูงมากกว่าเมืองอื่นๆ และสิ่งสำคัญของการหาที่พักอาศัยในโครเอเชีย คือ หากหาบ้านในช่วงหน้าร้อน คุณอาจจะหาบ้านดีๆ ไม่ได้เลย ดังนั้น เราจึงอยากแนะนำให้คุณเริ่มหาที่พักอาศัยล่วงหน้าอย่างน้อย 1-3 เดือน หากยิ่งกระชั้นชิดราคาก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นอีกด้วย

accommodation in croatia
ประเทศโครเอเชียเป็นประเทศที่คนชอบมาเที่ยวช่วงหน้าร้อนมาก ทำให้ค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าเช่าในช่วงนั้นแพงเป็นพิเศษ

อย่างเมื่อตอนที่ฉันอาศัยอยู่ในเมืองสปลิท ตอนปี 2024 เป็นช่วงที่โครเอเชียเข้าเชงเก้นได้ไม่นาน ทำให้โครเอเชียยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น ตอนนั้นฉันเดินทางไปในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงเข้าหน้าร้อน ที่พักอาศัยหลายหลังถูกจับจองไปจนหมด แต่ด้วยการเตรียมพร้อมล่วงหน้าถึง 3 เดือน ทำให้ฉันได้อพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำใกล้สนามบินมาในราคาเพียง 500 ยูโรเท่านั้นแต่รวมค่าสาธารณูปโภคด้วย ที่นี่มีทั้งเครื่องครัว เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า เและเครื่องปรับอากาศครบครัน แม้จะไม่มี Wi-Fi แต่อยู่กันได้สบาย ๆ ถึง 3 คน

ถึงแม้จะโชคดีได้อพาร์ตเมนต์แรกมาอย่างรวดเร็ว การหาที่พักระยะยาวในโครเชียนั้นเป็นปัญหาที่หลายๆ คนต้องพบเจอ แต่ก็เป็นเรื่องปกติของที่นี่ สัญญาอพาร์ตเมนต์หลังแรกนี้มีอายุ 2 เดือน ทำให้ฉันต้องหาอพาร์ตเมนต์หลังใหม่

เพื่อนชาวโครเอเชียแนะนำให้ฉันลองหาที่พักใหม่ใน Njuškalo ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมสำหรับการเช่าที่พักในโครเอเชียโดยเฉพาะ ข้อดีคือมีตัวเลือกหลากหลายและราคาดีกว่าที่อื่น ๆ มาก ทำให้ฉันสามารถหาอพาร์ตเมนต์หลังใหม่ได้ราวกับปาฏิหารย์ในช่วงฤดูร้อน แม้จะเป็นช่วงที่หาที่พักยากสุดๆ ที่สำคัญคือได้มาในราคาเพียง 900 ยูโรเท่านั้น อพาร์ตเมนต์หลังนี้มีขนาดกำลังดี มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องครัว ที่มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เพียงแต่ราคานี้ยังไม่รวมค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าอินเทอร์เน็ต และค่าขยะ

อพาร์ตเมนต์ทั้งสองแห่งที่ฉันได้เข้าพักในช่วงฤดูร้อนนั้นถือว่าสมเหตุสมผลมากเมื่อเทียบกับราคา ทำเล ขนาด และสภาพของที่พัก ถึงแม้จะไม่ได้หรูหราอลังการ และออกจากเมืองมาค่อนข้างไกล แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเพียงพอต่อการอยู่อาศัย

เมื่อลองเปรียบเทียบกับของเพื่อนชาวต่างชาติที่เป็นดิจิทัลโนแมด ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองสปลิทและเมืองเก่าโทรเกียร์เหมือนกัน ฉันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก เพื่อนเล่าให้ฟังว่าอพาร์ตเมนต์ที่เขาเช่าสำหรับ 2 คนนั้นเป็นห้องเล็ก ๆ ที่อยู่เหนือร้านอาหาร ทำให้มีเสียงดังตลอดคืน แต่ที่น่าตกใจกว่าคือราคาเช่าสูงถึง 3,000 ยูโรต่อเดือน แต่ห้องค่อนข้างเก่า เนื่องจากเป็นอาคารในเขตเมืองอนุรักษ์ บางครั้งแอร์ก็ไม่เย็น หรือหนักกว่านั้นคือน้ำไม่ไหลเลย ซึ่งนี้เป็นปัญหาปกติที่พบบ่อยในเมืองเก่า แต่สะดวกสบายในการเดินทาง และมีร้านอาหารมากมาย

ที่พักในโครเอเชียช่วงหน้าร้อนสูงขนาดนี้ แต่ในช่วงหน้าหนาว (เดือนตุลาคม – เดือนมีนาคม) เราสามารถหาอพาร์ตเมนต์หรูหราใจกลางเมืองได้ในราคา 500 ยูโร ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนกัน หรือหากออกนอกเมืองมา ก็มีราคา 200 ยูโรเหมือนกัน หรือหากคุณไปแบบครอบครัว แก๊งเพื่อน ต้องการพูลวิลล่าหรูหรา คุณก็สามารถเช่าได้ในราคา 1,000 – 3,000 ยูโรได้เช่นกัน เห็นได้ชัดเลยว่า ช่วงฤดูที่คุณไป สำคัญต่อค่าที่พักอาศัยในโครเอเชียมากจริงๆ

ค่าสาธารณูปโภคในประเทศโครเอเชียมีอะไรบ้าง?

