
อยากใช้ชีวิตหลังเกษียณที่โครเอเชีย? ในบทความนี้ เราจะพาคุณรู้จักวิธีขอวีซ่าพำนักระยะยาว เอกสารที่ต้องใช้ ข้อกำหนดด้านการเงิน และเรื่องที่ต้องรู้ในการเกษียณอายุที่นี่ทุกขั้นตอน
จากบทความที่แล้ว ฉันได้แชร์ประสบการณ์การย้ายมาทำงานที่โครเอเชียในช่วงปี 2024 ไปแล้ว บทความนี้เลยอยากเล่าอีกมุมที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือ “การเกษียณอายุที่โครเอเชีย”
หลายครั้งที่ฉันนั่งจิบกาแฟในเมืองสปลิท มักเห็นผู้สูงวัยชาวต่างชาติเดินเล่น จูงมือกันตามชายหาด หรือนั่งอ่านหนังสืออาบแดดแบบชิลๆ ทำให้ฉันคิดว่า “ที่นี่น่าใช้ชีวิตหลังเกษียณเหมือนกันนะ” เพราะบรรยากาศโดยรอบชวนให้ผ่อนคลาย ผู้คนไม่เร่งรีบ ยิ้มแย้มแจ่มใส และมีความปลอดภัยสามารถเดินเล่นตอนกลางคืนได้สบายๆ มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ตั้งแต่เล่นเซิร์ฟ ดำน้ำ ขับเรือ ไปจนถึงปีนเขา ทำให้ชีวิตหลังเกษียณไม่น่าเบื่อ และมีสีสันมากขึ้นเลยทีเดียว
ดังนั้น โครเอเชียจึงไม่ใช่แค่ประเทศท่องเที่ยว แต่มันคือเมืองที่เหมาะกับ “การใช้ชีวิตหลังเกษียณสไตล์ชาวยุโรป” แต่ค่าครองชีพถูกกว่าและมีชีวิตชีวากว่า บทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักโครเอเชียในมุมนี้ แชร์ประสบการณ์ของเหล่าเพื่อนบ้านผู้สูงวัย พร้อมข้อมูลที่จำเป็นที่อาจช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นด้วย
บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 32 นาที ยังไม่มีเวลาอ่านตอนนี้เหรอ? ไม่เป็นไรเลย คุณสามารถส่งเวอร์ชันบทความแบบไม่มีโฆษณาไปที่อีเมลของคุณ แล้วค่อยอ่านทีหลังก็ได้!
คำชี้แจงเรื่องความโปร่งใส: บทความนี้อาจมีลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์หรือบริการจากพันธมิตรของเรา หากคุณคลิกลิงก์เหล่านั้น เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย ซึ่งอาจมีผลต่อรูปแบบการจัดวางเนื้อหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม โปรดวางใจว่า เราแนะนำเฉพาะสิ่งที่เราเชื่อว่ามีประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจริง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายโฆษณา ของเรา.
Contents
- ทำไมคนยุโรปถึงเลือกเกษียณที่โครเอเชีย?
- โครเอเชียเหมาะกับคนเอเชียหรือคนอเมริกันที่วางแผนเกษียณหรือไม่?
- โครเอเชียปลอดภัยสำหรับผู้สูงวัยไหม?
- วางแผนการเกษียณอายุในโครเอเชีย
- การรักษาพยาบาลและประกันสุขภาพ
- บ้านพักคนชราในโครเอเชียเป็นอย่างไร?
- โครเอเชียมีผู้ช่วยพยาบาลและบริการดูแลถึงบ้านหรือไม่?
- การเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงวัยดีไหม?
- สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่สาธารณะ
- ควรปรับตัวเข้ากับภาษาและวัฒนธรรมโครเอเชียอย่างไร?
- วัฒนธรรมการกินและอาหารเป็นอย่างไร?
- เมืองแนะนำสำหรับการเกษียณในโครเอเชีย
- คนแบบไหนที่เหมาะกับการเกษียณที่นี่?
- คนแบบไหนที่อาจไม่เหมาะ?
- วางแผนย้ายไปเกษียณอายุที่โครเอเชียอย่างไรดี?
ทำไมคนยุโรปถึงเลือกเกษียณที่โครเอเชีย?
หลายคนอาจไม่คาดคิดว่าโครเอเชีย ซึ่งเพิ่งผ่านช่วงเวลาสงครามมาไม่นาน จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติที่อยากใช้ชีวิตหลังเกษียณ
ค่าครองชีพที่ต่ำ
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ชาวยุโรปนิยมย้ายมาเกษียณที่โครเอเชีย คือ “ค่าครองชีพที่ต่ำกว่าประเทศยุโรปตะวันตกอย่างชัดเจน” โดยจากข้อมูลของ Numbeo ในปี 2024 พบว่า ค่าครองชีพเฉลี่ยในโครเอเชียต่ำกว่าประเทศอย่างเยอรมนีหรือสวีเดนถึงประมาณ 30 – 40% เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก อาหาร หรือบริการต่าง ๆ ก็มีราคาที่ย่อมเยากว่า แต่คุณภาพชีวิตกลับยังอยู่ในระดับดีเยี่ยม
อย่างเจ้านายของฉัน เขาใช้เงินบำนาญที่ได้รับจากการทำงานในสวีเดนมาซื้อบ้าน ซื้อรถ และใช้ชีวิตอยู่ในโครเอเชียมานานกว่า 5 ปีแล้ว เขาเคยมาท่องเที่ยวที่นี่แล้วรู้สึกว่าบรรยากาศมันใช่ เหมาะกับชีวิตหลังเกษียณแบบที่เขาฝันไว้ และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

เขาเล่าให้ฟังว่า บรรยากาศที่นี่เหมือนกับสวีเดนในฤดูร้อนตลอดทั้งปี แต่ค่าครองชีพถูกกว่าครึ่ง ที่สำคัญคือมีกิจกรรมกลางแจ้งที่เขาชอบให้ทำอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเรือใบ ดำน้ำ ปีนเขา หรือแม้แต่ตีกอล์ฟ
ในขณะเดียวกัน เพื่อนบ้านชาวโปแลนด์ก็เล่าว่า การซื้อบ้านริมทะเลในโครเอเชีย ทำให้เธอได้บ้านที่ใหญ่กว่า ทำเลดีกว่า และราคาสมเหตุสมผลกว่าการซื้อแค่ห้องเล็ก ๆ ที่ประเทศบ้านเกิดของเธอเอง ที่นี่ไม่เพียงแค่วิวสวยเท่านั้น แต่ผู้คนยังเป็นมิตรและเคารพความเป็นส่วนตัว ทำให้เธอรู้สึกสบายใจในการใช้ชีวิตแบบช้า ๆ ในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต เธอบอกว่า แค่ได้นั่งอยู่บ้าน ทำสวน อ่านหนังสือ หรือมองทะเล ก็รู้สึกเพียงพอแล้วสำหรับชีวิตเกษียณที่ตามหา
วิถีชีวิต
นอกจากนี้ โครเอเชียยังมีภูมิประเทศที่หลากหลาย ทั้งชายฝั่งทะเลเอเดรียติกที่ทอดยาว ภูเขา ป่าไม้ และเมืองเก่าอันเงียบสงบ รวมถึงสภาพอากาศที่อบอุ่น ไม่หนาวจัดแบบยุโรปเหนือ ทำให้เหมาะกับการใช้ชีวิตแบบช้า ๆ ในวัยเกษียณ
วีซ่า
และที่สำคัญคือ หลังจากโครเอเชียเข้าร่วมเขตเชงเก้นอย่างเป็นทางการในปี 2023 ยิ่งทำให้การเดินทางและการพำนักของชาวยุโรปง่ายขึ้นไปอีก เพราะไม่ต้องทำวีซ่าหรือขอเอกสารเพิ่มเติม เพียงใช้ ID card หรือพาสปอร์ตของประเทศใน EU ก็สามารถเข้ามาอยู่และใช้ชีวิตได้ทันที ทำให้โครเอเชียกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังมาแรงในหมู่ผู้วางแผนเกษียณในยุโรปอย่างแท้จริง
โครเอเชียเหมาะกับคนเอเชียหรือคนอเมริกันที่วางแผนเกษียณหรือไม่?
สำหรับชาวเอเชียและอเมริกัน โครเอเชียก็ถือว่าตอบโจทย์ไม่น้อย แม้ว่าอาจจะต้องเตรียมเอกสารขอวีซ่ามากมายเสียหน่อย แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบทะเล ภูเขา ชายหาด และแสงแดด โครเอเชียนับว่าเป็นจุดหมายที่ดีที่สุดในยุโรปตอนนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย ทะเลสวยงาม อากาศอบอุ่น และค่าครองชีพที่ต่ำกว่าประเทศยุโรปตะวันตกหลายเท่า อีกทั้งหากเป็นคนไทย คงชื่นชอบการปลูกผัก ปลูกต้นไม้ อย่างต้นกล้วย ต้นมะม่วง มะกูด มะนาว หรือใบกะเพรา ก็ต้องชื่นชอบที่นี่แน่ๆ เพราะสภาพอากาศที่นี่เหมือนประเทศไทยไม่มีผิด
สิ่งที่คุณควรคำนึงถึงมีเพียงแค่ระยะเวลาการเดินทางกลับประเทศตนเอง ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานกว่าปกติ และเดินทางกลับได้ไม่บ่อยครั้งเท่าที่อยาก แต่ถ้าคิดถึงอาหารเอเชีย ชานมไข่มุก ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะที่นี่มีร้านเอเชียมากมายให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ที่จะช่วยให้ชีวิตในโครเอเชียมีความสุขมากขึ้น แม้ไกลบ้านแค่ไหนก็ตาม
โครเอเชียปลอดภัยสำหรับผู้สูงวัยไหม?
โครเอเชียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในยุโรป จากข้อมูลของ Global Peace Index ปี 2024 โครเอเชียติดอันดับที่ 15 จากกว่า 160 ประเทศทั่วโลกในด้านความสงบและปลอดภัย ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับประเทศอย่างฟินแลนด์และสวิตเซอร์แลนด์เลยทีเดียว ที่นี่แทบไม่มีข่าวอาชญากรรมรุนแรงหรือความไม่สงบทางการเมืองให้เห็น แถมการใช้ชีวิตก็สงบเรียบง่าย
ผู้สูงอายุในโครเอเชียสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบและเป็นอิสระ และมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะเห็นคุณลุงคุณป้าเดินไปตลาดหรือจิบกาแฟตามคาเฟ่คนเดียวอย่างสบายใจ หรือแม้แต่เดินเล่นริมทะเลตอนกลางคืนคนเดียวก็ยังเป็นเรื่องปกติ เพราะที่นี่มีความปลอดภัยในชีวิตประจำวันสูงมาก ไม่จำเป็นต้องระแวดระวังจนเกินเหตุ ก็สามารถออกไปไหนมาไหนเองได้
เวลาฉันเดินเล่นในเมืองต่าง ๆ อย่างซาเกร็บ สปลิท หรือดูบรอฟนิก ก็มักจะเห็นภาพผู้สูงวัยเดินริมถนนหรือสวนสาธารณะโดยไม่มีความเร่งรีบ บ้านหลายหลังยังเปิดประตูหน้าต่างรับลมตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องล็อกอย่างแน่นหนา ซึ่งต่างจากบางเมืองใหญ่ในยุโรปที่ต้องคอยระวังแม้กระทั่งในตอนกลางวัน ชีวิตที่นี่จึงเหมาะกับผู้เกษียณที่ต้องการความสงบและความรู้สึกปลอดภัยในทุก ๆ วัน
ถึงแม้จะมีรายงานอาชญากรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การล้วงกระเป๋าในแหล่งท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อน แต่โดยรวมแล้ว ระดับอาชญากรรมในโครเอเชียอยู่ในระดับ “ต่ำมาก” เมื่อเทียบกับมาตรฐานยุโรป จากสถิติของ Numbeo ปี 2025 โครเอเชียมีคะแนน Crime Index เพียง 24.6 ซึ่งต่ำกว่าเยอรมนี ฝรั่งเศส หรืออิตาลี นี่น่าจะเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้คนวัยเกษียณในยุโรปจำนวนมาก เลือกมาใช้ชีวิตแบบสงบ ปลอดภัย และเกษียณกันที่นี่
วางแผนการเกษียณอายุในโครเอเชีย
เรามาลองดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่คุณต้องรู้ เพื่อที่จะสามารถวางแผนการเกษียณอายุในโครเอเชียได้เป็นอย่างดี
ค่าครองชีพ
หากคุณเลือกอยู่ในเมืองรองหรือเมืองเล็กของโครเอเชีย ค่าครองชีพก็ไม่ได้สูงอย่างที่หลายคนคิด ชีวิตแบบเรียบง่ายสามารถเกิดขึ้นได้ในงบไม่เกิน 1,000 ยูโรต่อเดือน หรือถ้าเป็นคนโสดที่อยากอยู่แบบประหยัด ๆ จริง ๆ ก็สามารถใช้ชีวิตได้ในงบประมาณเพียง 300 – 500 ยูโรต่อเดือนเท่านั้น ชีวิตประจำวันก็ไม่ซับซ้อนอะไร ซื้อของจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือเดินตลาดท้องถิ่นมาทำอาหารเอง เดินเล่น อาบแดดตามชายหาด และใช้เวลาแบบไม่เร่งรีบ
อย่างเจ้านายเก่าของฉัน ก่อนที่เขาจะเริ่มทำธุรกิจ เขาเคยตั้งใจจะใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบเต็มตัวกับภรรยาคนไทยในเมืองสปลิท เขาเล่าว่าวันหนึ่งแทบไม่ได้ใช้เงินเลย เพราะไม่มีอะไรให้ต้องจ่ายมาก ไม่ต้องเดินทางไกล ไม่ต้องซื้อของฟุ่มเฟือย มีแค่ซื้อของสดเข้าบ้าน ทำอาหารเอง แล้วก็ออกไปเดินเล่นชายหาดตามปกติ บางวันก็ไปนั่งดื่มเบียร์ที่บาร์ติดลมนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้ว เขาใช้เงินแค่วันละ 10 – 15 ยูโร หรือถ้าคิดรวมทั้งเดือน ก็อยู่ที่ราว ๆ 500 – 1,000 ยูโร ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีหนี้สินหรือภาระมาก ก็ถือว่าใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจเลยทีเดียว
หลังเกษียณอายุ ควรเช่าบ้านหรือซื้อบ้านในโครเอเชียดีกว่า?
สำหรับคนที่มีแผนจะอยู่ระยะยาวและอยากลงหลักปักฐานจริง ๆ การซื้อบ้านในโครเอเชียก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และไม่ได้แพงอย่างที่หลายคนคิด ราคาขายบ้านโดยเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 2,200 ยูโรต่อตารางเมตร แต่ถ้าเป็นโซนนอกเมืองหรือเมืองเล็ก ราคาก็อาจลดลงมาอยู่ที่ราว 1,500 – 1,800 ยูโรต่อตารางเมตรเท่านั้น
อย่างเจ้านายชาวสวีเดนของฉัน เขาตัดสินใจใช้เงินเกษียณมาซื้อบ้านริมทะเลในเมือง Kaštela (คาสเทล่า) ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ถัดจากสปลิทไปเพียง 10 – 15 นาที เขาซื้อบ้านขนาดกลาง ๆ พร้อมพื้นที่สวนเล็ก ๆ ติดทะเล ในราคา ประมาณ 150,000 ยูโร ซึ่งเขาบอกว่า แค่ราคาค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ในสต็อกโฮล์มก็เกือบครึ่งของราคาบ้านหลังนี้แล้ว พอซื้อบ้านที่นี่ เขาไม่ต้องกังวลกับค่าเช่าอีกต่อไป แถมยังได้อยู่ในมุมสงบ ริมทะเล และมีชายหาดอยู่หน้าบ้านอีกด้วย
แต่หากคุณยังคงไม่แน่นอนและมีแพลนกลับบ้านอีก การเช่าอพาร์ตเมนต์ก็ถือว่าตอบโจทย์ อย่างในเมืองชายฝั่งยอดนิยมอย่าง สปลิท หรือ ดูบรอฟนิก ค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ขนาด 1 ห้องนอนในใจกลางเมืองจะอยู่ที่ราว ๆ 500 – 3,000 ยูโรต่อเดือน (ข้อมูลจาก Numbeo และ Expatistan ปี 2024) ขึ้นอยู่กับทำเล ความใกล้ทะเล และสภาพบ้าน แต่ถ้าคุณเลือกอยู่ในเมืองรอง เช่น ริเยกา หรือ ซิเบนิก ซึ่งมีบรรยากาศเงียบสงบกว่า และไม่คึกคักเท่าเมืองใหญ่ ก็สามารถเช่าบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ในราคาประหยัดลงเหลือเพียง 250 – 700 ยูโรต่อเดือน ได้เช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับคนที่ต้องการความสงบและประหยัดเงินในระยะยาว
กระบวนการซื้อบ้านในโครเอเชียสำหรับชาวต่างชาติไม่ได้ซับซ้อนมากนัก โดยเฉพาะหากคุณถือสัญชาติจากประเทศใน EU แต่ถ้าคุณเป็นคนไทยหรือชาวนอก EU จะต้องขออนุญาตจากกระทรวงยุติธรรมของโครเอเชียก่อน ซึ่งกระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายเดือน ส่วนมากนิยมให้ทนายความท้องถิ่นช่วยดำเนินเรื่องให้ รวมถึงการตรวจสอบกรรมสิทธิ์ และสัญญาซื้อขายที่ต้องจดทะเบียนกับสำนักงานที่ดิน (Land Registry)
การซื้อบ้านในโครเอเชียยุ่งยากไหม?
