เมืองน่าอยู่ในโครเอเชีย: 5 เมืองยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติ

Best Place to Live in Croatia 5 Top Cities for Expats

วางแผนย้ายไปโครเอเชียดีไหม เมืองไหนเหมาะกับคุณ บทความนี้พาเจาะลึกค่าครองชีพ งาน วีซ่า ระบบสุขภาพ และไลฟ์สไตล์ใน 5 เมืองน่าอยู่ของโครเอเชียสำหรับชาวต่างชาติ

ก่อนย้ายมาโครเอเชีย ฉันหลงรักเมืองสปลิทตั้งแต่ยังไม่เคยเหยียบ ภาพเมืองชายฝั่ง น้ำทะเลสีฟ้าใส และแสงแดดแบบเมดิเตอร์เรเนียนทำให้รู้สึกเหมือนได้พักร้อนในทุก ๆ วัน และพอมีโอกาสฉันจึงไม่ลังเลที่จะทิ้งความเร่งรีบในกรุงเทพฯ มาอยู่ในเมืองอันเงียบสงบที่น้อยคนจะรู้จักในโครเอเชีย

แต่เมื่อมาใช้ชีวิตจริง แน่นอนว่าความสวยงามก็มีอีกด้านที่ฉันไม่ทันได้คาดคิด ทั้งฤดูกาลท่องเที่ยวที่ทำให้เมืองคึกคักจนไม่มีที่หายใจ และค่าครองชีพที่สูงกว่าที่คิดไว้ อีกทั้งการจัดการเอกสารที่นี่คิดว่าจะทันสมัย แต่ยังล้าสมัยกว่าราชการไทยอีกด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามสเน่ห์ของโครเอเชียที่ไม่ว่าเมืองไหน ๆ ในยุโรปก็สู้ไม่ได้ คือ ธรรมชาติ ความสงบ คลาสสิก ทำให้หลาย ๆ คนอยากย้ายมาอยู่ที่ แต่หากไม่เคยมาที่นี่อาจไม่รู้ว่าแต่ละเมืองมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน บทความนี้ ฉันจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก 5 เมืองน่าอยู่ที่และเหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตอย่างแท้จริง

บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 34 นาที ยังไม่มีเวลาอ่านตอนนี้เหรอ? ไม่เป็นไรเลย คุณสามารถส่งเวอร์ชันบทความแบบไม่มีโฆษณาไปที่อีเมลของคุณ แล้วค่อยอ่านทีหลังก็ได้!

คำชี้แจงเรื่องความโปร่งใส: บทความนี้อาจมีลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์หรือบริการจากพันธมิตรของเรา หากคุณคลิกลิงก์เหล่านั้น เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย ซึ่งอาจมีผลต่อรูปแบบการจัดวางเนื้อหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม โปรดวางใจว่า เราแนะนำเฉพาะสิ่งที่เราเชื่อว่ามีประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจริง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายโฆษณา ของเรา.

Contents

  1. สรุปสาระสำคัญ
  2. ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนย้ายไปโครโอเชียถาวร
    1. สถานะวีซ่าและการพำนัก
    2. งบประมาณรายเดือน 
    3. ความสามารถทางภาษาโครเอเชีย 
    4. ความต้องการด้านอาชีพ 
    5. สภาพภูมิอากาศที่คุณต้องการ
    6. ความใกล้ชิดกับสนามบินนานาชาติ 
    7. การเลือกที่พักที่เหมาะสม
    8. การเข้าถึงบริการสุขภาพและการประกัน
  3. เมืองที่ดีที่สุดในโครเอเชียสำหรับชาวต่างชาติ
    1. ซาเกร็บ (Zagreb): ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
      1. ค่าครองชีพในซาเกร็บ
      2. การดูแลสุขภาพในซาเกร็บ
      3. วิถีชีวิตของคนในซาเกร็บ 
      4. ความปลอดภัยในซาเกร็บ
      5. ซาเกร็บเหมาะกับคนแบบไหน
      6. ย่านที่ดีที่สุดในซาเกร็บ
    2. สปลิท (Split) เมืองสวย น้ำใส 
      1. ค่าครองชีพในสปลิท
      2. การดูแลสุขภาพในสปลิท
      3. ไลฟ์สไตล์ในสปลิท
      4. ความปลอดภัยในสปลิท
      5. สปลิทเหมาะกับคนแบบไหน
      6. ย่านที่น่าอยู่ในสปลิท
    3. ดูบรอฟนิก (Dubrovnik): เมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลก
      1. ค่าครองชีพในดูบรอฟนิก
      2. การดูแลสุขภาพในดูบรอฟนิก
      3. ไลฟ์สไตล์ในดูบรอฟนิก
      4. ความปลอดภัยในดูบรอฟนิก
      5. ใครควรอาศัยอยู่ในดูบรอฟนิก
      6. ย่านที่น่าอยู่ในดูบรอฟนิก
    4. ปูลา (Pula): มนต์เสน่ห์โรมันบนคาบสมุทรอิสเตรีย
      1. ค่าครองชีพในปูลา
      2. การดูแลสุขภาพในปูลา
      3. ไลฟ์สไตล์ในปูลา
      4. ความปลอดภัยในปูลา
      5. ใครควรอาศัยอยู่ในปูลา
      6. ย่านที่น่าอยู่ในปูลา
    5. รีเยกา (Rijeka): เมืองท่าที่มีชีวิตชีวาและราคาย่อมเยา
      1. ค่าครองชีพในรีเยกา
      2. การดูแลสุขภาพในรีเยกา
      3. ไลฟ์สไตล์ในรีเยกา
      4. ความปลอดภัยในรีเยกา
      5. ใครควรอาศัยอยู่ในรีเยกา
      6. ย่านที่น่าอยู่ในรีเยกา
  4. เมืองอื่น ๆ ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
  5. คุณควรอาศัยอยู่ที่ไหนในโครเอเชีย?

สรุปสาระสำคัญ

  • โครเอเชียอาจจะไม่ใช่ประเทศแรกที่คนนึกถึง แต่จริงๆแล้วประเทศนี้น่าอยู่มาก และมีหลายๆเมืองที่เหมาะแก่การใช้ชีวิต
  • ซาเกร็บ เหมาะกับคนทำงานสายออฟฟิศ สาย IT ครอบครัว และคนที่ต้องการค่าครองชีพนิ่ง ขนส่งสาธารณะดี โรงพยาบาลและคลินิกคุณภาพกระจุกตัว ทำให้ใช้ชีวิตยาว ๆ ได้สบายแบบเมืองหลวงที่ไม่แพงเกินไป
  • สปลิท เหมาะกับคนรักทะเล แดด และกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงสาย Digital Nomad แต่ต้องรับมือค่าครองชีพและค่าเช่าที่พุ่งสูงในหน้าร้อน และการหาที่พักระยะยาวที่อาจยากกว่าที่คิด
  • ดูบรอฟนิก เหมาะกับคนที่หลงใหลเมืองเก่าริมทะเล บรรยากาศหรูระดับโลก หรือผู้เกษียณที่มีงบสูง ต้องยอมรับค่าครองชีพแพงที่สุดในประเทศ และวิถีเมืองท่องเที่ยวที่ฤดูร้อนคนจะเยอะมากแน่น แต่ฤดูหนาวค่อนข้างเงียบ
  • ปูลา เหมาะกับครอบครัวและผู้ที่อยากได้บรรยากาศเมืองประวัติศาสตร์แบบโรมัน ผสมกับชีวิตริมทะเล ค่าครองชีพปานกลาง ระบบสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ใช้ชีวิตแบบช้า ๆ แต่ไม่ขาดอะไร
  • รีเยกา เหมาะกับคนที่อยากอยู่เมืองท่าราคาไม่แรง ได้ฟีล “เมืองจริง” ของคนท้องถิ่น ไม่ได้เป็นเมืองท่องเที่ยวจัดเต็ม ค่าครองชีพเสถียร เดินทางสะดวก มีทั้งงานสายท่าเรือ อุตสาหกรรม และชีวิตเมืองที่ยังใกล้ทะเล
  • เมืองอื่นอย่าง Zadar, Rovinj และ Osijek เหมาะกับคนที่มองหาโครเอเชียเวอร์ชันเฉพาะตัว เช่น ริมทะเลศิลปะและประวัติศาสตร์ หรือเมืองสงบค่าครองชีพต่ำสไตล์คนท้องถิ่นมากกว่าเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง
  • ก่อนย้ายถาวรควรมาทดลองอยู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว หาเช่าที่พักระยะยาว เตรียมเอกสารให้ครบ และสำรวจด้วยตัวเองว่าบรรยากาศและวิถีชีวิตของแต่ละเมืองตรงกับสิ่งที่คุณต้องการจริง ๆ หรือไม่

ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนย้ายไปโครโอเชียถาวร

หากวางแผนที่จะย้ายไปอยู่โครเอเชียถาวร อาจต้องคำนึงถึงขั้นตอนการดำเนินเอกสารและค่าใช้จ่ายมากกว่าที่คิด เพราะโครเอเชียเป็นเมืองที่ระบบราชการยังไม่ทันสมัย ส่วนใหญ่ยังคงใช้เปเปอร์ในการดำเนินเรื่องต่าง ๆ อีกทั้งด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางหลั่งใหลเข้ามาแต่ละปี ทำให้ตามพื้นที่ท่องเที่ยวมีค่าครองชีพที่สูงเกินควร ดังนั้น ก่อนจะย้ายมาอยู่โครเอเชีย ฉันขอแนะนำให้คุณพิจารณาปัจจัยสำคัญ ดังนี้

สถานะวีซ่าและการพำนัก

หลังจากฉันย้ายมาอยู่โครเอเชียจริงๆ สิ่งแรกที่ต้องเผชิญก็คือเรื่อง “สถานะวีซ่าและการพำนัก” ซึ่งต่างกันมากระหว่างคนที่มาจากประเทศใน EU กับคนที่มาจากนอกสหภาพยุโรปอย่างเราๆ และหากคุณเป็นพลเมือง EU/EEA ทุกอย่างจะง่ายแบบไม่น่าเชื่อ เพียงแค่ไปลงทะเบียนพำนักกับตำรวจท้องถิ่น (MUP) ภายใน 90 วันก็เสร็จเรียบร้อย

แต่ถ้าเป็น Non-EU อย่างคนไทย ตัวเลือกจะหลากหลายและซับซ้อนขึ้นทันที ไม่ว่าจะเป็น Digital Nomad Visa, Work Visa, Student Visa หรือการยื่นขอ Work Permit ที่ต้องมีนายจ้างชาวโครแอตเป็นผู้สปอนเซอร์ สิ่งที่ฉันอยากเตือนคือ อย่าประเมินระบบราชการโครเอเชียต่ำไป เพราะขั้นตอนต่างๆ มักใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้มาก การเตรียมตัวล่วงหน้าจึงสำคัญสุดๆ

ฉันได้เขียนคู่มือการย้ายไปโครเอเชียไว้แล้ว ทั้งขั้นตอนการเตรียมตัว วิธีขอวีซ่า และการยื่นขอใบพำนักแบบละเอียด ใครที่กำลังวางแผนย้ายประเทศสามารถใช้เป็นแนวทางได้เลย ช่วยประหยัดเวลาและลดความสับสนก่อนเข้าสู่กระบวนการจริงมากทีเดียว

งบประมาณรายเดือน 

อีกเรื่องที่หลายคนไม่ทันตั้งรับคือค่าครองชีพ แรกๆ ฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมค่าใช้ชีวิตในสปลิทถึงสูงขนาดนี้ แต่พอลองเทียบหลายเมืองก็พบว่าความต่างมันชัดเจนมาก โดยเฉพาะเมืองชายฝั่ง ที่ราคาทุกอย่างพุ่งขึ้นตามฤดูกาลแบบไม่เกรงใจใคร

ในทางกลับกันซาเกร็บ คือเมืองที่ค่าครองชีพนิ่งที่สุด ค่าเช่าคงที่ตลอดปี ไม่เหวี่ยงขึ้นลง และราคาสินค้าก็เป็นราคาท้องถิ่นจริงๆ ไม่ได้ถูกปั่นด้วยนักท่องเที่ยวเหมือนเมืองริมทะเล

แต่ถ้าเป็นเมืองฮิตอย่างสปลิท หรือดูบรอฟนิก ราคาแทบจะดีดขึ้นทันทีเมื่อเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว เจ้าของบ้านหลายเจ้าเลือกหันไปปล่อยเช่ารายวันแทน ทำให้คนที่ต้องการอยู่ยาวๆ ต้องแย่งที่พักในช่วง นอกฤดูกาล ซึ่งจะถูกลงแบบรู้สึกได้เลย

แต่ถ้าอยากรู้รายละเอียดว่าแต่ละเมืองจะต้องเตรียมงบประมาณไว้เท่าไหร่สามารถอ่านต่อได้ที่: ค่าครองชีพในโครเอเชีย: คุณต้องใช้เท่าไหร่ต่อเดือน

ความสามารถทางภาษาโครเอเชีย 

ฉันรู้สึกว่าหลังๆ มานี้ คนโครแอตสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี หรือแม้จะพูดไม่ได้ก็พยายามเปิดรับมากขึ้นกว่าช่วงแรกๆ ที่ฉันไปอยู่ ทำให้การพูดเพียงภาษาอังกฤษก็เพียงพอต่อการอยู่อาศัยที่นี่ แต่ในชีวิตประจำวัน การรู้คำพื้นฐาน เช่น ทักทาย สั่งอาหาร หรือวิธีถามราคา ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ และทำให้คุณเข้าหากลุ่มคนท้องถิ่นได้จริงๆ มากขึ้นด้วย ซึ่งฉันเองก็เริ่มพูดคำง่ายๆ อย่าง “Dobar dan” (สวัสดี) เป็นต้น

ความต้องการด้านอาชีพ 

ในโครเอเชียงานไม่ได้หลากหลายรองรับวัยทำงานเท่าไหร่  โดยเฉพาะสปลิทและดูบรอฟนิกมักจะมีงานธุรกิจบริการและท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ งานที่หาง่ายที่สุดจึงมักเป็นร้านอาหาร โรงแรม คาเฟ่ ไกด์ และงานบริการแทบทุกประเภท นอกจากนี้ ก็จะเป็นงานก่อสร้างที่ต้องการแรงงานตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างก่อสร้าง ไปจนถึงแรงงานทั่วไป ส่วนงานเกษตร เช่น การเก็บผลไม้หรือทำงานฟาร์มก็มีอยู่บ้าง แต่จะอยู่ในพื้นที่ชนบทเสียมากกว่า

แต่ถ้าคุณมองหางานนั่งออฟฟิศที่ค่าตอบแทนดีกว่า โอกาสส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในซาเกร็บ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของงานด้าน IT และ Tech ที่เติบโตเร็วมาก ทั้ง developer, engineer และตำแหน่งสายเทคนิคต่างๆ เพียงแต่อาจต้องยอมรับว่า การหานายจ้างที่พร้อมสปอนเซอร์วีซ่าหรือใบพำนักให้นั้นยากกว่างานบริการหรือท่องเที่ยวพอสมควร

หรือจะย้ายมาด้วย Digital Nomad Visa ก็ไม่ยากอย่างที่คิด ที่นี่รองรับคนทำงานออนไลน์ที่ทำงานไปทั่วโลก และคุณภาพอินเตอร์เน็ตดี Top10 ของโลก แถมยังมีบรรยากาศสวยๆ ให้ได้มองตลอดวัน และหากเป็นสาย Digital Nomad ก็แทบจะเลือกอยู่เมืองไหนก็ได้ ขอเพียงอินเทอร์เน็ตดีและค่าครองชีพเหมาะกับชีวิต แต่ถ้าตั้งใจทำงานในระบบของประเทศจริงๆ เมืองที่เลือกอยู่จะกำหนดโอกาสงานและวิถีชีวิตเลยทันที

