
บทความนี้เป็นคู่มือการเปิดบัญชีธนาคารในประเทศสหรัฐอเมริกาสำหรับผู้ถือ non-immigrant visa และ ไม่ได้มีสถานะผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวร (green card holder)
มีคนไทยหลายคนที่อยากย้ายไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นใช้ชีวิตยังไง เช่น เรื่องเบสิค ๆ อย่างการเปิดบัญชีธนาคารอาจจะดูยุ่งยากและแปลกใหม่
ในบทความนี้ผมจะพาผู้อ่านมาทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับการเปิดบัญชีธนาคารในอเมริกา การจับจ่ายใช้สอยและทำธุรกรรมทางการเงินอื่น ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญในการใช้ชีวิตในอเมริกา เพราะคนส่วนใหญ่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือเช็ค มากกว่าใช้เงินสด การเปิดบัญชีธนาคารจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง เพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตในอเมริกา
บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 19 นาที ยังไม่มีเวลาอ่านตอนนี้เหรอ? ไม่เป็นไรเลย คุณสามารถส่งเวอร์ชันบทความแบบไม่มีโฆษณาไปที่อีเมลของคุณ แล้วค่อยอ่านทีหลังก็ได้!
คำชี้แจงเรื่องความโปร่งใส: บทความนี้อาจมีลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์หรือบริการจากพันธมิตรของเรา หากคุณคลิกลิงก์เหล่านั้น เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย ซึ่งอาจมีผลต่อรูปแบบการจัดวางเนื้อหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม โปรดวางใจว่า เราแนะนำเฉพาะสิ่งที่เราเชื่อว่ามีประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจริง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายโฆษณา ของเรา.
Contents
- เรื่องที่ไม่ควรมองข้ามก่อนเปิดบัญชีธนาคารที่อเมริกา
- เอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในการเปิดบัญชีในปี 2025
- เงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ
- ธนาคารที่เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งย้ายมาใหม่
- ประเภทของบัญชี
- วิธีเปิดบัญชีผ่านสาขา
- เปิดบัญชีธนาคารโดยไม่มี SSN ได้ไหม?
- ค่าธรรมเนียม
- วิธีรักษาบัญชีสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้อยู่อเมริกา
- ทางเลือกอื่นนอกจากบัญชีธนาคาร
- เวลาเปิด-ปิดธนาคารและวันหยุด
- สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม
- คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
เรื่องที่ไม่ควรมองข้ามก่อนเปิดบัญชีธนาคารที่อเมริกา
จากประสบการณ์ของผมที่อยู่อเมริกามาหลายปีและมีช่วงนึงต้องเข้าออกธนาคารที่นี่บ่อยๆ มี 5 เรื่องหลักๆที่เราต้องเข้าใจเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคารที่นี่ครับ
นโยบายและเงื่อนไข
สิ่งแรกที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือการทำความเข้าใจกับนโยบายและเงื่อนไขของแต่ละธนาคารในอเมริกา ธนาคารที่นี่มีหลายเจ้าคล้ายกับในประเทศไทย บางธนาคารมีเครือข่ายทั่วประเทศ ขณะที่บางแห่งอาจมีแค่ในบางรัฐหรือบางเมืองเท่านั้น เอกสารที่ใช้ในการเปิดบัญชี ประเภทบัญชีที่รองรับ เงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชี และค่าธรรมเนียมต่างๆ ก็แตกต่างกันไป