สำหรับชาวต่างชาติที่ถือสัญชาติจากประเทศในสหภาพยุโรป (EU) การซื้อบ้านในโครเอเชียแทบไม่มีข้อจำกัด คุณสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้เกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านพร้อมที่ดิน อพาร์ตเมนต์ หรือแม้แต่ที่ดินเปล่า (ในบางพื้นที่) โดยไม่ต้องขออนุญาตพิเศษจากรัฐ เพียงแค่มี OIB (เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของโครเอเชีย) และใช้บริการทนายความท้องถิ่นหรือโนตารีเพื่อดำเนินการซื้อขายให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ถ้าคุณเป็นชาวต่างชาติจากประเทศนอก EU อย่าง คนเอเชียหรืออเมริกัน ก็สามารถซื้อบ้านได้ แต่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งโดยรวมแล้วไม่ได้ยากเกินไป เพียงแค่ต้องเผื่อเวลาและวางแผนให้รอบคอบสักหน่อย
คนรู้จักของฉันคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวอเมริกันวัยเกษียณตัดสินใจย้ายมาใช้ชีวิตที่โครเอเชียกับภรรยา เขาเลือกเมืองชนบทเงียบสงบแถบ ริเยกา (Rijeka) เพราะค่าครองชีพไม่สูง อากาศดี และเดินทางไม่ไกลจากเมืองใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้าน เขาทดลองอยู่ก่อนด้วยการเช่าบ้าน 6 เดือน เพื่อสำรวจย่านที่อยากอยู่จริง ๆ ดูสภาพแวดล้อม เพื่อนบ้าน และลองใช้ชีวิตให้แน่ใจ
ระหว่างที่เช่าอยู่ เขาเริ่มเตรียมเอกสารพื้นฐานเพื่อให้สามารถซื้อบ้านได้ โดยเริ่มจากการไปยื่นขอ OIB (หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี) ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการทำธุรกรรมทางการเงินในโครเอเชีย เช่น เปิดบัญชีธนาคาร หรือทำสัญญาซื้อขายบ้าน หลังจากนั้น เขาก็เริ่มหาบ้านผ่านเอเจนซี่ท้องถิ่นที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ และมีทนายท้องถิ่นช่วยตรวจสอบเอกสารประกอบ

เขาไปถูกใจบ้านชั้นเดียวพร้อมสวนเล็ก ๆ และวิวภูเขาที่ดูเงียบสงบ และอยากทำสัญญาจะซื้อจะขาย (Pre-contract) กับเจ้าของบ้าน โดยวางมัดจำไว้ 10% ซึ่งเป็นธรรมเนียมปกติของที่นี่ แล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนที่ใช้เวลานานที่สุดคือ การยื่นขออนุญาตจากกระทรวงยุติธรรมของโครเอเชีย (Ministry of Justice) เพื่อให้ชาวต่างชาติที่ไม่ใช่พลเมือง EU ถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างถูกกฎหมาย
เขาเล่าว่าเอกสารที่ต้องเตรียมมีอยู่หลายชุด เช่น สัญญาจะซื้อจะขาย (พร้อมฉบับแปลเป็นภาษาโครเอเชีย) โฉนดที่ดินและสำเนาจากเจ้าของบ้าน เอกสารระบุวัตถุประสงค์การซื้อ (เพื่ออยู่อาศัย ไม่ใช่ธุรกิจ) หนังสือรับรองจากสถานทูต หรือกระทรวงการต่างประเทศโครเอเชีย เพื่อยืนยันว่า ประเทศอเมริกาและโครเอเชียมี “หลักการต่างตอบแทน (Reciprocity)” ซึ่งอนุญาตให้ชาวโครเอเชียถือครองทรัพย์สินในประเทศนั้นๆ ได้ด้วย
จากนั้น ทนายจะรวบรวมเอกสารทั้งหมดส่งไปยัง กระทรวงยุติธรรมในซาเกร็บ (Zagreb) โดยต้องรอการอนุมัติประมาณ 6–9 เดือน แล้วแต่ความยุ่งยากของเอกสารหรือเขตที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์
หลังได้รับจดหมายอนุมัติอย่างเป็นทางการ เขาก็นัดทำ สัญญาซื้อขายจริง กับเจ้าของบ้าน พร้อมดำเนินการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ สำนักงานที่ดิน (Land Registry) และชำระภาษีการโอนทรัพย์สิน ซึ่งอยู่ที่ 3% ของราคาซื้อขาย ทั้งหมดนี้ ดูเหมือนจะยุ่งยากในตอนแรก โดยเฉพาะการรออนุมัติจากรัฐบาลที่ใช้เวลานาน แต่ถ้ามี ทนายหรือเอเจนซี่ดี ๆ คอยช่วยจัดการให้ครบ ก็ถือว่าเป็นกระบวนการที่ชัดเจนและไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด
และในวันที่ได้กุญแจบ้าน เขาก็พูดกับเราว่า “แม้มันจะใช้เวลา แต่เมื่อได้มา มันรู้สึกเหมือนบ้านจริง ๆ ของเรา เป็นสถานที่ที่พร้อมสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างแท้จริง”
โครเอเชียมีวีซ่าเกษียณอายุหรือไม่?
แม้จะยังไม่มี “วีซ่าเกษียณอายุ” แต่ก็ยังเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถยื่นขอ วีซ่าพำนักระยะยาว (Temporary Stay) ได้ โดยสามารถระบุเหตุผลว่า “เพื่ออยู่อาศัยหลังเกษียณ” ซึ่งมีหลายคน โดยเฉพาะชาวยุโรปตอนเหนือและเอเชียบางประเทศ เริ่มใช้วิธีนี้เพื่อใช้ชีวิตแบบสงบในโครเอเชียหลังเกษียณ
จากประสบการณ์แล้วการขอวีซ่าไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแต่ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาง อย่างเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่มาเกษียณที่นี่หลังโควิด พวกเขาก็มาด้วยเหตุผลเพียงแค่มาอยู่อาศัยหลังเกษียณ พวกเขาต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม โดยเฉพาะยอดเงินในบัญชีที่แสดงว่าเพียงพอต่อการอยู่อาศัย และเอกสารตามข้อกำหนดทั่วไป
เขาเล่าว่า ตอนยื่นขอวีซ่าพำนักระยะยาวในโครเอเชีย เจ้าหน้าที่มีข้อกังวลเพียงเรื่องเดียวคือ หลักฐานทางการเงิน พวกเขากลัวว่าเขาอาจจะมีเงินไม่พอใช้จ่ายตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ และอาจใช้ชีวิตลำบาก เพราะมองว่าเขาเป็นชาวเอเชีย แต่เขาเคยทำงานและอาศัยอยู่ที่อัมสเตอร์ดัมมาเกือบทั้งชีวิต มีประสบการณ์ใช้ชีวิตในยุโรปมานานจนรู้สึกว่าโครเอเชียไม่น่าจะยากเกินไป แถมยังมีหลายอย่างที่ใกล้เคียงกับวัฒนธรรมเอเชีย เขาจึงจัดเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เช่น รายการลงทุน กองทุน หุ้น และบัญชีเงินฝาก เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขามีความมั่นคงทางการเงินเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตที่นี่
นอกจากหลักฐานทางการเงินแล้ว เอกสารอื่น ๆ ที่ต้องใช้ก็มีทั้ง หลักฐานที่อยู่ในโครเอเชีย, ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมในประเทศ, และใบรับรองประวัติอาชญากรรมจากประเทศต้นทาง ซึ่งต้องแปลเป็นภาษาโครเอเชียและประทับตรา เพื่อให้ใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในโครเอเชีย เอกสารส่วนนี้ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายพอสมควร แต่ถ้ามีทนายท้องถิ่นหรือบริษัทตัวแทนช่วยดำเนินการ จะทำให้ขั้นตอนราบรื่นและไม่ยุ่งยาก
แต่หากเราไม่เคยมีวีซ่าเชงเก้นมาก่อน ก็ยิ่งต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและละเอียดเป็นพิเศษ สำหรับการขอวีซ่าพำนักระยะยาว (Temporary Stay) เพื่อเกษียณอายุ เพราะเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความพร้อมและความน่าเชื่อถืออย่างเข้มงวด เอกสารหลัก ๆ ที่ควรเตรียม มีดังนี้
- หนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุและมีหน้าว่างสำหรับประทับตรา
- หลักฐานทางการเงิน เช่น สมุดบัญชีธนาคารหรือใบรับรองเงินเดือน ที่แสดงว่ามีเงินเพียงพอต่อการใช้ชีวิตในโครเอเชีย
- หลักฐานที่พักอาศัย เช่น สัญญาเช่าหรือใบถือครองกรรมสิทธิ์บ้าน/คอนโด
- ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในโครเอเชีย
- ใบรับรองประวัติอาชญากรรมจากประเทศต้นทาง ที่แปลเป็นภาษาโครเอเชียและผ่านการรับรอง
- จดหมายชี้แจงเหตุผลในการขอพำนักระยะยาว รวมถึงแผนการใช้ชีวิตหลังเกษียณ
เมื่อเอกสารครบถ้วน ก็ยื่นเอกสารคำร้องที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในโครเอเชีย หรือผ่านสถานทูตโครเอเชียในประเทศต้นทาง หากทุกอย่างครบถ้วน จะได้รับอนุมัติวีซ่าอายุ 1 ปี และสามารถต่ออายุได้ในปีถัดไป โดยมีข้อกำหนดว่า ต้องไปรายงานตัวกับตำรวจท้องถิ่นภายใน 3 วันหลังเข้าประเทศ และหากมีการเปลี่ยนที่อยู่ในภายหลัง ต้องแจ้งอัปเดตให้ทราบด้วย
หากคุณวางแผนเกษียณ และสนใจจะยื่นขอวีซ่าพำนักประเภทนี้ ขอแนะนำให้เริ่มเตรียมเอกสารล่วงหน้าอย่างน้อย 2 – 3 เดือน ก่อนเดินทาง และควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์สถานทูตโครเอเชีย หรือปรึกษาทนาย/บริษัทที่มีประสบการณ์ด้านการขอวีซ่าโดยเฉพาะ จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องเอกสารไม่ครบหรือถูกปฏิเสธได้มากทีเดียว
แน่นอนว่าเงื่อนไขในการสมัครวีซ่ามีการเปลี่ยนแปลงเรื่องๆ เราแนะนำให้อ่านโดยตรงจากเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศและกิจการยุโรป (Ministry of Foreign and European Affairs) จะดีกว่า
ผู้เกษียณในโครเอเชียต้องจ่ายภาษีหรือไม่?