จากประสบการณ์ของฉัน ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าทิ้งขยะในแต่ละเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 20 – 30 ยูโรต่อคน ซึ่งถือว่าสมเหตุสมผล โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่อากาศร้อนจัด ฉันจะใช้เครื่องปรับอากาศค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ทำให้ค่าไฟในช่วงนั้นอาจจะสูงขึ้นมาอีกหน่อย

สำหรับค่าอินเทอร์เน็ตในโครเอเชีย แต่ละเครือข่ายจะมีแพ็กเกจราคาที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน หากเป็นอินเตอร์เน็ตบ้านความเร็ว 60 Mbps จะอยู่ที่ราคาประมาณ 34.45 ยูโรต่อเดือน หากเป็นอินเตอร์เน็ตมือถือ ฉันเลือกใช้แพ็กเกจ 10GB ของค่าย A1 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 9.99 ยูโรต่อเดือน

สำหรับราคาค่าเคเบิลทีวีในโครเอเชียนั้น ปกติแล้วมักจะรวมอยู่ในแพ็กเกจค่าอินเทอร์เน็ตบ้านอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องจ่ายแยกต่างหาก แต่ช่องส่วนใหญ่เป็นภาษาท้องถิ่น และรายการส่วนมากเป็นฟุตบอลและประวัติศาสตร์ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการดูหนังหรือซีรีส์แบบฉัน ก็ขอแนะนำให้สมัครบริการสตรีมมิ่งเพิ่มเติม อย่างของฉันก็เลือก Netflix ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 9 ยูโรต่อเดือน แค่นี้ก็เพียงพอต่อความต้องการแล้ว

ค่าเดินทางในประเทศโครเอเชียราคาเท่าไหร่?

ระบบขนส่งสาธารณะในโครเอเชียแม้ไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ แต่ทุกเมืองมีบริการขนส่งสาธารณะเป็นของตนเอง แต่สิ่งที่เหมือนกันและช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น คือ การซื้อตั๋วล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันหรือตามร้านค้าต่างๆ ที่มีราคาถูกกว่าการซื้อตั๋วจากพนักงานขับโดยตรง

train in croatia
หากต้องการเดินทางระหว่างจังหวัด ลองขึ้นรถไฟได้ สะดวกและไม่แพงด้วยนะค่าเดินทางที่นี่ค่อนข้างถูก ถูกมาๆ Source:

ค่าเดินทางสาธารณะ

อย่างฉันที่อาศัยอยู่ในสปลิท มีบริการรถเมล์สายเดียวที่เดินทางตรงจากเมืองสปลิท – เมืองคาสเทล่า – เมืองโทรเกียร์ เพียงสายเดียวเท่านั้น แต่ก็มีรถทุกครึ่งชั่วโมง ราคาค่าโดยสารหากซื้อล่วงหน้า 1.25 ยูโรต่อรอบ สามารถขึ้น – ลง ตอนไหนก็ได้ภายใน 90 นาที แต่หากซื้อตั๋วกับคนขับรถเมล์ราคาจะอยู่ที่ 3.50 ยูโรต่อรอบ และหากเป็นการเดินทางในเมืองหลวงกรุงซาเกร็บ มีรถรางและรถเมล์ให้บริการครอบคลุมทั่วทั้งเมือง ค่าโดยสารจะคิดตามระยะเวลาการเดินทางมีราคาตั้งแต่ประมาณ 0.5 ถึง 2 ยูโร ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เลือกใช้บริการ

ส่วนการเดินทางไปเมืองอื่น ๆ ใกล้เคียง สามารถเดินทางได้รถบัสเอกชน เช่น Flixbus, Arriva Croatia, และอื่นๆ อีกมากมาย ราคาแตกต่างกันไปตามระยะทาง อย่างตอนที่ฉันเดินทางไปเที่ยวที่ดูบรอฟนิก ใช้เวลาเดินทาง 4-5 ชั่วโมง โดยใช้บริการของ Flixbus ในราคา 35 ยูโรต่อรอบ และเดินทางไปซาเกร็บใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 45 ยูโรต่อรอบ ซึ่งเป็นราคาที่สมเหตุสมผล

ค่าแท๊กซี่

ส่วนการใช้บริการแท็กซี่ สามารถใช้บริการ Uber หรือ Bolt ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ อย่างปกติ ฉันจะใช้บริการ Uber ไปห้างสรรพสินค้า Mall of Split เพราะเดินทางค่อนข้างลำบาก และต่อรถเมล์หลายเที่ยว แต่ก็ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ค่าบริการราคาประมาณ 15 – 20 ยูโร

