วิธีจดทะเบียนบริษัทในโครเอเชียสำหรับชาวต่างชาติ : ข้อกำหนด ค่าใช้จ่าย และขั้นตอน

How to Register a Company in Croatia Requirements, Costs, and Process

คู่มือจดทะเบียนบริษัทในโครเอเชีย ครอบคลุมข้อกำหนด ขั้นตอน ค่าใช้จ่าย และเอกสารที่ต้องใช้สำหรับนักลงทุนต่างชาติ

ในตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่สปลิท ฉันมักเดินผ่านคาเฟ่เล็กๆ ริมท่าเรือที่เปิดรับนักท่องเที่ยวเพียงครึ่งปี ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิจนถึงปลายฤดูร้อน แล้วก็ปิดยาวในช่วงหน้าหนาว เพื่อให้เจ้าของร้านมีเวลาท่องเที่ยว พักผ่อน หรือกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวในบ้านเกิด ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้ฉันรู้เลยว่า “นี่แหละ คือชีวิตทำงานในฝัน” ทำงานแบบสไตล์ยุโรปของแท้ เพราะทำงานจริงจังเพียง 6 เดือน แล้วใช้เวลาอีก 6 เดือนเพื่อชาร์จพลังให้เต็มที่ มีเวลาทบทวนแผนธุรกิจ หรือแม้กระทั่งออกเดินทางสำรวจยุโรปทั้งทวีปแบบไม่ต้องรีบ

แต่ไม่ใช้เพียงแค่นั้น ประเทศนี้ยังเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าจับตามองของยุโรป เพราะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจต่ำกว่าประเทศอื่นๆในสหภาพยุโรป แถมยังมีทำเลที่ตั้งติดทะเล และท่าเรือใหญ่ๆ หลายแห่ง เชื่อมต่อกับตลาดยุโรปกลางได้สะดวก ระบบภาษีเอื้อต่อผู้ประกอบการ และภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จึงไม่แปลกเลยที่นักลงทุนต่างชาติจะเริ่มหันมามองโครเอเชียเป็นฐานธุรกิจเพื่อเข้าสู่ตลาดยุโรป ทั้งในด้านโรงแรม ร้านอาหาร บริการท่องเที่ยว ไปจนถึงธุรกิจเทคโนโลยี

ด้วยเหตุนี้ โครเอเชียจึงไม่ใช่แค่ประเทศท่องเที่ยว แต่ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าจับตาสำหรับการลงทุนและทำธุรกิจ โดยเฉพาะสำหรับใครที่มองหาสมดุลระหว่าง การทำงาน และ การใช้ชีวิต อย่างแท้จริง

บทความนี้ใช้เวลาอ่านประมาณ 39 นาที ยังไม่มีเวลาอ่านตอนนี้เหรอ? ไม่เป็นไรเลย คุณสามารถส่งเวอร์ชันบทความแบบไม่มีโฆษณาไปที่อีเมลของคุณ แล้วค่อยอ่านทีหลังก็ได้!

คำชี้แจงเรื่องความโปร่งใส: บทความนี้อาจมีลิงก์ไปยังผลิตภัณฑ์หรือบริการจากพันธมิตรของเรา หากคุณคลิกลิงก์เหล่านั้น เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อย ซึ่งอาจมีผลต่อรูปแบบการจัดวางเนื้อหาบางส่วน อย่างไรก็ตาม โปรดวางใจว่า เราแนะนำเฉพาะสิ่งที่เราเชื่อว่ามีประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณจริง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน นโยบายโฆษณา ของเรา.