ไม่ว่าใครก็ตาม ที่อาศัยอยู่ในโครเอเชีย 183 วันต่อปี และไม่ได้เป็นพลเมืองในเขต EU อาทิ คนไทย คนญี่ปุ่น หรือคนอเมริกัน ต้องเสียภาษีโดยอ้างอิงกับ “ถิ่นที่อยู่อาศัยทางภาษี (Tax Residency)” แต่หากประเทศต้นทางของคุณมีข้อตกลงการเลี่ยงภาษีซ้อน (Double Taxation Agreement – DTA) กับโครเอเชีย ก็อาจจะไม่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อน
หากคุณเสียภาษีบำนาญมาแล้ว เช่น ประเทศไทย ไม่มีข้อตกลงเลี่ยงภาษีซ้อนกับโครเอเชีย (ข้อมูล ณ ปี 2025) ดังนั้น คนไทยที่มาอาศัยอยู่ที่นี่เกิน 183 วัน จะต้องเสียภาษีเงินบำนาญที่ได้รับมาจากประเทศไทยด้วยนั่นเอง ยกเว้นในกรณีที่คุณสามารถพิสูจน์ได้ว่าเงินก้อนนั้นเคยเสียภาษีแล้ว หรือได้รับการยกเว้นในประเทศต้นทาง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตีความของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรท้องถิ่นของโครเอเชียด้วย เพราะฉะนั้น การปรึกษาทนายหรือนักบัญชีท้องถิ่นที่เชี่ยวชาญด้านภาษีระหว่างประเทศถือเป็นเรื่องจำเป็น
สำหรับ โครงสร้างภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ในยุโรป เพียงรายได้ต่อปีไม่เกิน 50,400 ยูโร จะถูกจัดเก็บภาษีในอัตรา 20% และถ้ามากกว่านั้นจะขยับไปอยู่ที่ 30% แต่ผู้เกษียณส่วนใหญ่มักมีรายได้ต่ำกว่าระดับที่จะต้องเสียในอัตราสูงสุดอยู่แล้ว
หากรายได้ของคุณเป็นประเภทเพื่อยังชีพ เช่น บำนาญ หรือเงินโอนจากครอบครัวที่ไม่มีจุดประสงค์เพื่อการลงทุน คุณสามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาลดหย่อนหรือขอยกเว้นได้ในบางกรณี
แน่นอนว่าเรื่องภาษีเป็นหัวข้อที่ซับซ้อนเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับหลายประเทศ หากคุณอยากอ่านเพิ่มเติมด้วยตนเอง สามารถดูข้อมูลจากเว็บไซต์สรรพากรของโครเอเชียได้โดยตรงที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากรโครเอเชีย
การรักษาพยาบาลและประกันสุขภาพ
เมื่ออายุมากขึ้น แน่นอนว่าเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเราจะเลือกใช้ชีวิตหลังเกษียณสักที่ใดที่นึงก็ควรเลือกประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่เข้าถึงง่าย มีระบบประกันสุขภาพ ก็จะทำให้คุณภาพชีวิตในวัยเกษียณดีขึ้นเยอะ อย่างในโครเอเชียเอง ระบบสาธารณสุขถือว่าค่อนข้างครอบคลุม โดยเฉพาะถ้าคุณลงทะเบียนเข้าระบบประกันสุขภาพของรัฐที่เรียกว่า HZZO (Hrvatski zavod za zdravstveno osiguranje) ซึ่งทุกคนที่อาศัยระยะยาวสามารถลงทะเบียนได้ หลังจากนั้นคุณจะได้รับสิทธิ์เลือกหมอประจำตัว หรือที่เรียกว่า GP (General Practitioner) หมอ GP คนนี้จะเป็นด่านแรกในการดูแลสุขภาพ ตรวจทั่วไป และออกใบส่งตัวไปหาหมอเฉพาะทางหากจำเป็น
เจ้านายเก่าของฉัน เขาก็อายุ 65 ปีแล้ว มีโรคเบาหวานและมีความดันสูง ต้องกินยาเป็นประจำทุกวัน พอย้ายมาอยู่ที่นี่ เขาก็รีบไปลงทะเบียนกับ HZZO ทันที และเลือก GP ที่พูดอังกฤษได้ เพื่อให้การรักษาและสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่น เขาบอกฉันว่า “โชคดีมากที่ระบบที่นี่ยืดหยุ่นและดูแลได้จริง ขอแค่คุณมีเอกสารพร้อม เช่น ประวัติการรักษาเดิมจากประเทศต้นทาง หรือจดหมายจากหมอเดิม แปลเป็นภาษาอังกฤษหรือโครเอเชียก็ได้ จะช่วยให้หมอที่นี่เข้าใจเร็วขึ้น”
ในกรณีที่ต้องพบหมอเฉพาะทาง เช่น โรคหัวใจหรือไต GP จะเป็นคนพิจารณาว่าควรส่งต่อหรือไม่ ซึ่งระบบแบบนี้ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องวิ่งหาหมอเฉพาะทางเอง แต่แน่นอนว่า ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐ บางครั้งต้องรอคิวนานพอสมควร เพราะแบบนี้ หลายๆ คน รวมถึงเจ้านายของฉันจึงเลือกซื้อประกันสุขภาพเอกชนควบคู่ไว้ด้วย เขาใช้บริการของบริษัทประกันเอกชนแห่งหนึ่งในโครเอเชีย โดยจ่ายเพิ่มเดือนละประมาณ 70-100 ยูโร เพื่อให้เข้าถึงบริการพิเศษ เช่น ตรวจสุขภาพประจำปีเร็วขึ้น หาหมอเฉพาะทางโดยไม่ต้องรอ และเลือกโรงพยาบาลเอกชนที่บริการรวดเร็วกว่า
สำหรับเรื่องยา ยาสามัญประจำบ้านที่ใช้รักษาโรคความดัน เบาหวาน หรือคอเลสเตอรอล สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปในโครเอเชีย และราคาก็ไม่แรงจนเกินไป โดยเฉพาะหากคุณอยู่ในระบบ HZZO ก็สามารถเบิกยาบางรายการได้ฟรีหรือจ่ายในอัตราที่ลดลง ส่วนวิตามินหรืออาหารเสริมก็มีวางขายทั่วไปเช่นกัน
บ้านพักคนชราในโครเอเชียเป็นอย่างไร?