แต่ถ้าคุณอยากมีรถยนต์ส่วนตัวเป็นของตัวเองก็ถือเป็นทางออกที่ดี เพราะรถบนท้องถนนไม่เยอะ รถไม่ติด และถนนมีสภาพดี แม้ขับรถพวงมาลัยซ้ายไม่เก่งก็ขับได้สบายๆ

Advertisement

ค่าเช่ารถ

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าเป็นค่าเช่ารถยนต์ขนาดเล็ก จะอยู่ที่ประมาณ 250 – 400 ยูโรต่อเดือน ซึ่งถือว่าสมเหตุสมผล แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าในช่วงฤดูร้อน ราคาอาจพุ่งสูงขึ้นไปถึง 600 – 1,000 ยูโรต่อเดือน ไม่ต่างจากค่าที่พักอาศัยเลย

ซื้อรถ

ถ้าคุณคิดอยากจะซื้อรถสักคันในโครเอเชียก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก สำหรับรถยนต์ใหม่เอี่ยม หาซื้อได้ในราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000 ยูโร แต่ถ้าเน้นประหยัดงบและไม่ได้ติดเรื่องมือหนึ่งมือสอง ก็มีตัวเลือกมือสองสภาพดีๆ ให้เลือกในราคาเริ่มต้นแค่ 2,000 ยูโร เท่านั้นเอง

เพื่อนชาวโครเอเชีย เล่าให้ฟังว่า เขาถอยรถยนต์มือสองคันเก่ามาในราคแสนถูกแค่ 1,500 ยูโร แม้จะเก่าไปบ้าง แต่ก็ยังขับได้ดีและเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

เคล็ดลับถ้าใครอยากได้รถใหม่กริบและได้ราคาที่ดีกว่า ชาวโครเอเชียเขามีเคล็ดลับเด็ดๆ คือ พวกเขามักจะเลือกเดินทางไปซื้อรถใหม่จากประเทศเพื่อนบ้าน อย่างสโลวีเนีย หรือฮังการี เพราะว่าค่าครองชีพและราคารถที่ถูกกว่าพอสมควร รับรองว่าคุณจะได้รถใหม่ในราคาที่คุ้มค่ากว่าแน่นอน

เรื่องค่าน้ำมันในโครเอเชียก็เหมือนกับที่อื่นๆ ทั่วโลก คือจะขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลกเป็นหลัก 

สำหรับฉันแล้ว ปกติจะเน้นใช้รถเมล์เป็นหลักในการเดินทางในชีวิตประจำวัน แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องขับรถส่วนตัว เฉลี่ยค่าน้ำมันของฉันจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 50 ยูโรต่อเดือน

ฉันไม่ค่อยขับรถส่วนตัวเพราะที่จอดรถในเมืองสปลิทหายากมาก โดยเฉพาะริมท่าเรือและในโซนเมืองเก่า อาจต้องจ่ายค่าจอดรถ 4 ยูโรต่อชั่วโมงหรือมากกว่านั้น

ฉันเคยมีประสบการณ์ตรงกับค่าจอดรถในเมืองสปลิทมาแล้ว ครั้งแรกที่ขับรถเข้าไปจอดในเมือง ฉันจอดแค่ประมาณ 6 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ปรากฏว่าโดนเก็บค่าจอดไปถึง 45 ยูโร เลยทีเดียว ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าหากจอดเกิน 3 ชั่วโมง ระบบจะเหมาเป็นราคารายวันไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งแพงกว่าที่คิดไว้เยอะเลยล่ะ

และหากคุณสนใจจะซื้อรถยนต์จริงๆ แน่นอนว่าในโครเอเชียมีกฏหมายบังคับให้ทำประกันรถยนต์เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป ซึ่งราคาค่าประกันภัยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น รุ่นรถ ปีที่ผลิต ประวัติการขับขี่ของผู้ขับขี่ และประเภทการประกัน โดยเฉลี่ยแล้วค่าประกันจะอยู่ที่ประมาณ 25 – 50 ยูโรต่อเดือน

ค่าอุปโภคและบริโภคต่อเดือนเมื่อใช้ชีวิตในโครเอเชียอยู่ที่เท่าไหร่?