Contents

  1. ทำไมโครเอเชียถึงน่าสนใจในการทำธุรกิจ?
  2. ธุรกิจที่น่าสนใจในโครเอเชียมีอะไรบ้าง?
    1. ร้านอาหารและคาเฟ่
    2. ธุรกิจให้เช่าที่พักอาศัย
    3. ให้เช่าพื้นที่ Co-working Space 
    4. ธุรกิจทัวร์เชิงประสบการณ์ตามเทรนด์นักท่องเที่ยว
    5. ธุรกิจสินค้าและงานฝีมือท้องถิ่น
    6. ธุรกิจสุขภาพและไลฟ์สไตล์
  3. ธุรกิจไหนที่ไม่ควรทำในโครเอเชีย?
    1. ธุรกิจที่ขายนักท่องเที่ยว
    2. ธุรกิจที่พึ่งพาลูกค้าท้องถิ่นอย่างเดียว
    3. ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก
    4. ธุรกิจที่ต้องใช้แรงงานท้องถิ่น ภาษา และวัฒนธรรม
  4. ต้องเตรียมเงินลงทุนเท่าไหร่จึงจะพร้อมเริ่มธุรกิจ?
  5. ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทในโครเอเชียอย่างละเอียด
    1. การขอวีซ่าธุรกิจเพื่อทำธุรกิจในโครเอเชีย
    2. จดแบบ d.o.o. (Limited Liability Company)  หรือ j.d.o.o. (Simple Limited Liability Company) ดี?
    3. จดทะเบียนรูปแบบอื่นๆ
    4. เอกสารสำหรับการจดทะเบียนบริษัท
    5. ขั้นตอนการเปิดบัญชีธนาคารบริษัทในโครเอเชีย
    6. ขั้นตอนการขอใบอนุญาตประกอบกิจการในโครเอเชีย
  6. การจัดการด้านภาษีในโครเอเชียสำหรับธุรกิจชาวต่างชาติ
    1. VAT
    2. Corporate Income Tax
    3. การดูแลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของพนักงานในโครเอเชีย
  7. กฎหมายและข้อควรรู้ก่อนเริ่มทำธุรกิจในโครเอเชียของชาวต่างชาติ
    1. ข้อบังคับการจ้างแรงงาน
    2. ใบอนุญาตทำงาน
    3. เงินและทรัพย์สิน
    4. ภาษาและเอกสาร
    5. ที่ปรึกษาท้องถิ่น
    6. สำนักงานบัญชี
  8. การถือครองอสังหาริมทรัพย์สำหรับธุรกิจของชาวต่างชาติเป็นอย่างไร?
    1. ค่าใช้จ่ายในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในโครเอเชีย
    2. อสังหาริมทรัพย์สำหรับการจดทะเบียนธุรกิจ
  9. สำนักงานบัญชี ข้อบังคับทางกฎหมายที่ต้องมีสำหรับการทำธุรกิจในโครเอเชีย
  10. ทนายความเสริมความปลอดภัยและความราบรื่นในการดำเนินธุรกิจ
  11. ความท้าทายของผู้ประกอบการต่างชาติในโครเอเชีย
  12. ทำเลธุรกิจไหนที่เหมาะแก่การลงทุนในโครเอเชีย?
    1. ซาเกร็บ (Zagreb) 
    2. ชายฝั่งทะเลเอเดรียติก
    3. โครเอเชียตะวันออก 
    4. เมจิมูร์เย (Međimurje County) 
    5. เขตธุรกิจเฉพาะ (Business Zones) โครงสร้างพร้อม สิทธิประโยชน์ครบ
    6. สรุปความรู้สึกและคำแนะนำส่วนตัว
  13. แหล่งข้อมูลและเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการในโครเอเชีย
  14. ใครที่เหมาะกับการทำธุรกิจในโครเอเชีย?

ทำไมโครเอเชียถึงน่าสนใจในการทำธุรกิจ?

โครเอเชียมีเสน่ห์แบบยุโรปที่ผ่อนคลาย คล้ายกับซีรีส์ดัง Emily In Paris ที่ตัวละครชาวอเมริกันต้องตกใจกับวิถีชีวิตช้าๆ จิบกาแฟเบาๆ ทำงานพอประมาณ แต่พักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเริ่มงานในแต่ละวัน ขณะเดียวกันก็ยังคงคุณภาพชีวิตสูง ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน ทั้งด้านสาธารณสุข การคมนาคม และระบบดิจิทัลที่รองรับการทำงานออนไลน์ได้รวดเร็วทันใจไม่แพ้ประเทศไทย

Museum of arts and crafts in Croatia
ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นที่นิยมในโครเอเชียเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยคนจากยุโรปชอบเดินทางมาพักร้อนที่นี่

โดยเฉพาะหลังการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป โครเอเชียก็เปรียบเสมือนเปิดประตูสู่ตลาดขนาดใหญ่ของชาวยุโรปกว่า 450 ล้านคน การขนส่งสินค้าทำได้สะดวกทั้งทางเรือ เครื่องบิน และรถยนต์ ขณะที่กฎหมายมีความชัดเจน ไม่ซับซ้อน และเอื้อต่อการค้าระหว่างประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจที่โครเอเชียจะกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายที่นักลงทุนและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ต่างหมายตา