ธนาคารที่เลือก
สำหรับชาวต่างชาติ ธนาคารท้องถิ่นหรือธนาคารขนาดเล็กมักจะไม่สะดวกในการเปิดบัญชี จึงแนะนำให้ใช้บริการธนาคารขนาดใหญ่ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ เพราะเปิดบัญชีได้ง่ายกว่าและมีประสบการณ์รับลูกค้าต่างชาติมากกว่า

SSN และ ITIN
แม้การเปิดบัญชีในอเมริกาจะไม่ยุ่งยาก ขอแค่มีเอกสารครบตามที่ธนาคารกำหนดและมีเงินขั้นต่ำ แต่โดยทั่วไปแล้วชาวต่างชาติมักจะไม่สามารถเปิดบัญชีผ่านระบบออนไลน์ได้ เพราะระบบนี้มักจะต้องใช้เลขประกันสังคม (Social Security Number หรือ SSN) ซึ่งออกให้เฉพาะผู้ที่มีใบอนุญาตทำงานในสหรัฐฯ เท่านั้น
บางธนาคารอาจอนุญาตให้ใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษี (ITIN) แทน SSN ได้ในการสมัครออนไลน์ แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมแนะนำให้ไปเปิดบัญชีที่สาขาโดยตรงจะดีกว่า เพราะ:
- ระบบธนาคารออนไลน์ส่วนใหญ่มักไม่รองรับการยืนยันเอกสารของชาวต่างชาติ
- การไปที่สาขาช่วยให้พูดคุยและสอบถามกับเจ้าหน้าที่โดยตรง
- สามารถแก้ไขหรือส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ทันที หากมีปัญหา
การเลือกสาขาธนาคาร
การเลือกสาขาธนาคารก็เป็นอีกจุดที่ควรพิจารณา บางพื้นที่ในอเมริกาอาจไม่มีสาขาของธนาคารบางเจ้า เช่นเดียวกับในไทย เพราะฉะนั้นควรเลือกสาขาที่อยู่ใกล้บ้านหรือที่ทำงาน เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปทำธุรกรรม
จากประสบการณ์ของผมที่คลุกคลีอยู่กับสังคมอเมริกัน การมีสาขาใกล้บ้านถือว่าสำคัญ เพราะคนอเมริกันยังใช้เช็คกันอยู่มาก แม้ปัจจุบันจะมีระบบขึ้นเช็คออนไลน์ แต่หลายคนก็ยังไปขึ้นเงินที่สาขาโดยตรง
แม้ระบบธนาคารออนไลน์จะช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้น แต่การได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตัวต่อตัว ช่วยให้เราเข้าใจกระบวนการมากขึ้น และรู้สึกมั่นใจในการใช้บริการธนาคาร โดยเฉพาะในฐานะชาวต่างชาติที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับระบบที่นี่ครับ
ความปลอดภัย
เรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วงครับหากเราเปิดบัญชีกับธนาคารใหญ่ๆ ตามข้อมูลจาก Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) ธนาคารในอเมริกามีระบบคุ้มครองเงินฝากที่ได้มาตรฐานครับ และเราสามารถตรวจสอบสถานะของธนาคารแต่ละแห่งได้บนเว็บไซต์ธนาคารได้เองเลยครับ
เอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในการเปิดบัญชีในปี 2025
ผมแนะนำให้เช็คกับทางธนาคารก่อนไปเปิดบัญชีว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ซึ่งในอเมริกาส่วนใหญ่แล้วจะต้องโทรไปถามที่สาขา แต่หลัก ๆ แล้วเกือบทุกธนาคารจะขอเอกสารดังนี้
- เอกสารยืนยันตัวตนที่มีรูป (photo ID) เช่น หนังสือเดินทางประเทศไทย พร้อมวีซ่าอเมริกาในเล่ม
- หลักฐานที่อยู่ในไทย เช่น บัตรประจำตัวประชาชนไทย
- หลักฐานที่อยู่ปัจจุบันที่มีชื่อจริง เช่น บิลค่าน้ำค่าไฟ สัญญาเช่า และ สลิปเงินเดือน