สิ่งที่ฉันตกใจเล็กน้อยตอนที่ไปอยู่อาศัยที่นั่น คือ บ้านพักคนชราที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ บ้านของฉันดูดีมาก คุณสามารถเห็นวิวทะเลสวยๆ ได้จากระเบียงห้องพักของคุณ พร้อมสวนสีเขียวสะอาดตา เพราะบ้านพักคนชราในโครเอเชีย มีทั้งที่ดำเนินการโดยภาครัฐ (รัฐอุดหนุน) และโดยเอกชน ซึ่งแต่ละแห่งมีมาตรฐานแตกต่างกัน โดยรวมถือว่ามีความปลอดภัย สะอาด และมีการดูแลที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ เช่น ซาเกร็บ (Zagreb), ริเยกา (Rijeka), สปลิท (Split) และเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มีชาวต่างชาติพำนักอยู่จำนวนมาก
เพื่อนของฉันเล่าให้ฟังว่า บ้านพักคนชราที่นี่ไม่ใช่ว่าใครอยากเข้าไปอยู่ก็จะเข้าได้ทันที โดยเฉพาะถ้าเป็นบ้านพักที่อยู่ภายใต้การดูแลของภาครัฐ เพราะระบบของที่นี่จะมีการคัดเลือกตามเงื่อนไข เช่น ต้องเป็นผู้ที่มีสถานะพำนักถาวรในโครเอเชีย หรือเป็นผู้ที่อยู่ในระบบภาษีมาระยะหนึ่ง และในหลายกรณียังมีการแบ่ง “สิทธิ์การเข้าพัก” เป็นลำดับหรือ Tier ตามระดับรายได้ หรือประวัติการจ่ายภาษีอีกด้วย
บ้านพักของรัฐ มีข้อดีคือราคาค่อนข้างประหยัด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 300 – 500 ยูโรต่อเดือน ซึ่งรวมค่าที่พัก อาหารพื้นฐาน และการดูแลด้านสุขภาพบางประเภท แต่เนื่องจากเป็นระบบที่รัฐให้การสนับสนุน จึงมี คิวรอที่ยาวมาก และมักจะ เปิดรับเฉพาะชาวโครเอเชีย หรือผู้ที่มีพำนักถาวรและอยู่ในระบบประกันสุขภาพของรัฐ (HZZO) เท่านั้น เรียกได้ว่าแม้ราคาจะดี แต่ก็ไม่ได้เปิดกว้างสำหรับชาวต่างชาติทั่วไป
อีกทางหนึ่ง บ้านพักแบบเอกชนก็มีให้เลือก ทั้งในเขตเมืองหลักอย่างซาเกร็บ ริเยกา หรือริมทะเลในเมืองท่องเที่ยวอย่างสปลิท และดูบรอฟนิก จุดเด่นคือสามารถให้บริการกับชาวต่างชาติได้ ไม่ว่าคุณจะถือวีซ่าระยะยาวหรือพำนักแบบกึ่งถาวร โดยขึ้นอยู่กับเอกสารประกันสุขภาพและสถานะทางกฎหมายของผู้เข้าพัก ราคาของบ้านพักเอกชนจะอยู่ในช่วงประมาณ 1,000 – 2,500 ยูโรต่อเดือน ซึ่งจะต่างกันตามระดับการดูแล เช่น ห้องส่วนตัวหรือห้องรวม มีพยาบาลดูแล 24 ชม. หรือไม่ รวมถึงบริการพิเศษต่าง ๆ อย่างกิจกรรมกายภาพบำบัด, โปรแกรมฟื้นฟู, อาหารเฉพาะทาง, การดูแลผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ป่วยที่ต้องการดูแลเฉพาะด้าน
เพื่อนของฉันบอกว่า บ้านพักหลายแห่งในโครเอเชียให้ความสำคัญกับ “คุณภาพชีวิต” ของผู้สูงอายุ ไม่ใช่แค่ดูแลเรื่องพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังมีบริการเสริม เช่น สวนพักผ่อนกลางแจ้ง ห้องสมุด คลาสโยคะ หรือกิจกรรมกลุ่มเพื่อช่วยให้ผู้เข้าพักมีสังคม ลดความเหงา และรู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่าในแต่ละวัน
และหากคุณไปอยู่อาศัยที่นั่นสักพักหลังเกษียณ และอยากมีคนดูแลก็สามารถพึ่งพิงบ้านพักคนชราได้เช่นกัน แค่มีวีซ่าพำนักระยะยาว (Temporary Stay) และเลือกบ้านพักเอกชนคุณภาพดีสักแห่งที่เข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรม และสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและอุ่นใจไม่น้อย โดยเฉพาะ หากคุณเกษียณอายุไปสัก 10 ปีแล้ว คุณอาจต้องการความช่วยเหลือด้านสุขภาพหรือการดูแลเฉพาะทางมากขึ้น การวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอายเลย
โครเอเชียมีผู้ช่วยพยาบาลและบริการดูแลถึงบ้านหรือไม่?
หากคุณต้องการใช้ชีวิตในบ้านของตัวเอง และเพียงแค่ต้องการ ผู้ช่วยดูแลแบบรายวันหรือเป็นบางช่วงเวลา โครเอเชียก็มีบริการดูแลถึงบ้าน (in-home care / home nursing) ที่ครอบคลุม เช่น การมาช่วยอาบน้ำ, ป้อนยา, พาไปโรงพยาบาล, ทำอาหาร, ทำความสะอาด, ดูแลเรื่องการทำกายภาพบำบัดที่บ้าน, เฝ้าไข้หรืออยู่เป็นเพื่อนในช่วงกลางคืน
ค่าบริการผู้ช่วยพยาบาลแบบรายชั่วโมงในโครเอเชียอยู่ที่ประมาณ 7 – 15 ยูโรต่อชั่วโมง หรือหากต้องการความต่อเนื่อง ก็สามารถเลือกแบบแพ็กเกจรายเดือนได้ ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงและประเภทของบริการที่ต้องการ บริการประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ต้องการใครสักคนคอยดูแลเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ช่วยเตรียมอาหาร ดูแลเรื่องยา หรือพาไปโรงพยาบาล และที่สำคัญคือ เหมาะกับคนที่อยากอยู่บ้านของตัวเองให้นานที่สุด โดยไม่ต้องย้ายไปบ้านพักคนชรา อย่างเช่นที่ซาเกร็บ มีบริการชื่อว่า Medikor ที่ให้บริการพยาบาลวิชาชีพถึงบ้าน ทั้งสำหรับผู้สูงอายุทั่วไปหรือผู้ป่วยพักฟื้น ส่วนในสปลิทก็มีบริการชื่อ Moja Kućna Njega ซึ่งเน้นการดูแลแบบรายวัน โดยสามารถติดต่อผ่านเฟซบุ๊กหรือโทรนัดหมายตรงได้เลย บางแห่งมีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ ทำให้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ระยะยาวสามารถใช้บริการได้สะดวก
แต่เท่าที่ฉันสังเกต คนสูงอายุที่นี่หลายคนยังแข็งแรงมาก เพราะมีพื้นที่ออกกำลังกายเยอะ หรือจะไปว่ายน้ำทุกวันก็ได้ บางคนลงไปลอยตัวในทะเลได้นานเป็นชั่วโมง ๆ แบบสบาย ๆ ในขณะที่ฉันเองยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ บางคนอายุน่าจะเกิน 70 ไปแล้ว ยังลอยตัวนิ่ง ๆ อยู่กลางอ่าวราวกับปลาโลมา ได้เป็นชั่วโมงๆ กันอยู่เลย ในขณะที่ฉันอายุยังน้อยแต่ลอยตัวแค่ 5 นาทีก็หอบแล้ว…
การเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงวัยดีไหม?
ในแง่ของการเดินทางสำหรับผู้สูงวัย ที่นี่มีขนส่งสาธารณะที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้สูงอายุ เช่น รถรางและรถเมล์ในซาเกร็บมักจะมีพื้นที่สำหรับรถเข็นหรือคนใช้วอล์กเกอร์ และมีป้ายประกาศชัดเจน คนขับรถสาธารณะส่วนมากก็อดทนและพร้อมช่วยเหลือ โดยเฉพาะถ้าเห็นว่าผู้โดยสารเป็นผู้สูงอายุหรือมีปัญหาการเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม เมืองเก่าหลายแห่งในโครเอเชีย เช่น ดูบรอฟนิก หรือโซนเมืองเก่าของสปลิท เพราะเป็นเมืองอนุรักษ์ จะยังมีทางเดินที่เป็นหิน ปูพื้นไม่เรียบ และบันไดเยอะอยู่พอสมควร ซึ่งอาจลำบากสำหรับผู้ใช้รถเข็นหรือไม้เท้า โดยเฉพาะถ้าเลือกที่อยู่อาศัยที่อยู่บนเนินหรือในซอยแคบ ๆ ดังนั้น ถ้าคุณหรือคู่ชีวิตต้องการความสะดวกในการเดิน ควรเลือกที่พักในย่านที่เข้าถึงง่าย เช่น ชั้นล่างของอพาร์ตเมนต์ หรือใกล้ถนนหลักที่มีทางลาดสำหรับรถเข็น
สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่สาธารณะ
สิ่งหนึ่งที่โครเอเชียยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องคือเรื่อง การเข้าถึงของผู้สูงวัยและคนพิการในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ อย่างซาเกร็บ สปลิท หรือริเยกา คุณจะเริ่มเห็น ทางลาดตรงทางเข้าสถานที่ราชการ, ห้องน้ำผู้พิการในห้างสรรพสินค้า, และลิฟต์ในอาคารสูง ที่ติดตั้งไว้อย่างเป็นมาตรฐาน นอกจากนี้ ระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถรางและรถเมล์ในซาเกร็บบางสายก็มีพื้นที่สำหรับรถเข็น ปุ่มเรียกหยุดสำหรับผู้พิการ และคนขับส่วนมากมีความอดทนพร้อมช่วยเหลือผู้สูงวัยขึ้น-ลง

ที่น่าประทับใจคือ ตามชายหาดสาธารณะในเมืองท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น Bačvice (สปลิท), Lapad Beach (ดูบรอฟนิก), หรือ Opatija Riviera เริ่มมีการติดตั้ง ทางลาดสำหรับรถเข็น, ราวจับกันลื่นลงน้ำ, และบางแห่งยังมี แผ่นซับยางกันลื่น ที่ทอดยาวลงไปจนถึงริมทะเล เพื่อให้ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาการเคลื่อนไหวสามารถเดินลงน้ำได้อย่างปลอดภัย บางจุดยังมี พื้นที่พักผ่อนเฉพาะผู้สูงวัย ที่จัดเก้าอี้ชายหาดให้ห่างจากกลุ่มวัยรุ่นหรือเสียงดัง ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น
แต่ถ้าคุณเลือกไปอยู่ในเมืองรองหรือหมู่บ้านเล็ก ๆ ก็อาจยังเจอข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น ร้านค้าเล็ก ๆ บางแห่งไม่มีทางลาด หรือบ้านเก่าที่ขึ้นบันไดโดยไม่มีราวจับ ดังนั้น หากคุณวางแผนจะอยู่ระยะยาว การเข้าไปสำรวจจริงก่อนซื้อหรือเช่าที่พักจะช่วยให้มั่นใจว่า สภาพแวดล้อมรอบตัวเหมาะกับการใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างแท้จริง
ควรปรับตัวเข้ากับภาษาและวัฒนธรรมโครเอเชียอย่างไร?