เวลาเราคิดถึงการซื้อของใช้ส่วนตัวหรืออาหารสด ส่วนใหญ่อาจจะนึกถึงตลาดท้องถิ่นเพราะคิดว่ามีราคาถูก แต่ในโครเอเชียกลับตรงกันข้ามเลย อย่างเมืองสปลิท ไม่มีตลาดท้องถิ่นทั่วๆ ไป มีเพียงตลาดที่เน้นขายของให้นักท่องเที่ยว ทำให้ราคาสินค้าแพงกว่าปกติ

ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์

ส่วนตัวแล้ว ฉันว่าการซื้อผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์จากซูเปอร์มาร์เก็ตในโครเอเชียคุ้มกว่ามาก ราคานิ่งกว่า เชื่อถือได้ แถมมีให้เลือกหลายร้าน ทั้ง Lidl, Spar, Konzum, Tommy ฯลฯ

market in coratia
โครเอเชียเป็นประเทศที่แปลก เพราะของตามซูเปอร์มาร์เก็ตถูกกว่าตลาดสด

ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่เคยเจอ:

  • สตรอว์เบอร์รี่ครึ่งกิโล ในตลาดท้องถิ่นราคา 8 ยูโร แต่ในซูเปอร์มาร์เก็ตราคาแค่ 2 ยูโร
  • เนื้อวัว 1 กิโล ในตลาดท้องถิ่นราคา 30 ยูโร แต่ในซูเปอร์มาร์เก็ตราคาเพียง 10 ยูโร
  • โค้กขวดเดียว ถ้าซื้อในตลาดราคา 3 ยูโร ในร้านอาหาร 6 ยูโร แต่ในซูเปอร์มาร์เก็ตแค่ 0.9 ยูโร

เห็นราคาครั้งแรก ฉันตกใจเหมือนกัน เพราะตอนแรกกะจะซื้อของจากตลาดสด แต่ที่นี่ตลาดแบบนั้นมีน้อย แถมแพงกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตเยอะ ถ้าอยู่ยาวๆ ซื้อของกินจากซูเปอร์มาเก็ตประหยัดเงินไปได้เยอะจริงๆ ค่ะ

ถ้าคุณอยากประหยัดค่าใช้จ่ายขึ้นไปอีกขั้น ฉันขอแนะนำ Metro ห้างขายส่งขนาดใหญ่ที่มีสินค้าครอบคลุมทุกอย่างที่คุณต้องการ ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง และแม้แต่ของใช้เอเชีย ซึ่งราคาถูกกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตอื่นๆ มาก

สำคัญ: ค่าของใช้ส่วนตัวอย่างครีมกันแดด หรือผงซักฟอกก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะถ้าคุณไปซื้อในย่านท่องเที่ยว ราคาอาจสูงกว่าปกติถึง 5 เท่า ตัวอย่าง ครีมกันแดด ถ้าคุณตั้งใจไปอาบแดดริมชายหาด แต่ดันลืมพกครีมกันแดดไป แล้วไปซื้อเอาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ ชายหาด อาจจะต้องจ่ายแพงขึ้น 5 เท่าเลย หรือครีมทามือที่ฉันใช้เป็นประจำ ซื้อในซูเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้าน ราคาแค่ 5 ยูโร แต่พอไปซื้อในโซนท่องเที่ยว ราคาพุ่งเป็น 6 ยูโร ที่น่าขำกว่านั้นคือ ถ้าซื้อในออสเตรีย ราคาแค่ 3 ยูโร และในเยอรมนีแค่ 2 ยูโร เท่านั้น

ร้านอาหาร

ส่วนการรับประทานอาหารนอกบ้านในเมืองสปลิท คุณอาจพบร้านอาหารริมน้ำสวยๆ ใกล้ท่าเรือ ที่มีเมนูชั้นเลิศให้เลือกสรร สำหรับโอกาสพิเศษ คุณอาจจะอยากลิ้มลองไวน์ชั้นเยี่ยมในราคา 40 ยูโร หรือเนื้อสเต็กชั้นดีในราคาเท่ากันที่ 40 ยูโร ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มค่ากับบรรยากาศและคุณภาพอาหารระดับพรีเมียม

dining outdoors at a restaurant
โดยทั่วไป ราคาค่าอาหารที่นี่โดยเฉลี่ยจะประมาณ 15 ยูโรต่อมื้อ

ถ้าอยากประหยัดงบ ที่นี่ยังมีร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เป็นอีกทางเลือกในราคาที่เข้าถึงง่าย โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 10 ยูโร เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเจอแฮมเบอร์เกอร์อร่อยๆ ในราคา 15 ยูโร หรือคาลามารี่ (ปลาหมึกทอด) กรอบๆ จานละ 10 ยูโร ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้สบายๆ

ตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่โครเอเชีย ฉันทำกินเองแทบทุกวัน เพราะสะดวก ประหยัด และสุขภาพดีไปในตัว เมนูส่วนใหญ่จะเน้นผักสดและเนื้อสัตว์ง่ายๆ อย่างอกไก่ หมู หรือปลาย่าง ทำมื้อหนึ่งประมาณ 5 – 7 ยูโร ก็อยู่ได้หลายมื้อเลยค่ะ ทำให้ไม่รู้สึกเปลืองงบเลยแม้แต่น้อย

ฉันจะออกไปกินข้าวนอกบ้านเฉพาะเวลามีธุระในเมือง หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเป็นบางวันโดยรวมแล้ว ค่ากินต่อเดือนของฉันจะอยู่ที่ประมาณ 200 – 400 ยูโร ซึ่งถือว่าอยู่ในงบแบบพอดี ไม่อึดอัด และยังคงใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพในโครเอเชียเลยค่ะ

ดื่มน้ำประปาได้ไหม?