- คนที่มี SSN หรือ ITIN อยู่แล้วก็เตรียมไปด้วย
- บางธนาคารอาจจะขอ Secondary ID เอกสารยืนยันตัวตนสำรอง เช่น ใบขับขี่ในไทยหรืออเมริกา บัตรประจำตัวประชาชนไทย ก็ใช้ได้
- ธนาคารอาจจะขอเบอร์โทรศัพท์ในอเมริกา เพื่อใช้ในการเปิดบัญชี
เงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ
เงินเปิดบัญชีขั้นต่ำของแต่ละธนาคารไม่เหมือนกันและขึ้นอยู่กับประเภทของบัญชีที่ต้องการจะเปิด ส่วนใหญ่แล้วเงินขั้นต่ำสำหรับเปิดบัญชี checking account (บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน) และ savings account (บัญชีเงินฝากออมทรัพย์) จะอยู่ที่ US$0 ถึง US$100
ธนาคารที่เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งย้ายมาใหม่
ธนาคารทั่วไปอย่าง Bank of America และ Chase Bank (JPMorgan Chase) ก็เป็นตัวเลือกที่เบสิคสำหรับผู้ที่ย้ายมาใหม่ และต้องการเปิดบัญชีเพื่อรับเงินและจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ต้องการค่าธรรมเนียมและเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชีที่สูง Wells Fargo เหมาะสำหรับคนที่มองหาทางเลือกบริการทางการเงิน ส่วน Citibank และ Charles Schwab เหมาะสำหรับลูกค้าพรีเมี่ยมและคนที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อย
Chase Bank
Chase Bank เป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา เจ้าของเป็น JPMorgan Chase หนึ่งในบริษัททางการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก Chase Bank มี 4,700 สาขาทั่วประเทศ ตู้ ATM มีถึง 15,000 ตู้ทั่วประเทศ จากประสบการณ์ส่วนตัวผมคิดว่าเดินไปทางไหนก็เจอแต่ธนาคารนี้
เป็นธนาคารที่เจอง่ายมาก ๆ ในอเมริกา แอปธนาคารใช้งานง่ายตามปกติ ที่น่าสนใจคือไม่จำเป็นต้องมีเงินขั้นต่ำก็เปิดบัญชีได้ ข้อเสียของ Chase คือดอกเบี้ยต่ำและเก็บอัตราการแลกเปลี่ยนสูง
Bank of America
Bank of America เป็นหนึ่งในธนาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกา และมี 3,900 สาขาทั่วประเทศ ตู้ ATM ของธนาคารมีในทุกหัวมุมของเมืองใหญ่ครับๆ ผมและเพื่อนผมหลายๆคนที่อยู่ที่อเมริกาก็เปิดบัญชีกับธนาคารนี้
ส่วนตัวผม ผมค่อนข้างชอบแอปของธนาคารนี้ครับ ใช้งานง่ายและมีเครื่องมือทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ด้วย โดยรวมแล้วผมพอใจกับ Bank of America ครับ และธนาคารยังได้รับคำชมว่าบริการลูกค้าดีที่สุดในบรรดาธนาคารในอเมริกาอีกด้วยจากการสำรวจของ J.D. Power U.S. Banking Satisfaction Study ครับ
Well Fargo
Wells Fargo เหมาะสำหรับคนที่มี Credit Score ในอเมริกาแล้วและชอบไปธนาคารบ่อยๆ เพื่อมองหาโอกาสทางการเงิน เพราะธนาคารค่อนข้างขึ้นชื่อกับคนที่ต้องการใช้บริการทางการเงิน เช่น กู้เงิน กู้บ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อเพื่อธุรกิจครับ แต่ธนาคารนี้ก็มีเรื่องฉาวเหมือนกัน เพราะในช่วงปี 2016 มีข่าวออกมาว่าพนักงานนำชื่อลูกค้าไปเปิดบัญชีโดยไม่ได้อนุญาตครับ
Citibank