สภาพภูมิอากาศที่คุณต้องการ

สิ่งที่ฉันไม่ชอบที่สุดในโครเอเชียคงเป็นสภาพอากาศที่ทั้งปีจะมีอากาศดีอยู่ 2-3 เดือน เพราะโครเอเชียมีทั้งภูมิอากาศภาคพื้นทวีปและเมดิเตอร์เรเนียน หากเป็นซาเกร็บจะมี 4 ฤดูเต็มๆ ฤดูร้อนอบอุ่น แต่ฤดูหนาวหนาวจริงและมีหิมะ แต่เมืองชายฝั่งอยากสปลิทที่ฉันอยู่ และดูบรอฟนิก มีฤดูร้อนยาวและร้อนจัด ปีแรกที่ฉันไปอยู่ทะลุถึง 45 องศา ส่วนฤดูหนาวก็ไม่หนาวเท่า และแทบไม่เคยเห็นหิมะ แต่จะเจอกับพายุลมแรงซะส่วนใหญ่ ทำให้การใช้ชีวิตกลางแจ้งในช่วงหน้าหนาวค่อนข้างยากและต้องปรับตัวกันพอสมควร

ความใกล้ชิดกับสนามบินนานาชาติ 

ตอนแรกที่ฉันย้ายไปอยู่ไม่รู้ว่าการอยู่สปลิทนั้นดีกว่าการอยู่เมืองอื่นอย่างไร แต่พอถึงฤดูกาลท่องเที่ยวเราสามารถเดินทางไปโรม เวียนนาได้เพียง 1-2 ชั่วโมง เพราะสปลิทมีสนามบิน และอีกเมืองที่สะดวกไม่แพ้กัน คือ ซาเกร็บ ที่มีสนามบินนานาชาติรองรับทั้งการบินไปสแกนดิเนเวียและประเทศอื่น ๆ แต่หากเป็นเมืองอื่นอาจจะต้องอาศัยรถบัสหรือการต่อเครื่องเป็นหลัก ดังนั้น หากมีแพลนเดินทางบ่อย ๆ เลือกเมืองที่ใกล้สนามบินหลักอย่างซาเกร็บและสปลิทจะตอบโจทย์กว่ามาก

การเลือกที่พักที่เหมาะสม

ฉันแนะนำว่าหากแพลนจะมีให้เตรียมหาที่พักล่วงหน้าสัก 6 เดือน หรือเริ่มหานายหน้าบ้านที่น่าเชื่อถือ เพราะการหาที่พักระยะยาวที่จะครอบคลุมทั้งปีเป็นไปได้ยากในปัจจุบัน เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความต้องการสูง ทั้งจากนักท่องเที่ยวและผู้ที่ย้ายถิ่นฐาน หากไม่เตรียมตัวดี ๆ อาจจะได้ที่พักราคาแพง หรือไกลจากเมืองมาก ๆ 

การเข้าถึงบริการสุขภาพและการประกัน

แน่นอนว่าการไปใช้ชีวิตต่างประเทศ การมีประกันเอกชนติดตัวไว้ย่อมอุ่นใจกว่า เพราะกว่าที่เราจะคุ้นชินกับระบบสาธารณสุข หรือมีแพทย์ประจำตัวเป็นของตัวเอง อาจเกิดเหตุให้ต้องหาหมอก่อนแล้วก็ได้ ประกันเอกชนช่วยให้เข้าถึงบริการได้ง่ายและครอบคลุมค่ารักษามากกว่า

แต่ก็ต้องบอกว่าระบบสาธารณสุขของรัฐอย่าง HZZO ในโครเอเชียไม่ได้แย่อย่างที่คิดเลย คุณยังสามารถไปพบแพทย์ตามคลินิกที่ร่วมระบบได้ตามปกติ และถ้าเป็นอาการเล็กน้อย ก็เดินเข้าร้านขายยาทั่วไปเพื่อซื้อยาได้สะดวกเหมือนกัน

Advertisement

เมืองที่ดีที่สุดในโครเอเชียสำหรับชาวต่างชาติ

มาดูกันว่าเมืองยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติในโครเอเชียจะมีเมืองอะไรบ้าง

ซาเกร็บ (Zagreb): ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

ซาเกร็บเป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกเหมือนฮ่องกง คือ มีขนส่งสาธารณะหลากหลาย มีศูนย์กลางการค้า การศึกษา และศิลปวัฒนธรรมรายล้อมทั่วทั้งเมือง แต่ต่างกันตรงที่เป็นยุโรปภาคกลางผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบออสโตร-ฮังกาเรียน ทำให้มีเสน่ห์ที่แตกต่างจากเมืองชายฝั่งอย่างสิ้นเชิง 

Zagreb street
แม้ว่าจะเป็นเมืองหลวงที่มีทุกอย่าง ค่าครองชีพในซาเกร็บไม่ได้แพงเลย แถมยังถูกกว่าบางเมืองอีกด้วย

ค่าครองชีพในซาเกร็บ

ในซาเกร็บค่าครองชีพจะคงที่มากกว่าเมืองอื่น ๆ เพราะเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีทั้งออฟฟิศ และมหาวิทยาลัยมากมาย และค่าครองชีพก็ค่อนข้างถูก โดยเฉลี่ยแล้วค่าใช้จ่ายพื้นฐานสำหรับอาหารและของใช้จะอยู่ราวๆ 350-450 ยูโรต่อเดือน ขึ้นอยู่กับว่าเลือกทำอาหารเองหรือไปกินบ่อย ๆ ตอนที่ฉันเดินทางไปเที่ยวก็รู้สึกว่าค่าครองชีพถูกกว่าสปลิทมาก เพราะร้านอาหารในย่านท่องเที่ยวมื้อธรรมดายังอยู่ที่ 15 ยูโรต่อจาน

ส่วนการเดินทางรอบเมืองก็สะดวกต่อให้พักนอกเมืองหน่อยก็มีรถราง รถบัสให้เดินทางได้สะดวก ตั๋วเดือนเรือนจะอยู่ราว ๆ 35 ยูโรต่อเดือน หรือเที่ยวละ 0.5-1.5 ยูโรต่อเที่ยว ค่าสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำ อินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์ อยู่ที่ราว 199 ยูโรต่อเดือน ส่วนกิจกรรมสันทนาการ เช่น ฟิตเนสหรือคลับกีฬาราคาเฉลี่ย 54 ยูโรต่อเดือน รวม ๆ แล้ว หากใช้ชีวิตแบบพอประมาณ ค่าใช้จ่ายรายเดือนต่อคนในซาเกร็บมักอยู่ที่ 800-900 ยูโรต่อเดือน

การดูแลสุขภาพในซาเกร็บ

การดูแลสุขภาพในซาเกร็บถือว่าสะดวกและเข้าถึงง่ายที่สุดในโครเอเชีย เพราะเมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของประเทศ ทำให้มีทั้งโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่และคลินิกเอกชนชั้นนำกระจุกตัวอยู่หลายแห่ง เวลาเจ็บป่วยหรือจำเป็นต้องพบแพทย์เฉพาะทางก็มักจะได้คิวเร็วกว่าต่างจังหวัด และมีตัวเลือกในการรักษาที่หลากหลายกว่า 

โรงพยาบาลรัฐสำคัญ ๆ เช่น KBC Zagreb, KBC Sestre Milosrdnice, KB Merkur, KB Dubrava และ KB Sveti Duh ต่างก็มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ตั้งแต่กุมารเวชศาสตร์ ต่อมไร้ท่อ ผ่าตัดซับซ้อน ไปจนถึงแผนกผู้ป่วยหนักขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ 