และยังมีทำเลทองที่ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือท่องเที่ยวสำคัญ เชื่อมต่อยุโรปตะวันตกและตะวันออกได้ง่าย เมืองท่องเที่ยวอย่างสปลิท ดูบรอฟนิก และซาเกร็บก็เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจ ทั้งโรงแรมบูติก ร้านอาหาร คาเฟ่ และกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาทุกปี อ้างอิงจากการสำรวจของ Institute for Migration Research (ธ.ค. 2024 – ม.ค. 2025) ระบุว่า ชุมชนชาวต่างชาติในโครเอเชียกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนักลงทุน เจ้าของร้านอาหาร ผู้ประกอบการออนไลน์ และกลุ่มนักทำงานอิสระ โดยมีชาวต่างชาติทำงานอยู่ในโครเอเชียราว 136,000 คน ซึ่ง 55% วางแผนจะย้ายครอบครัวมาอยู่ด้วย 19% ตั้งใจอาศัยถาวร และอีกกว่า 30% มีแผนอยู่ต่ออย่างน้อย 5 ปี

นอกจากนี้ โครเอเชียยังเป็นเมืองยอดฮิตของ Digital Nomads โดยมีรายงานว่ามีผู้เดินทางเข้ามามากกว่า 5,000 คนต่อเดือน เฉลี่ยการพำนักราว 2 เดือน เทียบเท่ากับการมีนักทำงานอิสระกว่า 10,000 คนหมุนเวียนอยู่ในประเทศทุกเดือน แสดงว่าประเทศนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ผู้คนเลือกใช้ที่นี่เป็นฐานทำงานและใช้ชีวิตชั่วคราว กลายเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายผู้ประกอบการและคนทำงานอิสระจากทั่วโลก 

อีกหนึ่งจุดเด่นที่หาได้ยากในยุโรป และเป็นความฝันของหลายๆ คน คือ การทำงานที่เหมือนมีวันปิดเทอม โดยเราสามารถทำงาน 6 เดือน และหยุดพักผ่อนอีก 6 เดือน เพื่อให้สอดคล้องกับฤดูกาล อย่างตอนที่ฉันอยู่ที่นั่น ในช่วงหน้าร้อนที่นักท่องเที่ยวหลั่งใหลเข้ามา เราก็ทำงานเต็มที่ สนุกสนาน และเต็มไปด้วยความวุ่นวายจากเรือสำราญที่เข้ามาจอดเทียบท่าไม่เว้นแต่ละวัน ไหนจะเทศกาลดนตรี EDM ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดในโครเอเชียคือ Ultra Europe ซึ่งจัดที่เมืองสปลิต (Split) เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ครึกครื้นและสร้างรายได้ได้กว่า 3,000-5,000 ยูโรต่อวันเลยทีเดียว แต่หลังเดือนตุลาคมเป็นต้นมา เข้าสู่หน้าหนาว บรรยากาศพายุฝนกระหน่ำ เมืองที่เงียบสงบ ทุกคนพักผ่อนอยู่ในบ้านตัวเอง ส่วนฉันเริ่มออกเดินทางเที่ยวทั่วยุโรป ทั้งเยอรมัน เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และเมืองอื่นๆ รอบข้าง เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเติมเต็มและเติมแรงเก็บไว้สู้ชีวิตต่อในหน้าร้อนเลยทีเดียว

ข้อดีของการทำงานหรือทำธุรกิจแบบนี้คือเรามีเวลาในการจัดระเบียบความคิด เริ่มวางแผนโครงการใหม่ๆ หรือคิดปรับปรุงธุรกิจตนเองได้ โดยไม่ต้องแบกรับความกดดันตลอดทั้งปี อีกทั้งค่าครองชีพยังต่ำเป็นพิเศษในช่วงหน้าหนาว ขณะที่คุณภาพชีวิตเทียบเท่าเมืองใหญ่ในเยอรมนี แต่มีอัตราอาชญากรรมต่ำกว่า นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้โครเอเชียกลายเป็นจุดหมายการลงทุนที่มาแรง และเป็นเมืองในฝันของคนรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจ

ธุรกิจที่น่าสนใจในโครเอเชียมีอะไรบ้าง?