Citibank หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อธนาคาร Citi ในประเทศไทยที่ถูกซื้อไปโดยธนาคาร UOB เมื่อปี 2022 โดยธนาคารนี้เหมาะสำหรับคนที่เดินทางบ่อยและโอนเงินจากอเมริกาไปประเทศต่างๆ เพราะเก็บอัตราแลกเปลี่ยนต่ำครับ ธนาคารนี้มีสาขาอยู่ในหลายประเทศ ที่อเมริกาเอง มีประมาณ 700 สาขา
นอกจากนี้ Citi ก็มีบัญชีออมทรัพย์พิเศษที่เรียกว่า Accelerate Savings ที่ให้ดอกเบี้ยสูงแต่เป็นบัญชีออนไลน์เท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่อยากออมเงินระยะยาวและมี SSN ในการเปิดบัญชีออนไลน์ ซึ่งข้อเสียของธนาคารนี้คือเปิดบัญชีส่วนตัวให้กับลูกค้าที่มี SSN หรือ ITIN เท่านั้น แต่ทางธนาคารก็มีตัวเลือกให้สำหรับชาวต่างชาติคือ Citigold International Personal Bank ซึ่งเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำอยู่ที่ US$250,000 ครับ
Charles Schwab
Charles Schwab เป็นสถาบันทางการเงินที่ให้บริการ ด้านธนาคาร การลงทุน และ การซื้อขายหลักทรัพย์ มีมากกว่า 400 สาขาทั่วอเมริกา ซึ่ง Charles Schwab เองเป็นขวัญใจของพวก expats และ digital nomads ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆเลยครับ เพราะว่าธนาคารไม่เก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมในต่างประเทศและไม่เก็บค่าธรรมเนียมกดเงินที่ตู้ ATM ต่างประเทศ
นอกจากนั้นก็มีอัตราแลกเปลี่ยนต่ำ และไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือนหรือรายปี
แต่ข้อเสียหลักๆของธนาคารนี้คือเปิดบัญชีส่วนตัวให้กับลูกค้าที่มี SSN หรือ ITIN เท่านั้น แต่ก็มีตัวเลือกสำหรับชาวต่างชาติแบบ CitiBank ครับ
ประเภทของบัญชี
ในอเมริกา ประเภทของบัญชีธนาคารก็ไม่ต่างจากบัญชีธนาคารในไทยมากนัก ธนาคารในอเมริกาจะให้ความสำคัญกับระดับสมาชิกของลูกค้าและสิทธิประโยชน์ของลูกค้ามากกว่า
- Checking accounts หรือ บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ก็เหมือนบัญชีเงินฝากกระแสรายวันในประเทศไทย ให้ดอกเบี้ยน้อยหรือบางธนาคารก็ไม่ให้เลย และส่วนใหญ่จะมีค่าธรรมเนียมรายเดือน บัญชี้เงินฝากกระแสรายวันเหมาะกับ การใช้จ่ายรายวัน จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ซื้อของ และ ชำระหนี้ต่าง ๆ เมื่อเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันแล้ว ธนาคารก็จะให้บัตรเดบิตมา ใช้สำหรับรูดบัตรซื้อของหรือถอนเงินจากตู้ ATM ร้านค้าเกือบทุกร้านในอเมริกาจะมีเครื่องรูดบัตรเดบิต บัตรเดบิตถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญควรเอาติดตัวในอเมริกา เพราะบางร้านปัจจุบันไม่รับเงินสด
- Savings accounts หรือ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ก็เหมือนบัญชีออมทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะมีดอกเบี้ยต่างกันไป เหมาะสำหรับคนที่ต้องการออมเงินจำนวนมากและเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เพราะจะได้ดอกเบี้ยในระยะยาว แต่ละธนาคารก็จะมี savings accounts ย่อยไปอีก เช่น ของ Citi ที่มี Accelerate Savings หรือ ของ Bank of America กับ Chase ก็มี student savings สำหรับนักเรียนและนักศึกษา