ขณะเดียวกันฝั่งเอกชนอย่าง Sv. Katarina, Poliklinika Arista, Poliklinika Helena และ Klinika Magdalena ก็เป็นตัวเลือกยอดนิยมของคนเมืองซาเกร็บที่ต้องการการดูแลที่รวดเร็วขึ้นหรือบริการเฉพาะทางแบบไม่ต้องรอนาน ทำให้การใช้ชีวิตในเมืองนี้อุ่นใจได้ว่า “ป่วยเมื่อไหร่ก็มีที่ให้พึ่งพา” ทั้งในระบบรัฐและเอกชน

วิถีชีวิตของคนในซาเกร็บ 

ฉันรู้สึกชื่นชอบซาเกร็บ เพราะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์แบบเรียบง่าย มีร้านกาแฟดี ๆ หลายร้าน ผู้คนใช้เวลานั่งคุยกันยาวทั้งวันในคาเฟ่ มีรถรางสีน้ำเงินที่เดินทางสะดวก เทศกาลตลอดปี และพื้นที่สีเขียวให้พักใจได้ไม่ยาก ผู้คนให้ความสำคัญกับชีวิตที่สมดุล จึงทำให้เมืองนี้น่าอยู่แบบไม่ต้องพยายามมาก และเต็มไปด้วยความสุขเล็ก ๆ ในทุกวัน

ความปลอดภัยในซาเกร็บ

ซาเกร็บถือเป็นเมืองที่ปลอดภัยและใช้ชีวิตได้สบายๆ แม้อาชญากรรมต่ำเหมาะกับการย้ายมาอยู่อาศัย แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังพื้นที่คนเยอะ การล้วงกระเป๋า และพื้นที่เปลี่ยวในตอนกลางคืน 

ซาเกร็บเหมาะกับคนแบบไหน

ซาเกร็บเหมาะกับคนที่ชอบความสงบแบบมีชีวิตชีวา เป็นเมืองที่ลงตัวสำหรับมืออาชีพ ครอบครัว และคนที่อยากได้สิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากคุณชอบวัฒนธรรมคาเฟ่ การใช้ชีวิตไม่เร่งรีบ มีงานให้เลือกหลากหลาย และต้องการ Work-Life Balance ที่ดี ซาเกร็บตอบโจทย์มาก

นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย การเดินทางสะดวกด้วยรถราง และกิจกรรมทางวัฒนธรรมตลอดทั้งปี ค่าครองชีพก็สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับเมืองหลวงในยุโรปตะวันตก จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากใช้ชีวิตในเมืองยุโรปที่มั่นคง อบอุ่น และมีเสน่ห์แบบพอดี ๆ

ย่านที่ดีที่สุดในซาเกร็บ

ส่วนตัวฉันชอบพื้นที่ใจกลางเมืองมากที่สุด เพราะเต็มไปด้วยร้านกาแฟ ร้านอาหาร และความคลาสสิกของสถาปัตยกรรมยุโรป อีกทั้งยังเดินทางง่ายด้วยการขนส่งหลากหลาย ส่วนคนที่ชอบความสงบใกล้ชิดธรรมชาติ ย่านชานเมืองหรือรอบสวนสาธารณะใหญ่ๆ อาจเหมาะกับไลฟ์สไตล์คุณมากกว่า ซึ่งในซาเกร็บจะแบ่งเป็นย่านต่างๆ ดังนี้

  • Gornji Grad (Upper Town) ย่านเมืองเก่าประวัติศาสตร์ เงียบสงบ เหมาะกับคนชอบวัฒนธรรม ใกล้ St. Mark’s Church และพิพิธภัณฑ์
  • Donji Grad (Lower Town) ศูนย์กลางคึกคัก ใจกลางเมือง ใกล้ Ban Jelačić Square ร้านอาหารและช็อปปิ้ง เหมาะกับคนชอบชีวิตชีวา
  • Tkalčićeva Street ถนนคาเฟ่ บาร์ และร้านอาหารสุดคึกคัก เหมาะกับคนชอบไนท์ไลฟ์และสังสรรค์
  • Maksimir รอบสวนสาธารณะใหญ่ มีทะเลสาบและสวนสัตว์ เหมาะกับครอบครัวและคนชอบกิจกรรมกลางแจ้ง
  • Jarun ย่านรอบทะเลสาบมีกิจกรรมทางน้ำ กีฬา และไนท์ไลฟ์ เหมาะกับครอบครัวและคนรักกิจกรรม
  • Novi Zagreb ย่านใหม่ใต้แม่น้ำ Sava อาคารสูงและสมัยใหม่ ค่าเช่าถูกกว่า มีห้างและสวนสาธารณะ เหมาะกับชีวิตทันสมัยและสะดวกสบาย

สปลิท (Split) เมืองสวย น้ำใส 

สปลิทเป็นเมืองที่ฉันชื่นชอบธรรมชาติและผู้คนมากที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นเมืองใหญ่ริมทะเลของโครเอเชียที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และบรรยากาศก็ดูสบาย ๆ ฉันเคยอยู่ที่นี่ประมาณหนึ่งปี เลยได้สัมผัสชีวิตประจำวันของคนท้องถิ่น วันหยุดส่วนใหญ่ก็ชอบออกไปเที่ยวเกาะรอบเมือง หรือไม่ก็นั่งชิลบนชายหาด ฟังเสียงคลื่น มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ทั้งว่ายน้ำ ดำน้ำ พายเรือ แล้วก็แวะชิมอาหารทะเลสด ๆ ตามร้านริมทะเล ทำให้รู้สึกทั้งสนุกและผ่อนคลายไปพร้อมกัน

Split in croatia
สปลิท เป็นเมืองในฝันของหลานๆคนด้วย รวมถึงตัวฉัน ที่นี่อากาศดี ผู้คนน่ารัก แต่ข้อเสียคือค่าครองชีพจะค่อนข้างแพง โดยเฉพาะในช่วงหน้าท่องเที่ยว

ค่าครองชีพในสปลิท

ในความรู้สึกฉัน สปลิทเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงพอสมควรและผันผวนตามฤดูกาลอยู่ตลอด โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนที่นักท่องเที่ยวหลั่งใหลเข้ามา ซึ่งหากอ้างอิงข้อมูลจาก Numbeo ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์สำหรับชาวต่างชาติอาจสูงถึง 1,000+ ยูโรต่อเดือน แต่ในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวราคาจะลดลงเหลือประมาณ 500-700 ยูโรต่อเดือน  ซึ่งนั่นเป็นเรื่องจริง เพราะแม้ฉันจะอยู่โซนนอกเมือง ค่าเช่าก็ยังอยู่ราว 500-900 ยูโรต่อเดือน ซึ่งถ้าแชร์กับเพื่อนก็พอรับได้อยู่ แต่สุดท้ายแล้วที่ได้มาก็เป็นเพียงห้องหนึ่งในบ้านของครอบครัวชาวโครเอเชีย มีแค่ครัวเล็กๆ ห้องน้ำ เตียงคิงเบด และโซฟาเบด เรียบง่ายกว่าที่คิดไว้พอสมควร

ฉันจึงอยากแนะนำว่าหากจะย้ายมาเมืองให้เตรียมหาที่พักในช่วงตุลาคม-เมษายน หรือย้ายมาในช่วงนี้เพื่อปรับตัวก่อนจะดีที่สุด เพราะหากย้ายมาช่วงพฤษภาคมเป็นต้นไป อาจจะหาที่พักระยะยาวได้ยาก และต้องย้ายที่พักอาศัยบ่อยๆ เหมือนที่ฉันเคยทำมาแล้ว