สำหรับตัวฉันแล้ว ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวค่อนข้างน่าสนใจมาก เพราะโครเอเชียเป็นประเทศที่ชาวยุโรปนิยมมาเที่ยวกัน นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มดิจิทัลโนแมดหรือผู้เกษียณอายุก็น่าสนใจเช่นกัน แต่แน่นอนว่าแต่ละคนจะมีมุมมองทางธุรกิจที่แตกต่างกัน 

ร้านอาหารและคาเฟ่

​​หากเดินเล่นริมชายหาดในสปลิทช่วงฤดูร้อน เราจะเห็นนักท่องเที่ยวมากมายจิบกาแฟหรือแอลกอฮอล์หลบร้อนอยู่ตามร้านริมทะเล ไม่ว่าจะร้านไหนก็คนแน่นจนบางแห่งต้องรับจองล่วงหน้าเท่านั้น ฉันจึงเข้าใจทันทีว่าทำไมชาวยุโรปจำนวนไม่น้อยถึงเลือกมาเปิด “ร้านอาหารและคาเฟ่” ที่นี่ เพราะโอกาสทำเงินสูงและมีลูกค้าต่างชาติตลอดทั้งวัน 

Typical bread and ham in Croatia
ในฤดูท่องเที่ยวนั้น ร้านอาหารมักจะเต็มไปด้วยลูกค้า แม้ว่าจะไม่ได้โปรโมทอะไรมาก

อย่างตอนที่ฉันดูแลการตลาดให้ร้านอาหารไทยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ลูกค้าก็เต็มทุกโต๊ะและพนักงานทำงานเต็มมือทุกวัน  เพราะได้ทำเลใกล้ท่าเรือ ชายหาด และเมืองเก่า ก็แทบไม่ต้องกังวลเรื่องหาลูกค้า เรียกได้ว่า หากธรรมชาติยังคงงดงาม และเมืองยังรักษาระดับอาชญากรรมต่ำเช่นนี้ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวก็จะยังคงเป็นโอกาสลงทุนที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลจาก Croatian Bureau of Statistics ปี 2024 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวโครเอเชียสร้างรายได้กว่า 24% ของ GDP และความต้องการใช้บริการร้านอาหาร ที่พัก และทัวร์ก็ยังเติบโตต่อเนื่องทุกปี

ธุรกิจให้เช่าที่พักอาศัย

อีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจในโครเอเชียคือ “การให้เช่าที่พักอาศัย” เพราะราคาที่พักมีความผันผวนตามฤดูกาลอย่างที่ฉันเคยเล่าในบทความก่อนหน้านี้ ที่พักระยะยาวโดยเฉพาะบ้านให้เช่าตลอดปีนั้นหายากมาก เพราะส่วนใหญ่จะเน้นปล่อยเช่าเฉพาะช่วงหน้าร้อนเพื่อทำรายได้ให้ได้มากกว่าปกติ หรือถ้าเช่าระยะยาวก็มักจะเป็นช่วงหน้าหนาวแทน รายได้จากธุรกิจนี้จึงค่อนข้างดี และไม่ต้องจัดการซับซ้อน อย่างเพื่อนชาวโครเอเชียของฉันแทบทุกคนมีธุรกิจให้เช่าที่พักเป็นของตัวเอง บางคนมีลูกค้าประจำในช่วงฤดูร้อนโดยไม่ต้องเสียเวลาโปรโมตเพิ่ม ขณะที่บางคนใช้แพลตฟอร์ม Airbnb หรือ Booking.com ก็แทบไม่มีห้องว่างให้เช่าแล้ว แถมยังไม่ต้องทำอะไรมากมายก็มีรายได้ไม่เว้นว่างเลยทีเดียว นี่ไม่ใช่แค่ประสบการณ์ส่วนตัว แต่ยังยืนยันได้จากสถิติของ Croatian Bureau of Statistics ระบุว่าในปี 2024 เมืองอิสเตรียมีผู้เข้าพักกว่า 27.9 ล้านคืน รองลงมาคือเขต Split-Dalmatia ที่มี 18.3 ล้านคืน ซึ่งบ่งชี้ว่า ธุรกิจโฮสเทล อพาร์ตเมนต์ หรือที่พักให้เช่ามีแนวโน้มสร้างรายได้สูง โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของโครเอเชีย

ให้เช่าพื้นที่ Co-working Space 

อีกหนึ่งธุรกิจที่มาแรงไม่แพ้กัน และตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ที่ทำงานแบบรีโมท คือ “พื้นที่ Co-working Space” ที่มักจับคู่กับคาเฟ่บรรยากาศดีในเมืองหลักอย่างซาเกร็บ สปลิท และริเยกา เพื่อตอบรับความต้องการของ Digital Nomads และนักทำงานอิสระที่เดินทางหมุนเวียนเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจนี้ยังถือว่าเป็นตลาดที่ยังไม่ค่อยมีใครทำในโครเอเชีย แต่กลับมีความต้องการสูงมาก ทั้งจากชาวต่างชาติและคนท้องถิ่นที่กำลังมองหาพื้นที่ทำงานที่ตอบโจทย์ความเป็นมืออาชีพและบรรยากาศผ่อนคลาย

ธุรกิจทัวร์เชิงประสบการณ์ตามเทรนด์นักท่องเที่ยว

ในโครเอเชียธุรกิจทัวร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะการท่องเที่ยวในแต่ละที่ต้องอาศัยรถส่วนตัว หรือเรือในการเดินทางไปสัมผัส โดยเฉพาะในหน้าร้อนจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากจองทัวร์ที่สามารถไปได้หลายๆ ที่ เพราะโครเอเชียมีธรรมชาติที่สวยงาม มีทั้งหมู่เกาะ น้ำตก เมืองอนุรักษ์ และสวนมะกอกเก่าแก่ที่ใครก็อยากไปเยี่ยมชม อย่างตอนที่ฉันไปทัวร์ 5 เกาะและถ้ำบลูเคฟ ก็หาจองทัวร์ยากมาก เรือทุกลำเต็มอย่างรวดเร็ว แต่ละเกาะก็เต็มไปด้วยเรือที่รอต่อคิวเข้าท่า และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่อยากมาถ่ายรูป เก็บประสบการณ์และเรียนรู้วิถีชีวิตคนบนเกาะ อีกหนึ่งทัวร์ที่ได้รับความนิยม คือ ทัวร์ชิมไวน์ท้องถิ่นระดับพรีเมียม หรือเวิร์กช็อปทำอาหารพื้นเมือง ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจและสร้างรายได้ได้อย่างแน่นอน

ธุรกิจสินค้าและงานฝีมือท้องถิ่น

นักท่องเที่ยวที่มาเยือนโครเอเชีย มักจะนิยมซื้อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เกี่ยวกับน้ำมันมะกอก หรือทรัฟเฟิลของขึ้นชื่อของที่นี่ ยิ่งสินค้ามีเอกลักษณ์มากเท่าไหร่ยิ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก ถ้าคุณลองไปเดินตามย่านเมืองเก่า จะสังเกตได้เลยว่ามีร้านพวกนี้อยู่ไม่มาก หลายๆ ร้านมีสินค้าคล้ายๆ กัน แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเข้าไปซื้อของติดหมายติดมือเป็นของสะสมและของฝากอยู่เรื่อยๆ อีกทั้ง ธุรกิจประเภทนี้ยังสามารถทำเป็นสินค้าแบบฝากขายในร้านต่างๆ ขายในแหล่งท่องเที่ยว เปิดบูธตามงานเทศกาล หรือขายทางช่องทางออนไลน์ ขยายไปยังตลาดยุโรปได้อีกด้วย

ธุรกิจสุขภาพและไลฟ์สไตล์

ตอนที่ฉันอาศัยอยู่ที่นั่น แทบจะไม่เคยเห็นธุรกิจสปา โยคะ พิลาทิสมากนัก แต่มักจะเห็นฟิตเนสเล็กๆ ตามนอกเมืองมากกว่า ซึ่งแตกต่างจากเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ อย่างในไทยเอง ทุกโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวมักจะมีฟิตเนส และธุรกิจสปาไปในตัว และมักจะได้รับความนิยมจากชาวยุโรปหรืออเมริกัน หรือแม้แต่ในอิตาลี เรามักจะเห็นแพคเกจโยคะแพะ พิลาทิสกลางแจ้ง หรือสปาภูเขาไฟอยู่บ่อยๆ ในโครเอเชียธุรกิจพวกนี้จึงน่าสนใจ เพราะยังเป็นธุรกิจที่ไม่ค่อยมีใครทำ และยังเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์กับเทรนด์สุขภาพในปัจจุบันอีกด้วย

ธุรกิจไหนที่ไม่ควรทำในโครเอเชีย?