- Certificate of Deposit (CD) หรือ บัตรเงินฝาก เหมือนกับบัญชีเงินฝากประจำในประเทศไทย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนระยะยาว โดยธนาคารจะล็อคเงินตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี, 3 ปี บัญชี CDs ให้อัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนที่สูง เมื่อครบกำหนดแล้วก็ถอนเงินออกได้ ธนาคารและสถาบันทางการเงินส่วนใหญ่ตั้งเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชีรูปแบบนี้ไว้ไม่ต่ำกว่า US$500
วิธีเปิดบัญชีผ่านสาขา
วิธีเปิดบัญชีไม่ใช่เรื่องยาก อย่างแรกผมแนะนำให้เข้าไปดูเว็บของทางธนาคารที่ต้องการจะเปิดบัญชีก่อน ศึกษาข้อมูลของธนาคาร และประเภทของบัญชีให้ครบถ้วน จากนั้นก็เตรียมเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ ซึ่งตรงนี้แนะนำให้โทรไปถามกับทางสาขาที่จะไปเปิดว่าต้องเตรียมอะไรบ้างและใช้เงินขั้นต่ำเปิดบัญชีเท่าไหร่ ทุกสาขามีเบอร์โทรเป็นของตัวเอง สามารถหาเบอร์โทรของสาขาได้ตามอินเตอร์เน็ต หลังจากนั้นก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการของเปิดบัญชี (บางธนาคารก็จองออนไลน์ผ่านหน้าเว็บได้) แล้วก็ไปสาขานั้นตามวันเวลาที่กำหนด
ยกตัวอย่าง เช่น ผมจะไปเปิดบัญชี Bank of America แถว U-District, Seattle, WA ผมก็เสิร์ชหา “Bank of America U-District” ในกูเกิล ที่อยู่และเบอร์ของสาขาก็จะขึ้นมา หลังจากนั้นผมก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการจะเปิดบัญชี ถามด้วยว่าจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง แล้วก็เตรียมเอกสารกับเงินเปิดบัญชี US$25 ไปที่สาขา
ในบางครั้งบางสาขาก็ walk-in ได้ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสาขา ส่วนใหญ่แล้วในอเมริกาจะต้องโทรจองก่อน พอไปถึงทางเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจสอบเอกสาร และเปิดบัญชีให้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้โหลดแอปของธนาคาร ก็กรอกข้อมูลส่วนตัว เบอร์โทร และ อื่น ๆ ที่จำเป็น จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้บัตรเดบิตกับสมุดบัญชีมา ถือเป็นการเรียบร้อย
เปิดบัญชีธนาคารโดยไม่มี SSN ได้ไหม?
เปิดบัญชีธนาคารโดยไม่มี SSN ทำได้ ยกเว้นบางธนาคารที่ระบุชัดเจนว่าต้องใช้ SSN หรือ ITIN
- ส่วนใหญ่แล้วธนาคารเจ้าใหญ่ ๆ และมีสาขาครอบคลุมทั้งประเทศอย่าง Bank of America และ Chase ไม่จำเป็นต้องมี SSN หรือ ITIN ก็เปิดบัญชีได้
- ถ้าไม่มี SSN หรือ ITIN ธนาคารจะไม่จ่ายดอกเบี้ยให้ เพราะดอกเบี้ยจากธนาคารในอเมริกาถือว่าเป็นรายได้ที่ต้องเก็บภาษี ถ้าอยากได้ดอกเบี้ยจากธนาคารก็ต้องมี SSN หรือ ITIN
ค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมจากที่ผมใช้บัญชี Bank of America จะมีดังนี้ ให้เห็นภาพคร่าว ๆ ว่าธนาคารที่อเมริกาเก็บค่าธรรมเนียมส่วนใหญ่อะไรบ้าง
- เพื่อรักษาบัญชี ธนาคารส่วนใหญ่ในอเมริกามีค่าธรรมเนียมรายเดือน เช่น บัญชีเงินฝากรายวัน Bank of America ของผม มีค่าธรรมเนียมระบบ US$4.95 ต่อเดือน ค่าธรรมเนียมระบบสามารถยกเว้นได้ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ถ้ามีเงินในบัญชีมากกว่า US$500 หรือเป็นสมาชิกที่ได้รับสิทธิพิเศษ