เพิ่มเติมข้อมูลของ Numbeo ได้พูดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายทั่วไปที่ถือว่าแม่นยำเลยทีเดียว โดยของคนโสด อาจใช้จ่ายประมาณ 836 ยูโรต่อเดือนโดยไม่รวมค่าเช่า ส่วนครอบครัว 4 คนอยู่ที่ประมาณ 2,962 ยูโรต่อเดือน และค่าอาหารพื้นฐาน เช่น นม ไข่ ขนมปัง ผลไม้ และเนื้อสัตว์ ราคาอยู่ในช่วง 1-13 ยูโรต่อหน่วย ส่วนอาหารร้านทั่วไปมื้อหนึ่งประมาณ 15 ยูโร และการเดินทางรถบัสต่อเที่ยวอยู่ราวๆ 1.25 ยูโร นอกจากนี้ก็จะมีบริการเรือข้ามฝาก 1.5 ยูโร และรถไฟธรรมดาระหว่างเมือง ราวๆ 1 ยูโร

การดูแลสุขภาพในสปลิท

จากที่เพื่อนๆ ชาวโครเอเชียเล่าให้ฟัง โรงพยาบาลรัฐ KBC Split ในสปลิทใช้เวลารอคอยนอนกว่าซาเกร็บ แม้จะเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศก็ตาม หลายๆ คนจึงหันไปใช้คลินิกเอกชนที่ให้บริการเฉพาะทางและเหมาะสำหรับชาวต่างชาติมากกว่า เช่น 

  • Poliklinika Priska Med ให้บริการวินิจฉัย การผ่าตัด และกายภาพบำบัด พนักงานเป็นมิตรและพูดภาษาอังกฤษได้ดี
  • Akromion – Special Hospital for Orthopedics โรงพยาบาลเฉพาะด้านออร์โธปิดิกส์ ตั้งอยู่ใน Krapinske Toplice เป็นศูนย์ชั้นนำด้านนี้

ไลฟ์สไตล์ในสปลิท

หากใครชอบทะเล แสงแดด และชายหาด สปลิทเป็นเมืองที่คุณต้องหลงรักแน่นอน ที่พักอาศัยที่นี่ส่วนใหญ่เดินถึงทะเลได้ หรือหากไปตามริมน้ำก็จะมีทางเดิน Riva ให้ได้เดินชมวิว และชายหาดให้อาบแดด หรือจะเลือกนั่งจิบกาแฟ  พบปะเพื่อนฝูง และทำกิจกรรม people-watching ชิลไปเรื่อย ๆ ก็ยังได้

และที่นี่ผู้คนมักจะรักทะเลและกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การว่ายน้ำที่หาด Bačvice หรือเล่น picigin (กีฬาน้ำพื้นเมือง) และการเดินป่าหรือปั่นจักรยานที่ Marjan Hill นอกจากนี้ หากใครที่ทำงานทางไกล เมืองนี้ยังมีชุมชน Digital Nomads ขนาดใหญ่ ทำให้สร้างคอนเนคชั่นในการทำงานได้ง่ายอีกด้วย

ความปลอดภัยในสปลิท

ฉันชอบเดินเล่นสปลิทในตอนกลางคืนมากๆ เพราะเป็นเมืองที่เที่ยวง่าย ปลอดภัย ไม่น่ากลัว และปลอดภัยมากเมื่อเทียบกับเมืองดังๆ อย่างปารีส หรือโรม ปลอดภัยถึงขนาดตอนกลางวัน วางของมีค่าไว้ริมชายหาดแล้วลงไปแช่น้ำก็ไม่หายไปไหน แต่โดยทั่วไปก็ควรจะระมัดระวังตัวเป็นเรื่องปกติของเมืองที่มีแต่ผู้คนแปลกตา

สปลิทเหมาะกับคนแบบไหน

ใครที่ชอบบรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลายและอยากอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ เมืองนี้ตอบโจทย์มากๆ เพราะมีทั้งการว่ายน้ำ กีฬาทางน้ำ และเส้นทางเดินป่าในสวนป่า Marjan Hill ให้เลือกทำได้ทุกวัน สปลิทยังเหมาะกับคนที่อยาก หนีความเร่งรีบ ของชีวิตเมืองใหญ่ และเพลิดเพลินกับจังหวะชีวิตที่ช้าลง ล้อมรอบด้วยทะเลสวย อาหารอร่อย และวิถีชีวิตที่เน้นคุณภาพชีวิตและการเข้าสังคมอย่างเป็นธรรมชาติ

ย่านที่น่าอยู่ในสปลิท

สปลิทเป็นเมืองที่ค่อนข้างกว้างเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ส่วนตัวฉันอาศัยเมือง Kaštel Sućurac ซึ่งอยู่ถัดออกไปจากตัวเมืองสปลิต เดินทางเข้าตัวเมืองสปลิทประมาณ 15 นาทีแต่ค่าครองชีพถูกกว่ามาก นอกจากนี้ ยังมีย่านอื่นๆ ทั้งในตัวเมืองและรอบนอก อาทิ

  • Veli Varoš ย่านเก่าแก่เต็มไปด้วยตรอกหินแคบๆ เงียบสงบ ใกล้พระราชวังไดโอคลีเชียนและ Riva เหมาะกับคนชอบบรรยากาศดั้งเดิม
  • Bačvice ใกล้ชายหาดและบาร์กลางคืน คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน เหมาะกับคนหนุ่มสาว
  • Spinut เงียบสงบ มีพื้นที่สีเขียว ใกล้สวน Marjan เหมาะกับครอบครัว
  • Meje หรูหรา วิวทะเลสวย ใกล้ชายหาด Kašjuni และ Ježinac เหมาะกับผู้ที่ชอบความสงบและคุณภาพชีวิตสูง
  • Kaštela กลุ่มเมืองเล็กใกล้สปลิต เงียบสงบ ค่าครองชีพถูกกว่า เดินทางเข้าตัวเมืองสะดวก
  • Trogir เมืองเกาะประวัติศาสตร์ UNESCO สวยงาม โรแมนติก เหมาะคนรักประวัติศาสตร์ เดินทางไปสปลิตและสนามบินง่าย

ดูบรอฟนิก (Dubrovnik): เมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลก

เมืองชื่อดังจากซีรีส์ Game of Thrones ที่ได้รับขนามนามว่า “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” เป็นเมืองมรดกโลกของ UNESCO ด้วยความขึ้นชื่อทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งใหลเข้ามาจำนวนมาก ใครที่อยากย้ายมาที่นี่อาจจะต้องลองพิจารณาค่าครองชีพเป็นหลัก เพราะตอนที่ฉันได้มาสัมผัสเมืองนี้รู้เลยว่าถ้าอยู่ไปนานๆ ทั้งค่าที่พัก ค่าครองชีพมีอ่วมแน่นอน

dubrovnik in croatia
ดูบรอฟนิกมีชื่อขึ้นมาจาก Game of Thrones และเป็นเมืองมรดกโลก ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ต้องการอยู่ในเมืองสวยๆ แต่ถนนอาจจะไม่ได้ดีมาก หากใครมีปัญหาเรื่องข้อเข่า อาจจะไม่เหมาะกับเมืองนี้

ค่าครองชีพในดูบรอฟนิก

ดูบรอฟนิกขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงที่สุดในโครเอเชีย เพราะทั้งเมืองหมุนรอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระดับพรีเมียม ร้านอาหาร คาเฟ่ และบริการต่าง ๆ มีราคาค่อนข้างสูงกว่าเมืองอื่นอย่างซาเกร็บหรือสปลิทอย่างเห็นได้ชัด จากข้อมูลของ Numbeo ระบุว่า มื้ออาหารตามร้านทั่วไปเริ่มราว ๆ 15 ยูโรต่อจาน เครื่องดื่มง่าย ๆ อย่างน้ำอัดลมหรือกาแฟก็อยู่ที่ประมาณ 3-4 ยูโร ทำให้ใครที่วางแผนจะมาอยู่ยาวควรบริหารค่าใช้จ่ายให้ดี