คนที่อายุมากแล้ว หรือไม่ถนัดเรื่องเรียนภาษาใหม่ อาจกังวลว่าอยู่ไปนาน ๆ แล้วจะสื่อสารกับคนท้องถิ่นไม่ได้ ทำธุระลำบาก หรือรู้สึกโดดเดี่ยว
ฉันเข้าใจความรู้สึกนี้ดี เพราะเจ้านายเก่าของฉันอายุ 65 ปีแล้ว ตอนที่เขาตัดสินใจย้ายมาอยู่เมืองสปลิทพร้อมภรรยาชาวไทย เขาแทบไม่มีพื้นฐานภาษาโครเอเชียเลย แถมตอนมาถึงใหม่ ๆ เขายังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ชัดนักด้วยซ้ำ แถมภรรยาเองก็พูดอังกฤษไม่ได้เลย เขาเคยพูดกับฉันตรง ๆ ว่า “ฉันไม่คิดจะเรียนภาษานี้หรอกนะ มันยากไปสำหรับวัยฉันแล้ว” แต่เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาพูดภาษาอังกฤษงู ๆ ปลา ๆ บ้าง ผสมกับภาษามือบ้าง แต่ก็พอจะเอาตัวรอดได้ ทั้งตอนซื้อของ ไปหาหมอ ติดต่อช่าง หรือแม้แต่ทำธุรกรรมกับธนาคาร
บางครั้งฉันยังเห็นเขาพูดภาษาสวีเดนกับเพื่อนบ้าน เพราะรอบ ๆ หมู่บ้านที่เขาอยู่แทบจะเป็นชุมชนขนาดย่อมของชาวสวีเดนที่มาเกษียณอายุเหมือนกัน เขาเล่าว่า ตอนแรกก็กลัวว่าจะเหงาหรือโดดเดี่ยว แต่สุดท้ายกลับรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เพราะมีคนวัยใกล้กัน มีสังคมเล็ก ๆ ที่พึ่งพากันได้ ถึงจะไม่ได้พูดภาษาโครเอเชียคล่อง ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตเลย
แต่ถ้าเราพูดคำศัพท์ที่ใช้บ่อย ๆ ได้ก็ดี เช่น “račun” ที่แปลว่าใบเสร็จ, “voda” ที่แปลว่าน้ำ, หรือ “molim” ที่แปลว่ากรุณา เขาบอกว่าไม่ต้องพูดได้หมดทุกอย่าง แต่แค่มีคำติดตัวไว้บ้าง ก็ช่วยให้คนท้องถิ่นรู้สึกว่าเราเคารพภาษาของเขา และพร้อมจะเปิดใจให้เรามากขึ้น
ดังนั้น ใครที่จะมาไม่ต้องกังวลเลย เพราะเมืองใหญ่ ๆ อย่างสปลิท ซาเกร็บ หรือดูบรอฟนิก คนรุ่นใหม่พูดภาษาอังกฤษกันพอใช้ได้ โดยเฉพาะในร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ธนาคาร หรือคลินิกเอกชน ยิ่งพวกแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลเอกชน ส่วนใหญ่ก็พูดอังกฤษคล่องเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกันอยู่แล้ว
นอกจากเรื่องภาษา อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำความเข้าใจเมื่อมาอยู่ที่โครเอเชียคือ “วัฒนธรรมชีวิตประจำวัน” ที่เน้นความเรียบง่ายและเคารพความเป็นส่วนตัว คนที่นี่ให้ความสำคัญกับครอบครัว การพักผ่อน และการใช้เวลาร่วมกับคนใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ที่ร้านค้าหลายแห่งจะปิดเร็ว หรือหยุดเพื่อให้พนักงานได้กลับบ้าน
การแต่งกายก็เป็นสิ่งที่คนท้องถิ่นใส่ใจ แม้จะไปเดินเล่นในเมืองหรือเข้าร้านอาหาร ก็ไม่ค่อยเห็นใครแต่งตัวลำลองเกินไป และถ้าคุณเข้าโบสถ์หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ การแต่งกายสุภาพจะช่วยให้คุณได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นมากขึ้น แม้จะเป็นชาวต่างชาติก็ตาม
สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้อาจดูไม่สำคัญในตอนแรก แต่เมื่อคุณใช้ชีวิตที่นี่ไปเรื่อย ๆ จะพบว่าการเข้าใจและปรับตัวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ช่วยให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านและคนรอบตัวราบรื่นมากขึ้น และทำให้รู้สึก “เป็นส่วนหนึ่ง” ของที่นี่อย่างแท้จริง
วัฒนธรรมการกินและอาหารเป็นอย่างไร?
อาหารการกินอาจเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล โดยเฉพาะคนไทยที่คุ้นเคยกับรสชาติจัดจ้าน หวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ครบเครื่อง แต่จากประสบการณ์ของฉัน และเจ้านายวัยเกษียณที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเกือบ 5 ปี บอกเลยว่าเรื่องกินที่โครเอเชียไม่ยากเลย เพราะพื้นฐานแล้วเป็นอาหารแนวยุโรปใต้และเมดิเตอร์เรเนียน คล้ายอิตาลีผสมกรีก อย่าง สปาเกตตี้ ริซอตโต้ สเต็ก แล้ววัตถุดิบสดใหม่ หาซื้อง่ายตามซุปเปอร์มาเก็ต
สำหรับคนสูงวัยที่ต้องการดูแลสุขภาพ เรื่องอาหารการกินในโครเอเชียก็นับว่าดีมาก เพราะเขามีวัตถุดิบสดจากธรรมชาติ ผักผลไม้สะอาด ไม่ฉีดสารเคมีเยอะ น้ำมันที่ใช้ก็ส่วนมากเป็นน้ำมันมะกอก ไม่ใส่น้ำตาลเยอะ อาหารหลายอย่างก็สามารถปรับให้เป็นเมนูสุขภาพได้ง่าย ๆ เพราะน้ำมันมะกอกที่นี่ก็ถือเป็นของดี ราคาย่อมเยาแต่คุณภาพยอดเยี่ยม เจ้านายของฉันถึงกับเคยพูดว่า “ตอนอยู่สวีเดนต้องซื้อขวดละสิบยูโร แต่ที่นี่ลิตรนึงไม่ถึงแปดยูโร แถมกลิ่นผลไม้แรงกว่าด้วยซ้ำ” เขาชอบกินแค่ขนมปังจิ้มกับน้ำมันมะกอก โรยเกลือหยาบนิดหน่อย สไตล์คนยุโรปอยู่ง่ายๆ สบายๆ
ที่สำคัญคือ ร้านอาหารในเมืองใหญ่ ๆ มีเมนูอาหารยุโรปที่คนไทยคุ้นเคย เช่น พาสต้า พิซซ่า ซีฟู้ดอบ สเต็ก หรือซุปผัก ที่ทำให้การใช้ชีวิตในวัยเกษียณไม่ต้องมานั่งคิดมากเรื่องกินทุกวัน ถ้าทำกับข้าวไม่ไหว หรืออยากออกไปเปลี่ยนบรรยากาศ กินร้านบ้างก็มีร้านดี ๆ ให้เลือกเยอะ
แม้รสชาติของอาหารโครเอเชียจะออกไปทางจืดหรือเค็มโดด ๆ สักหน่อย (บางเมนูเรียกว่าเค็มจนชาได้เลย) แต่คนที่นี่ก็เข้าใจถ้าคุณอยากเติมรสเพิ่มเอง เจ้านายฉันเคยพกน้ำปลาจิ๋วจากเมืองไทยไปงานปาร์ตี้ และคนโครเอเชียยังหัวเราะแล้วขอชิมด้วยซ้ำ เพราะคนโครชิลๆ ชอบเรียนรู้วัฒนธรรมประเทศอื่นๆ อยู่แล้ว
เมืองแนะนำสำหรับการเกษียณในโครเอเชีย
ในโครเอเชีย มีหลายเมืองมากๆที่น่าอยู่สำหรับคนที่ต้องการเกษียณอายุ มาดูกันดีกว่าว่ามีเมืองอะไรบ้าง
สปลิท (Split) เมืองทะเลที่คนยุโรปอยากย้ายมาเกษียณ
ถ้ามีใครถามฉันว่า “เมืองไหนในโครเอเชียที่น่าอยู่ที่สุดสำหรับคนเกษียณ?” ฉันมักจะตอบว่า “สปลิท” แบบไม่ต้องคิดมาก เพราะนอกจากจะมีวิวทะเลและภูเขาอยู่พร้อมกัน ยังมีกิจกรรมให้ทำตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นเดินเล่นตามชายหาด นั่งชิลในคาเฟ่ หรือลงเรือใบไปดูพระอาทิตย์ตกก็ยังได้ แถมยังเป็นเมืองที่มีสนามบินเป็นของตัวเองและมีไฟล์ทบินไปเมืองใหญ่อื่นๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่ซาเกร็บ แต่เพราะเป็นเมืองที่เข้าถึงง่าย ทำให้ช่วงหน้าร้อนจะมีนักท่องเที่ยวแออัดพอสมควร รสสาธารณะเบียดเสียด ทำให้เสียงดังและค่าครองชีพสูงขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งอากาศยังร้อนจัดสูงสุดถึง 45 องศาเซลเซียสด้วย ใครที่มีอาการฮีตสโตรกบ่อยๆ หรือความดันสูงก็อาจจะไม่เหมาะกับเมืองนี้สักเท่าไหร่