- ขึ้นเช็คที่สาขาเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ US$15 รับเงินจากต่างธนาคารและต่างประเทศเสียครั้งละ US$15 โอนเงินไปต่างธนาคารเสียครั้งละ US$30 โอนเงินไปต่างประเทศโดยสกุลเงินต้นทางเป็น US dollar เสียครั้งละ US$45 ค่าธรรมเนียมพวกนี้สามารถยกเว้นได้ ถ้าเป็นสมาชิกที่ได้รับสิทธิพิเศษ
- ถ้าเงินในบัญชีเงินฝากรายวันไม่พอแล้วไปรูดซื้อของจะเสียค่าปรับ ซึ่งจะทำให้ประวัติทางการเงินเสีย ของ Bank of America จะเสียค่าปรับ US$35 ในแต่ละครั้ง
- ถอนเงินออกจากตู้ ATM ต่างธนาคาร หรือตู้ในต่างประเทศเสียค่าธรรมเนียมครั้งละ 3%
วิธีรักษาบัญชีสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้อยู่อเมริกา
สำหรับคนที่ไม่ได้ค่อยได้อยู่อเมริกา ธนาคารในอเมริกาสามารถปิดบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานาน หรือบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวธุรกรรมทางการเงินจนเงินในบัญชีหมด การรักษาไม่ให้ธนาคารปิดบัญชีก็สามารถทำได้ตามนี้
- แนะนำให้มีเงินในบัญชีมากกว่าที่ธนาคารกำหนด เช่น ถ้าเป็นบัญชีของ Bank of America ก็ให้มีเงินในบัญชีมากกว่า US$500 เพื่อไม่ให้ธนาคารตัดค่าธรรมเนียมระบบ US$4.95 ทุกเดือน จนเงินในบัญชีหมด ถ้าเงินในบัญชีหมดแล้วติดลบ ธนาคารก็สามารถปิดบัญชีได้
- เข้าบัญชีผ่านแอปของธนาคาร และทำธุรกรรมทางการเงินบ่อย ๆ ผ่านการ ฝาก ถอน โอน และใช้บัตรเดบิต เพื่อไม่ให้ธนาคารมองว่าบัญชีไร้การเคลื่อนไหว สำหรับระยะเวลาที่ธนาคารจะมองว่าบัญชีไม่มีการเคลื่อน ของ Bank of America คือ 3 ปี ส่วนของ Chase Bank คือ 1 ปี ที่ธนาคารจะมองว่าบัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวและจะดำเนินการเวนคืนทรัพย์สินให้กับรัฐ
ทางเลือกอื่นนอกจากบัญชีธนาคาร
หากเปิดบัญชีธนาคารไม่ได้ หรือไม่อยากเปิดบัญชีธนาคารในอเมริกาด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม Wise และRevolut ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเก็บเงิน รับและโอนเงิน เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
- Wise ให้บริการธนาคารออนไลน์ ที่ให้ผู้ใช้งานเปิดบัญชีธนาคารได้ง่าย ๆ เพียงแค่เข้าไปสมัครและยืนยันตัวตนทางออนไลน์ ก็จะได้บัญชีธนาคารออนไลน์กับบัตรเดบิต ที่สามารถใช้ในการรับ โอน และแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้ ค่อนข้างสะดวก ใช้งานง่ายและรวดเร็ว และค่าธรรมเนียมถูกกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม
- Revolut ก็เหมือนกับ Wise แต่มีลูกเล่นทางการเงินเพิ่มเติม เช่น สามารถวิเคราะห์รายรับรายจ่าย ตั้งงบประมาณ ลงทุนหุ้น และ ซื้อขายคริปโต ได้ แต่จะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่า Wise
เวลาเปิด-ปิดธนาคารและวันหยุด