ด้านที่พักเองก็ไม่น้อยหน้า ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์หนึ่งห้องนอนนอกเขตเมืองเก่ามักเริ่มที่ราว 800-1,300 ยูโรต่อเดือน และค่าขนส่งสาธารณะก็อยู่ที่ประมาณ 2.5 ยูโรต่อเที่ยว แม้ค่าครองชีพจะสูง แต่หากคุณรักบรรยากาศเมืองเก่าริมทะเลที่สวยราวฉากหนังฮอลลีวูด และพร้อมปรับตัวกับวิถีเมืองท่องเที่ยว ดูบรอฟนิกก็ยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่คุ้มค่าแก่การใช้ชีวิตที่สุดบนชายฝั่งเอเดรียติก

การดูแลสุขภาพในดูบรอฟนิก

ดูบรอฟนิกถือว่ามีระบบสาธารณสุขพื้นฐานที่เพียงพอ โรงพยาบาลรัฐอย่าง KBC Dubrovnik ให้บริการทั่วไปได้ดี แต่ถ้าเป็นโรคที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริง ๆ คนในพื้นที่ก็มักเลือกเดินทางไปรักษาที่ Split หรือ Zagreb ซึ่งมีศูนย์การแพทย์ใหญ่กว่าและมีอุปกรณ์ครบกว่า ส่วนคลินิกเอกชนในดูบรอฟนิกก็มีมาตรฐานดีและสื่อสารภาษาอังกฤษได้สบาย เพียงแต่ต้องยอมรับว่าค่าบริการสูงกว่าแบบรู้สึกได้ทันที

ไลฟ์สไตล์ในดูบรอฟนิก

ชีวิตในดูบรอฟนิกเหมือนอยู่ในเมืองสองอารมณ์ ฤดูร้อนคือความคึกคักสุดขีด เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว เรือสำราญ ร้านค้าต่าง ๆ เปิดจนดึก และเมืองเก่าจะมีคนแน่นจนแทบไม่มีที่เดิน แต่พอเข้าสู่ฤดูหนาว เมืองจะเปลี่ยนเป็นภาพตรงข้ามแบบสุดขั้ว เงียบ สงบ และเป็นช่วงเวลาที่คุณจะได้เห็นความเป็น “ดูบรอฟนิกของคนท้องถิ่น” อย่างแท้จริง มีเวลาเดินเล่นบนกำแพงเมืองแบบโล่ง ๆ รับลมทะเลช้า ๆ และใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายสบายใจขึ้นมาก

ความปลอดภัยในดูบรอฟนิก

เรื่องเดียวที่ควรระวังในดูบรอฟนิก คือ การจ่ายค่าแท็กซี่ที่โก่งราคาเกินความเป็นจริงตามประสาเมืองท่องเที่ยว แต่โครเอเชียโดยรวมมีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ และดูบรอฟนิกก็อยู่ในระดับที่ปลอดภัยที่สุด หลาย ๆ คนรวมถึงฉันรู้สึกสบายใจที่จะเดินสำรวจเมืองคนเดียว ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

ใครควรอาศัยอยู่ในดูบรอฟนิก

เมืองนี้เหมาะกับคนที่หลงใหลประวัติศาสตร์ ชอบอยู่ท่ามกลางสถาปัตยกรรมสวยระดับโลก หรือผู้ที่อยากใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบบรรยากาศดีริมทะเล (และมีงบประมาณเพียงพอ) รวมถึงคนทำงานสายท่องเที่ยวระดับพรีเมียมหรืออาชีพที่เดินทางบ่อย เพราะสนามบินแม้จะเล็ก แต่ช่วงฤดูร้อนก็มีไฟลต์ยุโรปให้เลือกพอสมควร

ย่านที่น่าอยู่ในดูบรอฟนิก

แม้ในเมืองเก่าจะมีค่าครองชีพที่สูงลิ่ว แต่ดูบรอฟนิกก็ยังมีชุมชนรอบ ๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายหลายแห่ง อาทิ

  • ลาพาด (Lapad) ย่านยอดนิยมสำหรับครอบครัวและผู้ที่อยากอยู่ใกล้ทะเล เดินทางเข้าเมืองเก่าง่ายประมาณ 10-15 นาที มีชายหาดสวย ร้านอาหาร คาเฟ่ และสวนสาธารณะครบ เหมาะกับชีวิตประจำวันแบบสบาย ๆ
  • บาบิน คุก (Babin Kuk) เงียบสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวและชายหาด Copacabana เหมาะกับคนต้องการความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศพักผ่อนหรูแบบสงบ
  • กรูซ (Gruž) ศูนย์กลางการคมนาคม มีท่าเรือหลัก สถานีรถบัส และตลาดสดใหญ่
    สะดวกต่อการเดินทางและค่าครองชีพสมเหตุสมผลกว่าโซนท่องเที่ยวอื่น ๆ
  • ปิล่า / พลอเช่ (Pile / Ploče) อยู่ติดเมืองเก่า ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวและวิวกำแพงเมืองสวย
    เหมาะกับผู้ชอบบรรยากาศคลาสสิก แต่ค่าเช่าสูงและคนพลุกพล่านช่วงฤดูท่องเที่ยว

ปูลา (Pula): มนต์เสน่ห์โรมันบนคาบสมุทรอิสเตรีย

ปูลาเป็นเมืองที่ฉันประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินชม Pula Arena สนามกีฬาโรมันโบราณสุดสมบูรณ์ราวกับย้อนเวลาไปสู่ยุคโรมัน ผู้คนที่นี่เป็นมิตร และบรรยากาศเมืองเต็มไปด้วยความสงบ เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตแบบช้า ๆ ช่วงที่ฉันอยู่ ฉันชอบเดินเล่นรอบเมืองเก่า ชมสถาปัตยกรรม และแวะร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ตามตรอกหิน

Pula Croatia
หากใครชอบอยู่เมืองเก่าที่เงียบสงบหน่อย ปูลา เป็นอีกเมืองที่น่าสนใจมากๆ ทั้งเมืองที่สวยและบรรยากาศที่ดี แถมสะดวกสบายอีกต่างหาก

ค่าครองชีพในปูลา

ปูลาเป็นเมืองที่ค่าครองชีพถือว่าปานกลางสำหรับโครเอเชีย ใน Numbeo ระบุว่า มื้ออาหารตามร้านทั่วไปเริ่มประมาณ 12.50 ยูโรต่อคน ส่วนมื้อสำหรับสองคนที่ร้านระดับกลางอยู่ราว 65 ยูโรต่อมื้อ และค่าบริการพื้นฐานเช่นไฟฟ้า น้ำ และขยะสำหรับอพาร์ตเมนต์ขนาด 85 ตร.ม.อยู่ที่ราว 134 ยูโรต่อเดือน ค่าโทรศัพท์มือถือพร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตประมาณ 27 ยูโร และอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงราว 36 ยูโรต่อเดือน

ด้านที่พัก อพาร์ตเมนต์หนึ่งห้องนอนใจกลางเมืองราคาเฉลี่ยประมาณ 592 ยูโรต่อเดือน ส่วนอพาร์ตเมนต์รอบ ๆ นอกอยู่ที่ 425 ยูโรต่อเดือน สำหรับครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการพื้นที่มากขึ้น อพาร์ตเมนต์สามห้องนอนในเมืองอยู่ราว 1,050 ยูโรต่อเดือน และนอกเมือง 825 ยูโร แม้ค่าครองชีพจะสูงกว่าเมืองเล็กบางแห่ง แต่บรรยากาศประวัติศาสตร์และชายหาดของปูลาทำให้ทุกค่าใช้จ่ายดูคุ้มค่าเมื่อคุณได้สัมผัสชีวิตเมืองและกิจกรรมกลางแจ้งอย่างใกล้ชิด

การดูแลสุขภาพในปูลา

ปูลาแม้จะเป็นเมืองรองแต่ก็สะดวกสบายด้านสุขภาพเพราะเมืองนี้มีระบบการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งโรงพยาบาลรัฐและคลินิกท้องถิ่น โดยโรงพยาบาลหลักของเมือง Opća bolnica Pula ให้บริการรักษาพยาบาลทั่วไป การผ่าตัด และฉุกเฉินครบวงจร หากเจ็บป่วยหรือจำเป็นต้องพบแพทย์เฉพาะทางก็สามารถเข้าถึงได้ค่อนข้างรวดเร็ว