แน่นอนว่ามีธุจกิจบางอย่างที่ไม่ค่อยจะเหมาะที่จะทำที่นี่ ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

Nightlife in Croatia
ธุรกิจเป็นที่นิยมของคนที่นี่ แต่ว่าคนท้องถิ่นอาจจะไม่เข้าร้านที่ไม่ได้เปิดโดยคนโครเอเชีย

ธุรกิจที่ขายนักท่องเที่ยว

แม้โครเอเชียจะเปิดโอกาสให้นักธุรกิจชาวต่างชาติได้เข้ามาลงทุนและทำธุรกิจมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม จากประสบการณ์ของฉันในการพูดคุยกับคนโครเอเชียแท้ ๆ หลายคนมักจะบอกว่า “ฉันไม่เคยเข้าร้านอาหารท้องถิ่นที่เจ้าของเป็นชาวต่างชาติ แม้เจ้าของคนนั้นจะมีชื่อเสียงมากแค่ไหนก็ตาม เพราะมันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะให้คนนอกมาทำอาหารบ้านเกิดของฉันโดยไม่ใช่คนท้องถิ่น” หรือ “ถ้าร้านไหนตั้งราคาสูงเกินไป และเน้นขายนักท่องเที่ยวด้วยภาพลักษณ์หรูหราเกินจริง ฉันจะไม่เข้าร้านนั้น เพราะมันไม่ตอบโจทย์ความต้องการของฉัน” ข้อคิดเห็นเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าคนที่นี่ใส่ใจวัฒนธรรมของตัวเอง และความเป็นธรรมชาติของสินค้าและบริการ ซึ่งหากนักธุรกิจต่างชาติอยากลงทุนในธุรกิจท้องถิ่นต้องสร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับให้ได้ก่อน

ธุรกิจที่พึ่งพาลูกค้าท้องถิ่นอย่างเดียว

ในขณะเดียวกัน “ธุรกิจที่พึ่งพาลูกค้าท้องถิ่น” อย่างเดียว มักเจอข้อจำกัดด้านกำลังซื้อ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือเมืองเล็ก ๆ ที่ประชากรลดลงและมีอัตราย้ายถิ่นสูง ทำให้ตลาดค่อนข้างแคบและรายได้ไม่มั่นคง นี่ยังรวมถึงธุรกิจที่แข่งขันสูงและไม่มีจุดขายแตกต่าง เช่น คาเฟ่หรือร้านอาหารทั่วไปในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ที่มักเจอคู่แข่งจำนวนมากและค่าเช่าสูง

อีกปัจจัยที่ต้องระวังคือธุรกิจที่ “พึ่งพาฤดูกาลท่องเที่ยว” มากเกินไป เช่น ทัวร์เรือ กิจกรรมกลางแจ้ง หรือที่พักที่เปิดเฉพาะหน้าร้อน เพราะเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว (พฤศจิกายน–มีนาคม) เมืองท่องเที่ยวหลายแห่งเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด รายได้อาจหายไปเกือบทั้งหมด หากไม่มีแผนหารายได้เสริมในช่วงโลว์ซีซัน ก็จะเสี่ยงขาดทุน และหากไม่มีการวางแผนการเงินให้ครอบคลุมตลอดทั้งปี ก็อาจเผชิญปัญหาสภาพคล่องหรือขาดทุนหมุนเวียนได้ง่าย

ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก

นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าหรือบริการ ก็มักต้องผ่านขั้นตอนทางศุลกากรที่ซับซ้อน มีต้นทุนสูง และระบบราชการที่ล่าช้า สินค้าบางประเภทต้องได้รับใบอนุญาตนำเข้า รวมถึงต้องผ่านมาตรฐานสุขภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวด ทำให้การเริ่มต้นธุรกิจช้าและค่าใช้จ่ายสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิด

ธุรกิจที่ต้องใช้แรงงานท้องถิ่น ภาษา และวัฒนธรรม

สุดท้าย ธุรกิจที่ต้องใช้ “แรงงานท้องถิ่น” จำนวนมากแต่ไม่สามารถจัดการเรื่องภาษาและวัฒนธรรมธุรกิจได้ดี อาจเจอปัญหาด้านการสื่อสารและการบริหารงาน ทำให้กระบวนการดำเนินงานติดขัดและลดประสิทธิภาพโดยรวมลง ยิ่งในโครเอเชียซึ่งกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน บวกกับค่าจ้างที่สูงขึ้น การไม่ปรับตัวกับระบบการทำงานท้องถิ่นจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยง และที่สำคัญ กฎหมายแรงงานโครเอเชียกำหนดว่าธุรกิจต้องจ้างแรงงานท้องถิ่นอย่างน้อย 1 ปีเต็ม ก่อนจึงจะสามารถขออนุญาตจ้างแรงงานต่างชาติได้ ซึ่งกลายเป็นข้อจำกัดสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายกำลังคนอย่างรวดเร็ว

ต้องเตรียมเงินลงทุนเท่าไหร่จึงจะพร้อมเริ่มธุรกิจ?