น้ำประปา สำหรับคนท้องถิ่นที่อยู่ที่นี่มาทั้งชีวิต พวกเขาอาจจะดื่มน้ำประปาได้ปกติ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติ น้ำประปาที่นี่ดื่มไม่ได้โดยตรง หากบ้านคุณไม่มีตัวกรองน้ำ คุณจะได้ดื่มน้ำที่มีส่วนผสมของหินปูน ดังนั้น การซื้อน้ำดื่มจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยปกติแล้ว น้ำดื่มขนาด 1.25 ลิตร จะอยู่ที่ราคาประมาณ 1 ยูโร

ค่ากิจกรรมยามว่างและความบันเทิงต่างๆ มีราคาเท่าไหร่?

โครเอเชียมีกิจกรรมยามว่างให้เลือกหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มด่ำประวัติศาสตร์ในเมืองเก่า เดินเล่นชิลๆ รอบเมือง หรือถ้าชอบทะเล ก็สามารถดำน้ำ เที่ยวเกาะ หรือนอนอาบแดดสบายๆ ได้ตลอดทั้งวันเลยค่ะ

สำหรับฉันแล้ว เวลาว่างมักจะไปว่ายน้ำที่ชายหาดใกล้บ้าน ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายเลย เพราะทุกหาดในโครเอเชียไม่มีเจ้าของและเป็นที่สาธารณะทั้งหมด แต่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับเบาะรองนอนริมหาดและร่มชายหาด ประมาณ 10 – 20 ยูโรต่อวัน ค่าเช่าอุปกรณ์ดำน้ำ/เรือคายัค/ซัพบอร์ด เริ่มที่ 15 – 50 ยูโรต่อชั่วโมง หรือค่าอาบน้ำริมทะเลแบบฝักบัวกลางแจ้ง ประมาณ 1 – 3 ยูโรต่อครั้ง และใช้ได้ประมาณ 3 – 5 นาที

ส่วนการเดินเล่นรอบเมืองเก่านั้น ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เลยค่ะ เพียงแต่อาจมีค่าเข้าบางสถานที่ เช่น พิพิธภัณฑ์ หรือโบราณสถาน เพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาประมาณ 5 – 10 ยูโรต่อสถานที่ แต่ก็มีบ้างที่ที่ได้รับความนิยมจะมีราคาสูงกว่าที่อื่นๆ เช่น กำแพงเมืองดูบรอฟนิก (Dubrovnik Walls) ประมาณ 35 ยูโรต่อคน หรือหากในสปลิท Diocletian’s Palace (Split) เข้าชมรอบนอกฟรี แต่บางโซนมีค่าเข้าเฉพาะจุด เช่น วิหารหรือห้องใต้ดิน ราคาอยู่ที่ 5 – 10 ยูโรต่อจุด

ถ้าคุณเป็นสายบันเทิง ชอบดูหนัง ค่าตั๋วจะอยู่ที่ประมาณ 7 – 8 ยูโร

สำหรับคอกาแฟ โครเอเชียมีร้านกาแฟมากมายแทบทุกมุมเมือง อย่างเอสเพรสโซ่ช็อต ราคาเพียงประมาณ 1.5 – 2 ยูโร ส่วนถ้าชอบลาเต้หรือคาปูชิโน่ มักจะอยู่ที่ประมาณ 2 – 3 ยูโร (อาจสูงขึ้นนิดหน่อยในย่านท่องเที่ยว)

ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่รักกาแฟมาก และดื่มกาแฟทุกเช้า ถ้าคุณเป็นคอกาแฟสาย Specialty แบบฉัน การซื้อเมล็ดกาแฟมาดริปเองที่บ้าน คือทางเลือกที่ทั้งคุ้มค่าและตอบโจทย์มากที่สุด ตามซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านท้องถิ่นจะมีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบคั่วอ่อน คั่วกลาง ไปจนถึงคั่วเข้ม ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3 – 10 ยูโรต่อ 500 กรัม แล้วแต่ชนิดและแหล่งที่มา ถ้าเลือกดีๆ คุณอาจเจอเมล็ดกาแฟจากภูมิภาคแอฟริกา หรืออเมริกาใต้ในราคาที่เอื้อมถึงได้ และอร่อยกว่าการไปกินที่คาเฟ่อีกด้วย

แต่ถ้าคุณเป็นสายปาร์ตี้ บาร์ส่วนใหญ่ไม่มีค่าเข้า แต่แน่นอนว่าคุณจะต้องสั่งเครื่องดื่ม ซึ่งปกติแล้วราคาเครื่องดื่มต่อลิตรจะอยู่ที่ประมาณ 15 – 20 ยูโร ส่วนราคาค็อกเทลก็จะอยู่ที่ประมาณ 10 ยูโรต่อแก้ว