นอกจากนี้ยังมีคลินิกและศูนย์สุขภาพท้องถิ่น (Doma Zdravlja) ที่ให้บริการเวชปฏิบัติทั่วไปและทันตกรรม รวมถึงร้านขายยาทั่วเมือง (Ljekarna) ที่สามารถซื้อยาไม่ต้องสั่งแพทย์ได้ง่ายเช่นเดียวกัน

ไลฟ์สไตล์ในปูลา

ใครรักประวัติศาสตร์ วัฒธรรม และภาพยนต์ต้องรักเมืองนี้ เพราะที่นี่เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ Pula Arena ทุกปี มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น มีกิจกรรมล่าเห็ดทรัฟเฟิล การผลิตไวน์ และน้ำมันมะกอกชั้นดีให้ทำตลอดปี นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย เช่น การสำรวจหมู่เกาะ Brijuni National Park และการพักผ่อนตามชายหาดที่เต็มไปด้วยหินกรวด (Pebble Beaches)

ความปลอดภัยในปูลา

ปูลาเป็นเมืองที่เดินเล่นได้สบาย ๆ รู้สึกปลอดภัยมาก ผู้คนเป็นมิตรและชีวิตประจำวันไม่รีบร้อน บรรยากาศในเมืองเก่าก็ดูน่ารัก เหมาะกับครอบครัวและคนที่อยากใช้ชีวิตชิล ๆ ใกล้ทะเล

ใครควรอาศัยอยู่ในปูลา

ปูลาเหมาะกับ ครอบครัวที่มีเด็ก ผู้เกษียณอายุที่ชอบความเงียบสงบ แต่ยังต้องการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในเมืองและกิจกรรมทางวัฒนธรรม รวมถึงผู้ที่รักอาหารดีๆ และต้องการความรู้สึกแบบยุโรปภาคใต้ที่มีอิทธิพลของอิตาลี

ย่านที่น่าอยู่ในปูลา

ถ้าคุณกำลังมองหาที่อยู่ในปูลาแต่ไม่แน่ใจว่าย่านไหนดี บทความนี้จะพาไปรู้จักย่านเด่น ๆ ที่น่าอยู่ ทั้งใกล้ทะเล ใกล้เมือง หรือบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน

  • Centar ใจกลางเมืองเก่า ใกล้ Pula Arena และจัตุรัสหลัก เดินทางสะดวก แต่ที่จอดรถอาจหายากหน่อย
  • Stoja ใกล้ชายหาด มีอพาร์ตเมนต์หลายแห่ง สามารถเดินไปทะเลได้ง่าย เหมาะกับคนชอบวิวทะเลและกิจกรรมกลางแจ้ง
  • Veruda ย่านเงียบสงบ เป็นที่นิยมของคนท้องถิ่น มีร้านค้าและโรงเรียน เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบายและความสงบ

รีเยกา (Rijeka): เมืองท่าที่มีชีวิตชีวาและราคาย่อมเยา

Rijeka เป็นเมืองท่าสำคัญที่ฉันชอบมากเพราะให้ความรู้สึก “ดิบและจริง” กว่าที่อื่น ๆ ตรงที่ไม่ใช่เมืองนักท่องเที่ยวล้นเหมือนสปลิทหรือดูบรอฟนิก ที่นี่คุณจะได้เห็นชีวิตประจำวันของคนท้องถิ่นแบบเต็มๆ ทั้งตลาด โรงงานเก่า และงานศิลปะริมถนน ฉันเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เกือบครึ่งปี และชอบเดินเล่นตามถนนคนเดิน Korzo ทุกเช้า ชิมกาแฟสักถ้วย นั่งจิบเบียร์ตอนเย็น แล้วแอบฟังเสียงดนตรีสดจากร้านเล็กๆ รอบเมือง

Rijeka, Croatia
รีเยกาเหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการที่จะอยู่ในเมืองท่องเที่ยวของโครเอเชีย แต่ก็ยังคงความสะดวกสบายอยู่และสามารถมาใช้ชีวิตได้แบบง่ายๆ

ค่าครองชีพในรีเยกา

ที่นี่ถือว่าเป็นเมืองที่ค่าครองชีพค่อนข้างต่ำและเสถียรสุดเมื่อเทียบกับเมืองชายฝั่งหลักอื่น ๆ ข้อมูลจาก Numbeo ระบุว่า อพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอนในใจกลางเมืองอยู่ที่ประมาณ 560 ยูโรต่อเดือน ซึ่งถือว่าสบายกระเป๋ามากเมื่อเทียบกับดูบรอฟนิกหรือสปลิท สำหรับอาหารตามร้านทั่วไป มื้ออาหารเริ่มต้นราว 12 ยูโร ส่วนมื้อสำหรับสองคนแบบสามคอร์สอยู่ที่ประมาณ 65 ยูโรของกินสดใหม่และรสชาติดี ทำให้ทุกมื้อเหมือนได้ดื่มด่ำกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นโดยไม่ต้องจ่ายแพง

การเดินทางก็สะดวกง่าย ถ้าเลือกใช้ขนส่งสาธารณะ ตั๋วเที่ยวเดียวเพียง 1.70 ยูโรหรือถ้าใช้บ่อยสามารถซื้อพาสรายเดือนประมาณ 48 ยูโรต่อเดือน เดินเล่นไปรอบเมืองชิล ๆ ก็เพลินแล้ว และถ้าอยากออกไปชายหาดหรือเขตอื่น ๆ ของเมือง ก็สามารถเรียกแท็กซี่เริ่มต้น 5 ยูโร หรือขับรถเองราคาน้ำมันประมาณ 1.49 ยูโรต่อลิตร

การดูแลสุขภาพในรีเยกา

สบายใจได้เลยหากเจ็บป่วยที่นี่การรักษาพยาบาลสามารถใช้ โรงพยาบาลขนาดใหญ่และเป็นศูนย์การแพทย์ทางคลินิกที่ครอบคลุมเกือบทุกสาขา  และยังมีแผนรวมทุกหน่วยงานไว้ในอาคารใหม่ที่ทันสมัยใน Sušak ทำให้สะดวกเวลาไปพบแพทย์

นอกจากนี้ยังมี คลินิกเอกชนชั้นนำอย่าง Specialty Hospital Medico มีมาตรฐานระดับสากล และแน่นอนว่าพนักงานพูดอังกฤษได้คล่อง แม้จะเป็นเมืองห่างไกลแต่ก็มีความสะดวกครบครัน

ไลฟ์สไตล์ในรีเยกา

ไลฟ์สไตล์ใน Rijeka เป็นอะไรที่ลงตัวมากสำหรับคนชอบทั้งชีวิตเมืองและธรรมชาติ เมืองนี้ผสมผสานความทันสมัยแบบ Urban เข้ากับความใกล้ชิดทะเลและธรรมชาติได้อย่างลงตัว ฉันเคยเดินเล่นตามถนนคนเดิน Korzo ดูงาน street art แอบถ่ายวิวเมืองเก็บไว้เป็นความทรงจำ เหมือนทุกครั้งที่มาที่นี่จะรู้สึกถึงพลังของเมือง ความเปิดกว้าง และความสร้างสรรค์ของผู้คน

นอกจากนี้ Rijeka ยังมีเทศกาลคาร์นิวัลที่มีชื่อเสียง งานดนตรีกลางแจ้ง และตลาดงานศิลปะเกิดขึ้นตลอดปี ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อ และที่สำคัญคือค่าครองชีพค่อนข้างสมเหตุสมผล  ฉันเลยรู้สึกว่าที่นี่เหมาะทั้งสำหรับคนทำงานรุ่นใหม่ นักศึกษา หรือใครที่อยากใช้ชีวิตใกล้ทะเลโดยไม่ต้องจ่ายแพงเกินไป