เจ้านายเก่าของฉันก็ใช้ชีวิตหลังเกษียณที่นี่กับภรรยาคนไทยมาหลายปีแล้ว เขาเลือกซื้อบ้านสองชั้นริมทะเลในเมือง Kaštela (เมืองเล็ก ๆ ถัดจากสปลิท) ในราคาประมาณ 160,000 ยูโรพร้อมระเบียงที่มองเห็นวิวทะเลชัด ๆ ส่วนสำหรับคนโสด ค่าใช้จ่ายที่นี่อยู่ที่ราว 700 – 900 ยูโรต่อเดือน ส่วนคู่รักจะอยู่ที่ประมาณ 1,200 – 1,500 ยูโร ขึ้นอยู่กับสไตล์การใช้ชีวิต ถ้าเช่าอพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอนใกล้ทะเลจะอยู่ที่ราว 600 – 1,000 ยูโร แต่ถ้าไปเมืองรองรอบนอกก็จะถูกลงอีกเยอะ
ซาเกร็บ (Zagreb) เมืองหลวงที่สงบกว่าที่คิด
ฉันเคยมีโอกาสไปเที่ยวในซาเกร็บอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ประหลาดใจว่า ถึงจะเป็นเมืองหลวง แต่บรรยากาศกลับไม่ได้เร่งรีบหรือวุ่นวายเหมือนที่คิด คาเฟ่เล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วเมือง ผู้คนใช้รถรางกันแทบทุกวัน และมีสวนสาธารณะให้เดินเล่นได้แบบไม่ต้องออกนอกเมืองเลย แถมผู้คนที่นี่ยังรักงงานศิลป์ ดนตรีในสวน เป็นเมืองที่โรแมนติกที่ค่อนข้างมีชีวิตชีวาตลอดทั้งปีเลย

ที่นี่เหมาะกับผู้เกษียณที่ยังอยากอยู่ในเมืองที่มีโรงพยาบาลดี ๆ ร้านค้า ร้านอาหารครบ โดยเฉพาะคนที่ต้องการดูแลสุขภาพหรือเข้าถึงหมอเฉพาะทางได้ง่าย ซาเกร็บมีโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมถึงคลินิกเอกชนที่ใช้ประกันเสริมแล้วได้คิวไว ค่าใช้จ่ายโดยรวมก็ไม่แรงเท่าเมืองใหญ่ในยุโรปตะวันตก แต่ช่วงหน้าหนาวจะหนาวกว่าเมืองอื่นๆ มาก เพราะเป็นเมืองตอนเหนือของประเทศ และบางย่านก็มีแต่ตึกเก่าที่ไม่มีลิฟต์ อาจไม่เหมาะกับผู้สูงวัยที่ต้องใช้รถเข็นสักเท่าไหร่
ส่วนค่าใช้จ่าย สำหรับคนโสดอยู่แบบเรียบง่ายใช้ราว ๆ 800 – 1,000 ยูโรต่อเดือน ส่วนคู่รักที่อยากอยู่แบบสบาย ๆ ก็อยู่ได้ที่ประมาณ 1,400 – 1,800 ยูโรต่อเดือน ค่าที่พักถ้าเช่าอพาร์ตเมนต์กลางเมืองสักห้องหนึ่งจะอยู่ที่ราว 500 – 800 ยูโร ส่วนถ้าอยากซื้อไว้เป็นสินทรัพย์ระยะยาว ราคาคอนโดในตัวเมืองก็เริ่มที่ราว 2,500 ยูโรต่อตารางเมตร
ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) สวยจนอยากอยู่ แต่ต้องมีงบ
ดูบรอฟนิกเป็นเมืองที่ฉันตกหลุมรักตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าเขตกำแพงเมืองเก่า บ้านสีส้มเรียงรายไปตามแนวเขา ทอดตัวยาวจนถึงทะเลสีฟ้าใส ทำให้เมืองนี้กลายเป็นโลเคชันในซีรีส์ดังอย่าง Game of Thrones และก็เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่า “สวยที่สุดในโครเอเชีย” แต่ความสวยก็มาพร้อมราคาที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน คนเกษียณที่เลือกอยู่ที่นี่มักจะมีงบค่อนข้างสูง และมองหาความสงบมากกว่าความสะดวก
เพราะถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวเยอะในช่วงฤดูร้อน แต่ในช่วงอื่นของปี เมืองนี้กลับเงียบและเรียบง่ายเหมือนเมืองชนบท หากเช่าอพาร์ตเมนต์สักห้องหนึ่งในเมืองเก่าจะอยู่ที่ 1,000 – 5,000 ยูโร ต่อเดือน ส่วนถ้าซื้อบ้านในเขตเมืองจะอยู่ที่ราว 3,500 – 5,000 ยูโรต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับระยะจากทะเลและวิว คนโสดอาจต้องเตรียมงบประมาณราว 1,000 – 1,300 ยูโรต่อเดือน ขณะที่คู่รักจะอยู่ที่ 1,800 – 2,500 ยูโรต่อเดือน
ข้อควรระวัง คือ เมืองนี้สร้างอยู่บนพื้นที่ลาดชัน ใจกลางเมืองเก่าไม่มีถนนรถยนต์ และพื้นยังเป็นอิฐเก่าที่ลื่นและมัน ทำให้การเดินขึ้น–ลงต้องใช้แรงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ใช้รถเข็น แม้แต่ฉันที่แข็งแรง ยังลื่นล้มมาแล้ว เพราะฝนตกแล้วลื่นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว อีกทั้งค่าครองชีพโดยรวมและราคาบ้านสูงกว่าทุกเมืองในลิสต์นี้
ริเยกา (Rijeka) เมืองสงบที่เชื่อมต่อยุโรปกลาง
ริเยกาอาจจะไม่คุ้นหูนักท่องเที่ยวทั่วไปเท่าซาเกร็บหรือดูบรอฟนิก แต่คนโครเอเชียรู้ดีว่า นี่คือเมืองท่าสำคัญของประเทศ และยังเป็นเมืองที่เชื่อมต่อกับอิตาลีและสโลวีเนียได้ง่ายมาก เหมาะกับผู้เกษียณที่อยากใช้ชีวิตเงียบ ๆ ติดทะเล แต่ยังสามารถขับรถข้ามประเทศได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ด้วยความที่อยู่ใกล้อิตาลีและตั้งอยู่ในเวิ้งอ่าว จึงได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 บ้างในบางช่วง อากาศที่นี่จึงค่อนข้างชื้นและมีลมแรงโดยเฉพาะในฤดูหนาว นอกจากนี้ บางย่านยังมีภูมิประเทศเป็นเนินเขาสูง ทำให้การเดินทางในชีวิตประจำวันจำเป็นต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนตัวค่อนข้างมาก
ฉันเคยไปเยี่ยมครอบครัวเพื่อนที่อยู่ริเยกาและรู้สึกได้ทันทีว่าชีวิตที่นี่เนิบช้า ผู้คนเป็นมิตร และค่าครองชีพก็เบากว่าเมืองใหญ่ ถ้าคุณโสดอยู่แบบประหยัด ก็ใช้เงินแค่ราว 600 – 800 ยูโรต่อเดือน ส่วนคู่รักจะอยู่ที่ประมาณ 1,100 – 1,400 ยูโร ค่าเช่าห้องอยู่ที่ 350 – 600 ยูโรต่อเดือน ส่วนใครที่อยากซื้อบ้านริมเนินเขาหรือบ้านพักตากอากาศ ก็ยังมีราคาน่ารัก ๆ เริ่มที่ 1,800 ยูโรต่อตารางเมตร
ซิเบนิก (Šibenik) เมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
เมืองสุดท้ายที่อยากแนะนำคือ ซิเบนิก เมืองเล็ก ๆ ติดทะเลที่เงียบสงบและอบอุ่นมากกว่าที่คิด ที่นี่ไม่มีห้างใหญ่ ไม่มีร้านหรูมากนัก แต่กลับมีตลาดสดน่ารัก ๆ ร้านเบเกอรี่พื้นเมือง และโบสถ์เก่าแก่อยู่ทุกหัวมุม มันคือเมืองที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า “ชีวิตเกษียณแบบไม่ต้องเร่งรีบคือแบบนี้แหละ” เนื่องจากเป็นเมืองเล็ก การเดินทางในพื้นที่ส่วนใหญ่จะต้องใช้รถบัสเท่านั้น หากต้องการรับบริการด้านสาธารณสุข อาจจำเป็นต้องขับรถไปรับการรักษาที่เมืองใหญ่ใกล้เคียง แต่ด้วยทำเลที่ตั้งระหว่างสปลิทและซาเกร็บ ทำให้สามารถเลือกใช้บริการจากเมืองใดก็ได้ตามความสะดวกของตัวเอง
เพื่อนต่างชาติคนหนึ่งที่ย้ายมาเกษียณที่นี่บอกว่า เขาสามารถใช้ชีวิตแบบ self-sufficient ได้ทุกวัน เดินไปตลาด ทำอาหารเอง ดื่มไวน์บ่าย ๆ แล้วไปเดินเล่นริมหาด แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ค่าใช้จ่ายที่นี่ถือว่าถูกที่สุดในลิสต์นี้ คนโสดอยู่ได้ที่ 500 – 700 ยูโรต่อเดือน ส่วนคู่รักจะอยู่ที่ 900 – 1,200 ยูโร ค่าเช่าห้อง 1 ห้องนอนเริ่มที่ 300 – 500 ยูโร และราคาซื้อบ้านก็เริ่มต้นแถว 1,500 ยูโรต่อตารางเมตรเท่านั้น
คนแบบไหนที่เหมาะกับการเกษียณที่นี่?