ค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัว

โครเอเชียถือเป็นเมืองที่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ และที่นี่มีโรงเรียนดีๆ หลายแห่ง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างซาเกร็บและสปลิท มีโรงเรียนนานาชาติที่รองรับนักเรียนต่างชาติ และใช้หลักสูตรภาษาอังกฤษ

ค่าเล่าเรียนนั้นขึ้นอยู่กับหลักสูตรและชื่อเสียงของโรงเรียน โดยเฉลี่ย ค่าเล่าเรียนชั้นประถม ประมาณ 8,500 – 18,000 ยูโรต่อปี ระดับมัธยม ประมาณ 9,400 – 20,000 ยูโรต่อปี มหาวิทยาลัยของรัฐ ประมาณ 800 – 4,000 ยูโรต่อปี และมหาวิทยาลัยเอกชน ประมาณ 7,500 – 8,500 ยูโรต่อปี ซึ่งถูกกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันตก

ค่ารักษาพยาบาลและประกันสุขภาพ

ในโครเอเชียมีระบบประกันสุขภาพภาคบังคับที่ดูแลโดย Croatian Health Insurance Fund (HZZO) ซึ่งเป็นประกันภาคบังคับสำหรับใครก็ตามที่อาศัยอยู่ในโครเอเชียเกิน 3 เดือน แต่ถึงแม้จะมีประกันภาคบังคับก็ยังอาจต้องจ่าย “Co-payment” หรือค่าใช้จ่ายบางอย่างเพิ่มเติม เว้นแต่ซื้อประกันสุขภาพเสริม

โดยปกติถ้าคุณไปพบแพทย์ที่มีสัญญากับ HZZO จะมีค่าใช้จ่าย 1.32 ยูโรต่อการเข้าพบ แต่ถ้าหากเลือกพบกับเอกชนที่ไม่มีสัญญา HZZO คุณอาจจะต้องจ่ายค่าบริการเต็มประมาณ 40 – 100 ยูโร ขึ้นอยู่กับบริการที่ใช้ ส่วนค่ายาที่แพทย์สั่งที่อยู่ตามกำหนด HZZO อาจไม่ต้องจ่ายเงินเลย แต่หากซื้อเองอาจต้องจ่ายเองเต็มจำนวน

หากต้องการรายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และขั้นตอนเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูที่หน้า e-Zdravstveno ของ HZZO

หากคุณต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น การมีประกันสุขภาพเสริมก็เป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับชาวต่างชาติอย่างเราๆ ประกันประเภทนี้จะช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายร่วมจ่าย (Co-payment) ที่เราต้องจ่ายเองเมื่อไปพบแพทย์ ซื้อยา หรือเข้าโรงพยาบาล ทำให้หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายจุกจิก และยังช่วยให้คุณเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้รวดเร็วกว่าเดิมด้วย

โดยทั่วไปแล้ว ค่าประกันสุขภาพเสริมนี้จะอยู่ที่ประมาณ 10 – 40 ยูโรต่อเดือน ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อความอุ่นใจในการใช้ชีวิตที่โครเอเชีย

ฉันเองไม่ได้มีประสบการณ์โดยตรงกับการพบแพทย์ที่โครเอเชีย แต่เพื่อนของฉันที่ประสบอุบัติเหตุ เขาได้ทำประกันระหว่างประเทศในราคา 35 ยูโรต่อเดือน ประกันนั้นครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำคัญๆ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่าตัด ค่าโรงพยาบาล และค่าห้องพักตลอดช่วงที่เขาต้องรักษาตัว ซึ่งทำให้เขาสบายใจในยามฉุกเฉินได้มากทีเดียว

ค่าธรรมเนียมวีซ่าและสถานะการพำนัก

ข่าวดีของการย้ายไปโครเอเชีย คือ โครเอเชียเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) และเขตเชงเก้น (Schengen Area) ทำให้การทำเอกสารต่างๆ สามารถอ้างอิงข้อกำหนดของเชงเก้น

หากคุณเป็นพลเมืองชาวอเมริกัน คุณสามารถพำนักได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ได้สูงสุด 90 วัน แต่หลังปี 2025 เป็นต้นไป จะต้องลงทะเบียน ETIAS (European Travel Information and Authorisation System) ก่อนเดินทางเข้าเขตเชงเก้น ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 7 ยูโร

สำหรับใครที่อยากย้ายไปอยู่ยาวๆ สามารถเตรียมเอกสารอ้างอิงจากข้อกำหนดของเชงเก้น และต้องมีเอกสารรับรองรายได้ โดยหากเป็นวีซ่าท่องเที่ยวระยะสั้น ต้องมีเงินทุนอย่างน้อย 70 ยูโรต่อคนต่อวัน แต่สำหรับประสบการณ์ส่วนตัวของฉัน หากคุณอยากให้มั่นใจว่าได้วีซ่าอย่างแน่นอน และพำนัก 14 วัน ควรมีเงินประมาณ 1,000 – 1,500 ยูโร (หรือประมาณ 40,000 – 60,000 บาท) ในบัญชี