เวลาเปิด-ปิดธนาคารในอเมริกาไม่ได้มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับแต่ละสาขาว่าเปิด-ปิดกี่โมง แนะนำให้โทรไปสอบถามเวลาเปิด-ปิด แต่ส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะเปิด 8:30 น. ถึง 17:00 น. ในวันธรรมดา บางธนาคารก็อาจจะปิดตั้งแต่ 16:00 น. หรือเปิดถึง 18:00 น. สาขาส่วนใหญ่จะมีหนึ่งวันที่เปิดดึกถึง 18:00-19:00 น. เพื่อให้คนที่เลิกงานสามารถแวะมาธนาคารได้ ในวันเสาร์ บางธนาคารก็อาจจะปิดตั้งแต่ 14:00 และ ธนาคารส่วนใหญ่จะปิดวันอาทิตย์
วันหยุดจะอิงตามวันหยุดราชการ (federal holidays) เช่น วันประกาศอิสรภาพ ซึ่งตรงกับวันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี หรือวันคริสมาสต์ ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ตรวจสอบวันหยุดราชการได้ที่เว็บธนาคารกลางสหรัฐฯ
สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม
- เวลาเดินทางไปต่างประเทศแล้วใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตจะต้องแจ้งธนาคารก่อนล่วงหน้า ผมเคยใช้บัตรเดบิตจากอเมริกากดเงินจากตู้ ATM ในไทยแล้วบัตรโดนดูด เพราะทางทางธนาคารที่อเมริกาคิดว่าบัตรโดนขโมย ฉะนั้นต้องแจ้งธนาคารก่อนเดินทาง ส่วนถ้าโดนดูดบัตรแล้ว แนะนำให้ติดต่อธนาคารที่เป็นเจ้าของตู้ ATM และแจ้งธนาคารในอเมริกาให้อายัดบัตร (ธนาคารส่วนใหญ่สามารถอายัดบัตรผ่านแอปได้) บางครั้งถ้าโชคดีธนาคารเจ้าของตู้ก็จะเปิดตู้เอาบัตรออกมาให้
- เวลาทำธุรกรรมทางการเงินอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ ซื้อของออนไลน์ ซื้อของจากต่างประเทศ และ การแลกเปลี่ยนเงิน อาจจะโดนธนาคารเพ่งเล็งว่าบัญชีโดนโกง ซึ่งทำให้บัตรเดบิตถูกระงับหรือบัญชีถูกปิดได้ แนะนำให้แจ้งกับทางธนาคารก่อน ตอนที่ผมไปอยู่อเมริกาใหม่ ๆ ผมทำธุรกรรมพวกนี้ ก็จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาถามว่าบัตรเดบิตหายหรือเงินในบัญชีหายหรือเปล่าเกือบทุกครั้ง ก็ต้องแจ้งให้เขาเข้าใจ
- เช็คเป็นสิ่งที่คนอเมริกันใช้อย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน สำหรับคนที่ไม่เคยใช้เช็คเลย ถ้าได้รับเช็คมาแล้วให้ตรวจสอบว่าเช็คหมดอายุเมื่อไหร่ ปกติเช็คจะมีอายุประมาณ 6 เดือน ถ้าเช็คหมดอายุแล้วธนาคารที่รับอาจจะยังขึ้นเช็คให้ แต่ส่วนใหญ่จะปฎิเสธ ซึ่งต้องขอเช็คจากต้นทางใหม่
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
สามารถเปิดบัญชีธนาคารอเมริกาโดยไม่มี SSN ได้ไหม?
สามารถทำได้ครับ และจริงๆมีธนาคารหลายแห่งที่รับเปิดบัญชีให้กับผู้ที่ไม่มี SSN เช่น Chase Bank, Bank of America, Wells Fargo, TD Bank และ PNC Bank
แต่ว่าหากไม่มีเลข SSN แล้ว จะมีข้อจำกัดบ้างอย่างนะครับ เช่น ไม่สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ ต้องไปที่สาขาเท่านั้น และจะไม่ได้รับดอกเบี้ยจากเงินฝาก เพราะดอกเบี้ยถือเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี นอกจากนี้อาจไม่สามารถใช้บริการบางอย่าง เช่น การขอสินเชื่อ (แต่ปกติแล้ว ชาวต่างชาติขอสินเชื่อที่อเมริกายากมากครับ)
สำหรับเอกสารที่ใช้แทน SSN ได้ เช่น ITIN (Individual Taxpayer Identification Number)
แต่ว่าธนาคารแต่ละสาขาอาจจะมีข้อกำหนดแตกต่างกันนะครับ ผมแนะนำให้โทรไปเช็คให้เรียบร้อยก่อนครับ จะได้ไม่เสียเวลา
ธนาคารไหนเปิดบัญชีง่ายที่สุดสำหรับชาวต่างชาติ?