จากที่ได้พูดคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติหลายคนที่ย้ายมาเกษียณในโครเอเชีย รวมถึงจากประสบการณ์ที่ได้อยู่ใกล้ชิดคนที่มาใช้ชีวิตที่นี่จริง ๆ ฉันพบว่าคนที่ “ไปได้สวย” กับโครเอเชีย มักจะเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบสบาย ๆ รักธรรมชาติ ไม่คาดหวังความหรูหรา แต่ชอบเดินตลาดเช้า ปลูกผักในสวนหลังบ้าน หรือแค่ได้นั่งจิบกาแฟริมทะเลก็รู้สึกมีความสุขแล้ว พูดง่าย ๆ คือพวกสายชิล สายธรรมชาติ และคู่รักวัยเกษียณที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ มาอยู่กับวิถีชีวิตที่ช้าลง มีเวลาหายใจลึก ๆ มากขึ้น
อีกกลุ่มหนึ่งที่ดูจะเหมาะกับที่นี่มากคือคนที่มีงบประมาณแบบกลาง ๆ ไม่ได้ต้องการชีวิตหรูหราระดับรีสอร์ท แต่ก็ไม่อยากตึงมือเรื่องค่าใช้จ่าย โครเอเชียให้คุณภาพชีวิตที่ดีในราคาสมเหตุสมผล ไม่ว่าจะเป็นค่าบ้าน ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล หรือแม้แต่กิจกรรมสันทนาการก็มีให้เลือกหลากหลายโดยไม่ต้องจ่ายแพงเหมือนในยุโรปตะวันตก
คนแบบไหนที่อาจไม่เหมาะ?
ในทางกลับกัน คนที่อาจไม่เหมาะกับการเกษียณที่นี่คือคนที่ไม่ค่อยยืดหยุ่นกับความเปลี่ยนแปลง หรือชอบระบบที่เป๊ะและทันสมัยตลอดเวลา เช่น ระบบราชการที่รวดเร็วแบบในเยอรมัน หรือเมืองที่มีขนส่งสาธารณะล้ำสมัยแบบอังกฤษ เพราะที่นี่ยังคงมีเสน่ห์แบบยุโรปตะวันออกที่ “ค่อยเป็นค่อยไป” และอะไร ๆ ก็อาจใช้เวลามากกว่าที่คาดไว้พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการขอเอกสารราชการ การต่อใบพำนัก หรือแม้แต่การรอช่างมาติดตั้งอะไรสักอย่าง
อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่อง ภาษาและวัฒนธรรม แม้คนในเมืองใหญ่จะพูดอังกฤษได้พอสมควร แต่ในชนบทหรือเมืองเล็ก ๆ การสื่อสารอาจต้องพึ่งมือไม้ แอปแปลภาษา หรือคำศัพท์พื้นฐาน คนที่ปิดตัวเอง ไม่เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อาจรู้สึกอึดอัดและโดดเดี่ยวได้ง่าย แต่ถ้าคุณมีหัวใจนักสำรวจนิด ๆ และพร้อมจะยิ้มให้กับความไม่สมบูรณ์แบบ โครเอเชียก็จะกลายเป็นบ้านหลังใหม่ที่อบอุ่นให้คุณได้แน่นอน
วางแผนย้ายไปเกษียณอายุที่โครเอเชียอย่างไรดี?
การย้ายไปเกษียณอายุที่ต่างประเทศเป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆ หากคุณอยากไปเกษียณอายุที่โครเอเชีย อาจจะลองใช้เวลาสัก 1-2 ปีเพื่อวางแผนและเตรียมตัวดู
2 ปีก่อนย้าย
ถ้าคุณยังไม่เคยไปโครเอเชีย แนะนำว่าควรลองมาเที่ยวดูสักครั้ง ไม่จำเป็นต้องอยู่นาน 1- 3 เดือน แต่อาจจะลองใช้ชีวิตสัก 2 อาทิตย์ ตะเวรไปตามเมืองต่างๆ เพื่อดูว่าเมืองไหนที่คุณชอบ พร้อมทั้งยังทำความคุ้นชินกับอาหาร วัฒนธรรม ชีวิตประจำวัน และระบบขนส่งด้วย เพียงระยะเวลาสั้นๆ นี้ คุณก็สามารถเห็นภาพชัดขึ้นว่าควรเตรียมงบประมาณไว้เท่าไหร่จึงจะเพียงพอต่อการอยู่อาศัย
1 ปีก่อนย้าย
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศให้เยอะขึ้น ทั้งขั้นตอนการขอวีซ่า กฏหมาย ข้อห้ามต่างๆ ที่ต้องทำตามวัฒนธรรมของคนโครเอเชีย และหากใครมีโรคประจำตัว แนะนำให้เริ่มปรึกษากับแพทย์ พูดคุยถึงการรักษาในอนาคต หรือการขอใบส่งตัวมายังโครเอเชีย
9 เดือนก่อนย้าย
ควรเริ่มติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลเพื่อขอวีซ่าพำนักระยะยาว หาข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนผู้เกษียณ เพื่อวางแผนว่าจะปรับตัวอย่างไร นอกจากนี้ ควรเริ่มมองหาที่พักระยะสั้น เพื่อทดลองใช้ชีวิตก่อนการตัดสินใจซื้อบ้านถาวร พร้อมทั้งจัดการเรื่องภาษีในประเทศตนเองและประเทศโครเอเชีย
6 เดือนก่อนย้าย
เริ่มเรียนรู้ภาษาโครเอเชียบ้าง เพื่อช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้น และเริ่มเตรียมเอกสารสำคัญสำหรับขอวีซ่า เช่น หนังสือเดินทาง หลักฐานการเงิน ประกันสุขภาพ และสัญญาเช่าหรือเอกสารเกี่ยวกับที่พัก และถ้าจะซื้อบ้าน ก็ควรเริ่มติดต่อเอเจนซี่หรือนายหน้าเพื่อดูตลาดและหาอสังหาริมทรัพย์ที่ตรงใจ พร้อมทั้งวางแผนจัดการทรัพย์สินในประเทศเดิม เช่น การขายบ้านหรือจัดการขนย้ายของสำคัญ ด้วย
3 เดือนก่อนย้าย
ยื่นขอวีซ่าพำนักระยะยาวและเตรียมตัวสำหรับการเดินทาง ทั้งเรื่องการจองตั๋วเครื่องบิน และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศเดิม เช่น ธนาคารหรือประกันสังคม เพื่อแจ้งเปลี่ยนแปลงที่อยู่ อีกทั้ง ควรเตรียมตัวทางร่างกายและจิตใจให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ที่จะเจอ
1 เดือนก่อนย้าย
ควรตรวจสุขภาพให้เรียบร้อย เตรียมยาที่จำเป็นและตรวจสอบประกันสุขภาพอีกครั้ง รวมถึงเก็บสัมภาระเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ และเตรียมความพร้อมด้านการเงิน เช่น การเปิดบัญชีธนาคารในต่างประเทศ (ถ้าเป็นไปได้) หรือวางแผนการโอนเงินระหว่างประเทศ นอกจากนี้ อย่าลืมเช็คความพร้อมเรื่องที่พักและสร้างเครือข่ายสังคม เช่น ติดต่อกับกลุ่มเพื่อนหรือชุมชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้การเริ่มต้นชีวิตใหม่ราบรื่นและมีเพื่อนคอยช่วยเหลือ