หรือหากต้องการยื่นขอพำนักในสถานะดิจิทัลโนแมดที่อยากไปพักผ่อนหาแรงบันดาลใจที่โครเอเชีย จะต้องมีรายได้ขั้นต่ำที่ต้องแสดงคือ 3,295 ยูโรต่อเดือน

และหากต้องการยื่นวีซ่าทำงาน สามารถให้นายจ้างเป็นผู้รับรองรายได้และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายแทนได้ บางกรณีอาจต้องยื่น Bank Statement ย้อนหลัง 3-6 เดือนควบคู่กันไปด้วย

สำหรับค่าใช้จ่ายการขอวีซ่าประเภทต่างๆ อยู่ที่ประมาณ 70 – 110 ยูโร ขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่า แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดบนเว็บไซต์ของกระทรวงมหาดไทยโครเอเชีย (MUP) โดยตรงจะดีที่สุด

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในเมืองต่างๆ ของโครเอเชีย

โครเอเชียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายในเรื่องค่าครองชีพ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชื่อเสียงของเมืองนั้นๆ เมืองชายฝั่งทะเลที่ได้รับความนิยมอย่าง Split และ Dubrovnik มักจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก โดยเราจะแนะนำงบเริ่มต้นให้ถ้าเพื่อนๆอยากไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้

ซาเกร็บ (Zagreb)

ซาเกร็บเป็นเมืองหลวงของโครเอเชีย มีครบทั้งห้าง ร้านอาหาร คาเฟ่ และยังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ แต่ค่าครองชีพไม่ได้สูงเท่าเมืองท่าอย่างสปลิทและดูบรอฟนิก อย่างค่าที่พักแบบห้องสตูดิโอเล็กๆ ใจกลางเมือง ราคาประมาณ 850 ยูโร รวมค่าสาธารณูปโภค แต่ถ้าออกไปชานเมือง จะเริ่มต้นราวๆ 600 ยูโรต่อเดือน ส่วนการเดินทางสะดวกสบายด้วยรถราง แค่ 0.5 – 2 ยูโร ถ้าใช้ชีวิตไม่หรูหรามาก งบประมาณ 800 – 1,500 ยูโร ก็อยู่ได้แบบสบายๆ

สปลิท (Split)

สปลิท เป็นเมืองที่เรารักมาก แต่ก็ปวดหัวกับฤดูกาลพอสมควร เพราะราคาขึ้นลงตามนักท่องเที่ยวจริงๆ อย่างหน้าร้อน ถ้าไม่จองที่พักล่วงหน้า นอกเมืองราคาประมาณ 900 ยูโรต่อเดือน ยังไม่รวมบิล แต่เคยเห็นห้องเล็กๆ ใจกลางเมืองเก่าที่สูงถึง 3,000 ยูโรด้วยนะ แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาว ราคาจะจับต้องได้มากขึ้น 1 ห้องนอนแถบนอกเมืองแค่ 500 ยูโร รวมบิลแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามาก การเดินทางในสปลิทจะใช้รถเมล์เป็นหลัก ราคา 1.25 – 3.5 ยูโร ถ้าอาศัยในช่วง Low Season งบประมาณ 800 – 1,500 ยูโรก็อยู่ได้ชิลๆ แต่ถ้าอยู่หน้าร้อน เตรียมไว้ 2,000 – 4,000 ยูโรได้เลย

ดูบรอฟนิก (Dubrovnik)

ใครที่เคยดู Game of Thrones คงรู้จักเมืองนี้แน่นอน เมืองนี้สวยเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายจริงๆ แต่ค่าครองชีพก็สูงตามความเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก โหดสุดคือค่าที่พัก ห้องธรรมดาๆ 1 ห้องนอนในเมืองเก่า เริ่มที่ 1,000 ยูโร ในช่วง High Season และอาจพุ่งไปถึง 2,000 – 3,000 ยูโรเลยทีเดียว แต่ทั้งเมืองก็เดินได้สบายๆ หรือถ้าจะขึ้นรถเมล์ก็มีบริการ ราคาประมาณ 2 ยูโรเท่านั้น รวมๆ แล้ว ถ้าอยากอยู่แบบไม่ลำบาก เตรียมงบขั้นต่ำไว้ที่ 1,800 – 4,000 ยูโรจะดีที่สุด

wall in Dubrovnik
คนเป็นแฟน Game of Thrones ต้องชอบดูบรอฟนิกแน่นอน

ริเยกา (Rijeka)