ถ้าคุณอยากเริ่มธุรกิจในโครเอเชียต้องเตรียมงบประมาณให้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะค่าวีซ่าและใบอนุญาตทำงานซึ่งรวมค่าทำบัตรถิ่นที่อยู่และค่าแปลเอกสารแล้วอยู่ราว 200–400 ยูโร 

ต่อด้วยค่าจดทะเบียนบริษัทที่เริ่มต้นแค่ 1.33 ยูโร รวมค่าธรรมต่างๆ ก็ประมาณ 200 – 500 ยูโร แต่ถ้าเป็นบริษัทที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็จะราวๆ 2,700 – 3,000 ยูโรขึ้นไป

นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอย่างการจ้างสำนักงานบัญชีอยู่ที่ราวๆ 100-300 ยูโรต่อเดือนในแบบถูกที่สุด และควรมีทนายความที่คอยเป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมายค่าบริการอยู่ราว 1,500-3,000 ยูโร

และอาจต้องพิจารณาไปถึงการจดทะเบียนที่อยู่ธุรกิจซึ่งขึ้นอยู่กับทำเล ถ้าถูกหน่อยก็ใช้สำนักงานเสมือนที่มีค่าบริการราวๆ 50 ยูโรต่อเดือน แต่อยากเปิดธุรกิจที่เข้าถึงนักท่องเที่ยว อย่างร้านอาหารคาเฟ่ คุณอาจจะต้องเช่าพื้นที่เพิ่มเติมขึ้นกับทำเล ได้ตั้งแต่ 500 – 5,000 ยูโรเลยทีเดียว แต่หากคุณวางแผนซื้ออสังหาริมทรัพย์อาจจะต้องเตรียมเงินเพิ่มอีกราวๆ 5-7% ของราคาซื้อ

สำหรับค่าจ้างพนักงานตามค่าแรงขั้นต่ำปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 840 ยูโรต่อเดือน (ก่อนหักภาษี) และอย่าลืมเผื่อเงินสำหรับภาษีต่าง ๆ เช่น Corporate Tax และ VAT รวมถึงค่าธรรมเนียมเล็กน้อยประจำปี  

โดยรวมแล้ว​​หากคุณคิดจะเปิดบริษัทขนาดเล็กอย่างประเภท J.d.o.o อาจเริ่มต้นด้วยงบประมาณราวๆ 3,000 – 5,000 ยูโร (ไม่รวมค่าแรงและค่าเช่า) ส่วนธุรกิจขนาดกลางแบบ d.o.o. ควรเตรียมราว 7,000 – 12,000 ยูโร และควรบวกค่าใช้จ่ายส่วนตัวของคุณสำหรับการเริ่มต้นใช้ชีวิตและทำธุรกิจที่นี่ด้วย

ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทในโครเอเชียอย่างละเอียด

หากคุณเริ่มสนใจเปิดบริษัทหรือทำธุรกิจในโครเอเชีย สิ่งแรกที่ต้องเตรียมตัวคือการทำความเข้าใจข้อกำหนดและขั้นตอนทางกฎหมายเบื้องต้น เพราะแม้โครเอเชียจะเปิดกว้างสำหรับธุรกิจและเป็นมิตรต่อผู้ประกอบการชาวต่างชาติ 

making a business contract in Croatia
ในความคิดของฉัน ถ้าอยากจะเปิดบริษัทที่นี่ ใช้ทนายจะดีกว่า เพราะมีกฎเกณฑ์ต่างๆ รวมถึงระบบราชการที่ค่อนข้างจะช้าเลย