ความปลอดภัยในรีเยกา

โดยรวมแล้ว Rijeka เป็นเมืองที่ปลอดภัยและต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ฉันเคยเดินเล่นตอนกลางคืนหลายรอบก็ไม่เคยเจอปัญหาอะไร เพียงแค่ใช้สามัญสำนึกเหมือนอยู่เมืองใหญ่ทั่วไป เช่น ระมัดระวังทรัพย์สินส่วนตัวในบริเวณที่คนพลุกพล่าน ก็สามารถเพลิดเพลินกับเมืองและไลฟ์สไตล์ได้อย่างสบายใจ

ใครควรอาศัยอยู่ในรีเยกา

ถ้าคุณกำลังมองหาเมืองที่มีความเป็นสากล มีวัฒนธรรมเข้มแข็ง โอกาสทำงานมั่นคงโดยเฉพาะงานเกี่ยวกับทะเล แถมยังสามารถหลบความวุ่นวายไปโอบกอดธรรมชาติได้ง่าย ในราคาที่ไม่สูงเท่าเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ Rijeka คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ ค่ะ ค่าครองชีพไม่แพง วิถีชีวิตเป็นกันเอง และยังเต็มไปด้วยสีสันทางวัฒนธรรมให้สนุกได้ตลอดปี

ย่านที่น่าอยู่ในรีเยกา

เมืองนี้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะชอบความสะดวกสบาย ใกล้ทะเล หรือความเงียบสงบพร้อมวิวสวย ๆ

  • Centar ใจกลางเมือง ติดถนน Korzo แหล่งช้อปปิ้งและกิจกรรมทางวัฒนธรรม
  • Trsat ตั้งบนเนินเขา มีปราสาทและวิวอ่าว Kvarner สวยงาม เหมาะกับความเงียบสงบ
  • Kantrida / Pećine ใกล้ทะเลและกิจกรรมทางน้ำ เดินไปชายหาดสะดวก
  • Brajda ใกล้ศูนย์กลางเมือง แต่ค่าครองชีพไม่สูงมาก
  • Zamet ทันสมัย มีศูนย์กีฬาและสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ เหมาะสำหรับครอบครัว

เมืองอื่น ๆ ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง

นอกจากนี้ ในโครเอเชียยังมีเมืองน่าอยู่ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวหลายแห่งที่ฉันยังไม่เคยไปเยือน แต่ฟังจากคนรอบตัวแล้ว เมืองเหล่านี้ก็น่าอยู่ไม่แพ้กัน 

เริ่มจาก Zadar เมืองที่ให้ความรู้สึกสมดุลระหว่างประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งกับความทันสมัยที่สร้างสรรค์ ไม่วุ่นวายเหมือน Split หรือ Dubrovnik แต่ก็ไม่ได้เงียบเหงาจนเกินไป แถมยังมีพื้นที่สาธารณะให้ได้รับลมอ่อน ๆ เช่น การเดินฟังเสียงจาก Sea Organ ประติมากรรมชื่อดัง หรือเดินเล่นบน Sun Salutation เพลิดเพลินกับสุนทรียภาพยามเย็น ทำให้ทุกวันที่นี่มีชีวิตชีวาและรู้สึกพิเศษ เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะและต้องการคุณภาพชีวิตริมทะเลแบบผ่อนคลาย

ในขณะที่ Rovinj ให้บรรยากาศโรแมนติกที่แตกต่างออกไป เพราะเป็นเมืองเก่าแบบหมู่บ้านศิลปินริมทะเลที่ยังคงมนต์เสน่ห์แบบดั้งเดิม ความสงบและความงดงามของบ้านเรือนหินกรวดทำให้เมืองนี้เหมาะกับผู้เกษียณอายุ คู่รัก หรือผู้ที่ทำงานอิสระที่ต้องการความเงียบเพื่อโฟกัสชีวิตประจำวัน การเดินเล่นในตรอกซอกซอย หาอาหารทะเลสดใหม่จากชาวประมง และจิบไวน์ Istrian คือกิจกรรมประจำวันที่ไม่ต้องพึ่งนักท่องเที่ยว จึงทำให้ Rovinj กลายเป็นเมืองที่สามารถใช้ชีวิตแบบ “ช้า ๆ แต่เต็มไปด้วยคุณภาพ”

นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่อยากสัมผัสโครเอเชียแท้ ๆ Osijek คือเมืองบนบกในภูมิภาค Slavonia ที่เหมาะกับคนรักความเรียบง่ายและค่าครองชีพต่ำ ที่นี่คุณสามารถใช้ชีวิตริมแม่น้ำ Drava เดินเล่นใน Tvrđa ป้อมปราการเก่า และลิ้มรสอาหารท้องถิ่นอย่าง Kulen หรือเนื้อสัตว์ย่าง ความสงบและความเป็นมิตรของผู้คนทำให้ Osijek เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองท่องเที่ยวและอยากใช้ชีวิตแบบคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

คุณควรอาศัยอยู่ที่ไหนในโครเอเชีย?

การเลือกที่อยู่อาศัยในโครเอเชียไม่ใช่แค่การเลือกเมือง แต่คือการเลือก “วิถีชีวิต” ที่สอดคล้องกับความต้องการและรสนิยมของคุณ อย่างที่บอกไปตอนต้นแต่ละเมืองมีสเน่ห์ที่เฉพาะตัวต่างกันไป แต่ควรอยู่เมืองไหนขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และความต้องการของตัวคุณเอง

ถ้าให้ฉันแนะนำเมืองที่น่าอยู่ที่สุดสำหรับคนรักชายหาด และรักงานบริการเมืองสปลิทน่าสนใจมาก เพราะมีงานให้ทำแน่นอนในช่วงหน้าร้อน แต่ก็ต้องเตรียมใจเรื่องว่างงานในช่วงหน้าหนาวตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ไว้ให้ดี และบริหารค่าใช้จ่ายเอาไว้ล่วงหน้า

สำหรับใครอยากเติบโตในด้านไอที เทคโนโลยี หรือมีงานพาร์ทไทม์ทำรองรับทั้งปี ซาเกร็บอาจเหมาะสมกว่าเพราะที่นี่เต็มไปด้วยสำนักงานออฟฟิศชื่อดัง และยังเป็นเมืองที่เปิดโอกาสทางอาชีพค่อนข้างสูง แถมยังมีระบบขนส่งสาธารณะสะดวกสบายและราคาครองชีพคงที่ทั้งปี

สำหรับใครที่มองหาความสงบ หรืออยากพาครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานที่โครเอเชีย Pula และ Rijeka เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีบรรยากาศเงียบสงบ สภาพแวดล้อมเป็นมิตรกับเด็ก ๆ และอยู่ใกล้ชายฝั่งอิสเตรียที่สวยงาม

แต่สำหรับใครที่เกษียณอายุและมีงบประมาณสูง Dubrovnik คือเมืองในฝัน ด้วยทัศนียภาพอันงดงามและบรรยากาศเฉพาะตัวของเมืองมรดกโลก ทุกวันคือการตื่นมาชมวิวทะเลสีครามและเดินเล่นในเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์

สุดท้าย ไม่ว่าจะเลือกเมืองใด อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญคือการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเอกสารราชการและที่พักที่ต้องเตรียมล่วงหน้าและมีขั้นตอนพอสำคัญ และถ้าอยากย้ายไปอยู่ถาวรจริง ๆ แนะนำให้ลองเดินทางไปเที่ยวชมเมืองที่ตัวเองชอบดูก่อน เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตแท้จริงของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

Rattima Korwisedchai
ใช้ชีวิตในโครเอเชียตลอดปี 2024 และได้สัมผัสวิถีชีวิตประจำวันจริงๆ ที่เหนือกว่าสิ่งที่นักท่องเที่ยวเห็น ปัจจุบันเขียนบทความให้เว็บไซต์ต่างประเทศเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐาน ไลฟ์สไตล์ และการทำงานแบบดิจิทัล