เราชอบริเยกาตรงที่ยังได้ฟีลเมืองชายทะเล แต่ไม่วุ่นวายหรือแพงเท่าเมืองอื่นๆ แถมค่าครองชีพยังถูก อย่างห้อง 1 ห้องนอน อยู่ที่ประมาณ 400 – 700 ยูโรต่อเดือนก็ได้ห้องสภาพดี กว้างขวางแล้ว การเดินทางก็สะดวกด้วยรถเมล์ราคาประมาณ 1 – 3 ยูโร ถ้าใช้ชีวิตที่นี่ เตรียมค่าครองชีพไว้ 700 – 1,200 ยูโร ก็พออยู่แบบชิลล์ๆ แล้ว

โอซีเยก (Osijek)

โอซีเยกคือ Hidden Gem สำหรับเราเลย เป็นเมืองทางตะวันออกที่ไม่ติดทะเล แต่บรรยากาศเงียบสงบ และที่สำคัญคือ ถูกมากกก! ค่าที่พัก เริ่มแค่ประมาณ 250 – 500 ยูโรต่อเดือนเท่านั้นเอง แถมมีรถรางในเมือง ขนส่งดี ค่ารถก็ไม่แพง อยู่ได้ในงบแค่ 500 – 900 ยูโร ต่อเดือน แบบไม่ต้องกังวลเลย

สรุปค่าใช้จ่ายโดยรวม

การใช้ชีวิตในโครเอเชียด้วยงบ 800–1,200 ยูโรต่อเดือน

หากคุณมีงบประมาณในช่วงนี้ คุณสามารถใช้ชีวิตเรียบง่าย ชิลล์ๆ ได้ในเมืองรอง เช่น โอซีเยก (Osijek), ริเยกา (Rijeka) หรือชานเมืองของ ซาเกร็บ (Zagreb) โดยสามารถเช่าที่พักห้องสตูดิโอหรืออพาร์ตเมนต์เล็กๆ ขนาด 1 ห้องนอน ในช่วงราคา 250 – 600 ยูโรต่อเดือน ที่เหลือก็เพียงพอสำหรับการซื้อของจากซุปเปอร์มาเก็ต ทำอาหารทานเอง และใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถรางหรือรถเมล์ได้ครอบคลุม และได้ชีวิตที่สงบ เรียบง่าย เหมาะกับคนที่ไม่ยึดติดกับความหรูหรา และอยากสัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นในเมือง

การใช้ชีวิตในโครเอเชียด้วยงบ 1,500–2,500 ยูโร ต่อเดือน

ถ้าคุณขยับงบขึ้นมา คุณสามารถใช้ชีวิตได้สบายๆ โดยไม่ต้องประหยัดจุกจิก เหมาะกับคนที่อยากใช้ชีวิตให้เต็มที่ มีเวลาสำหรับตัวเอง และท่องเที่ยวบ้างในวันหยุด ด้วยงบเท่านี้คุณสามารถเช่าที่พักในอพาร์ตเมนต์ใจกลางเมืองของซาเกร็บ (Zagreb), ชานเมืองสปลิท (Split), หรืออยู่ในอพาร์ตเมนต์สวยๆ ชายทะเลที่ริเยกา (Rijeka) และยังมีงบซื้อวัตถุดิบดีๆ ทำอาหารกินเอง และยังสามารถไปนั่งคาเฟ่สัปดาห์ละ 1–2 ครั้งโดยไม่ต้องรู้สึกผิด และอาจมีงบเหลือสำหรับจ่ายค่าสมาชิกฟิตเนส โยคะ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต และยังพอมีงบสำหรับการเดินทาง หรือเช่ารถขับเที่ยวได้สบายๆ

การใช้ชีวิตในโครเอเชียด้วยงบ 3,000+ ยูโร ต่อเดือน

ถ้าคุณมีงบขนาดนี้ คุณสามารถใช้ชีวิตได้สบายๆ ในโครเอเชีย อยู่ในเมืองดังอย่างดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ที่ใครๆ ก็ว่าแพง หรืออยู่ในเมืองสปลิท (Split) ในหน้าร้อน ก็สามารถอยู่ในอพาร์ตเมนต์หรู วิวทะเล ห้องตกแต่งครบ พร้อมระเบียงรับลม และมีรถยนต์ส่วนตัวหรือเช่าระยะยาวได้สบายๆ และทานร้านอาหารดีๆ ได้บ่อย หรือไปชิมไวน์ในท้องถิ่นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องงบ แถมยังข้ามไปเที่ยวอิตาลี ฮังการี หรือออสเตรียได้อีกด้วย

Rattima Korwisedchai
เคยใช้ชีวิตในโครเอเชียช่วงปี 2024 และได้สัมผัสชีวิตประจำวันนอกเหนือจากมุมมองของนักท่องเที่ยว ปัจจุบันเขียนบทความให้เว็บไซต์ต่างประเทศในหัวข้อเกี่ยวกับการย้ายประเทศ ไลฟ์สไตล์ และการทำงานแบบดิจิทัล