Chase Bank กับ Bank of America เป็นสองธนาคารหลักๆที่คนต่างชาตินิยมมากเวลาเปิดบัญชีธนาคารที่อเมริกาครับ ทำให้สองธนาคารค่อนข้างคุ้นเคยกับลูกค้าต่างชาติ และจะเปิดบัญชีได้ง่ายครับ
และก็ผมแนะนำให้เปิดที่สาขาที่มีลูกค้าชาวต่างชาติเยอะๆนะครับ เพราะจะเปิดบัญชีได้ง่ายกว่าสาขาที่ไม่ค่อยมีลูกค้าต่างชาติ

ต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเปิดบัญชีธนาคารที่อเมริกา?
โดยทั่วไปแล้ว เงินที่ใช้ในการเปิดบัญชีธนาคารในอเมริกาจะอยู่ระหว่าง US$25–US$100 ครับ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีและธนาคารครับ ตอนผมเปิดบัญชีธนาคารกับ Bank of America ที่ Seattle, ผมใข้เงิน US$25 ครับ
ใช้เวลานานแค่ไหนในการเปิดบัญชี?
แปปเดียวครับ ปกติแล้วเราจะต้องจองคิวก่อน พอถึงคิวของเราแล้ว เจ้าหน้าที่จะตรวจเอกสารอีกนิดหน่อยและเปิดบัญชีให้ภายใน 30–60 นาทีครับ
แต่พวกบัตรเดบิตแล้ว ส่วนมากจะส่งตามหลังมาอีกที ซึ่งจะส่งมาให้ภายใน 7–10 วันทำการครับ ธนาคารบางที่อาจจะให้บัตรเดบิตชั่วคราวมาใช้ทันทีในวันนั้น
จำเป็นต้องนัดหมายก่อนหรือไม่?
ผมแนะนำให้นัดหมายล่วงหน้าก่อนไปที่สาขาครับ ตอนที่ผมเปิดบัญชีธนาคาร ผมก็โทรไปนัดก่อนเลยเพื่อให้มั่นใจว่าเราได้คิวจริงๆในวันนั้น รวมถึงสามารถถามข้อมูลเพิ่มเติมพวกเอกสาร หรือพวกยอดเงินขั้นต่ำได้ด้วยครับ
แต่ผมก็เห็นเพื่อนผมบางคนก็ walk-in ไปเลยนะครับ แต่เพื่อนคนนั้นอยู่ในเมืองเล็กๆใน Texas ซึ่งไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่ครับ
ถ้าถูกปฏิเสธการเปิดบัญชีต้องทำยังไง?
เอาจริงๆผมไม่ค่อยเห็นใครโดนปฏิเสธจากการเปิดบัญชีมาก่อนนะครับ ฉะนั้นแล้ว หากเรามีเอกสารครบ ข้อมูลถูกต้องและไม่ได้มีประวัติเสียกับธนาคารอื่น ก็น่าจะเปิดได้โดยไม่มีปัญหาครับ
หรือถ้ากังวลในเรื่องนี้จริงๆ ลองใช้ทางเลือกอื่นแบบ Wise ก็ได้ครับ โดยเปิดบัญชีมาจากที่บ้านเลย พอมาถึงอเมริกาก็เชื่อมกับพวก Google Pay หรือ Apple Pay ก็สามารถใช้จ่ายที่นี่ได้แล้วครับ
ปิดบัญชีง่ายไหม?
หากต้องการจะปิดบัญชี ก็ไปติดต่อธนาคารได้เลยครับ ส่วนมากใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที แต่อย่าบืมถอนเงินออกให้หมด และยกเลิกบริการอื่นๆจากธนาคารก่อนนะครับ
และก็หากปิดบัญชีเร็วเกินไป เช่น ภายใน 90–180 วัน ธนาคารส่วนมากที่อเมริกา จะใช้เราจ่ายค่าปรับประมาณ US$25–US$50 ครับ