แต่ก็ยังมีกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งในด้านการจดทะเบียนบริษัท การขอใบอนุญาตประกอบกิจการ การจัดการด้านภาษี และข้อกำหนดเกี่ยวกับแรงงาน ซึ่งรวมถึงเงื่อนไขการจ้างแรงงานท้องถิ่นและขั้นตอนการขออนุญาตจ้างแรงงานต่างชาติ การเตรียมตัวล่วงหน้าและศึกษาระบบราชการของโครเอเชียอย่างละเอียด จะช่วยลดความเสี่ยงจากความล่าช้าและค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด

การขอวีซ่าธุรกิจเพื่อทำธุรกิจในโครเอเชีย

เรื่องแรกที่คุณต้องรู้คือ “วีซ่า” ถ้าคุณไม่ได้มาจากประเทศในเขตเชงเก้น (Schengen Area) อย่าคิดว่าจะเข้ามาเปิดธุรกิจได้ง่ายๆ เพราะคุณจำเป็นต้องมี “วีซ่าธุรกิจ” หรือใบอนุญาตพำนักที่ถูกต้องก่อน ถึงจะเริ่มดำเนินธุรกิจในโครเอเชียได้ ซึ่งบอกเลยว่ากระบวนการนี้ไม่ยากแค่ช้ามาก ด้วยระบบราชการที่นี่ค่อนข้างล่าช้า ดังนั้น คุณต้องเตรียมเอกสารให้เป๊ะ ทั้งแผนธุรกิจที่ชัดเจน เงินลงทุนที่พร้อม และหลักฐานที่พักในโครเอเชีย รวมถึงเอกสารอื่นๆ ตามที่สถานทูตหรือหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองเรียก ขอแนะนำว่าเตรียมตัวให้ดี แล้วใจเย็นๆ เพราะกระบวนการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของคุณในการใช้ชีวิตที่โครเอเชีย และหากทุกอย่างครบถ้วนและพร้อม ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาก

สำหรับการขอวีซ่าธุรกิจ สิ่งที่ต้องเตรียม คือ

Advertisement
  • หนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุ
  • รูปถ่ายขนาดตามที่สถานทูตกำหนด
  • แบบฟอร์มคำขอวีซ่าที่กรอกข้อมูลครบถ้วน
  • แผนธุรกิจที่ชัดเจน แสดงว่าคุณตั้งใจจะดำเนินกิจการจริง
  • หลักฐานแสดงเงินทุน เช่น สเตทเมนท์ธนาคาร หรือเอกสารการลงทุน
  • หลักฐานที่อยู่ในโครเอเชีย เช่น สัญญาเช่าที่สำนักงาน หรือที่พักอาศัย
  • ประกันสุขภาพระหว่างพำนักในโครเอเชีย
  • อาจต้องมีจดหมายรับรองหรือเอกสารเพิ่มเติมจากพันธมิตรทางธุรกิจหรือหน่วยงานราชการ

ขั้นตอนต่อไป นัดหมายและยื่นคำขอวีซ่าที่สถานทูตโครเอเชียในประเทศของคุณ หรือที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นพร้อมชำระค่าธรรมเนียมซึ่งอยู่ที่ประมาณ 80 – 100 ยูโร ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทาง นอกจากนี้ อาจมีการเก็บข้อมูลทางชีวภาพ เช่น ลายนิ้วมือ เพื่อประกอบการพิจารณา 

หลังจากยื่นเอกสารแล้วจะต้องรอผลการพิจารณาซึ่งโดยทั่วไปใช้เวลาราว 15 วันทำการ แต่บางกรณีอาจนานกว่านั้น เมื่อวีซ่าได้รับการอนุมัติ คุณจะได้รับหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่าธุรกิจที่ระบุระยะเวลาพำนักและสิทธิ์ในการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจในโครเอเชีย 

หลังจากเดินทางถึงโครเอเชียแล้ว ยังต้องดำเนินการลงทะเบียนพำนักที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (MUP) ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้การพำนักถูกต้อง และหลังจากนั้นคุณก็เริ่มมองหาทนาย สำนักงานบัญชี หรือคอนเนคชั่นดีๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจคุณราบรื่นได้เลย 

สำหรับผู้ที่ถือพาสปอร์ตจากประเทศในเขตเชงเก้น (Schengen Area) เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มนี้ จะสามารถเดินทางเข้ามาในโครเอเชียและเริ่มทำธุรกิจได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าธุรกิจล่วงหน้า เนื่องจากโครเอเชียเพิ่งเข้าร่วมเขตเชงเก้น (ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป) ทำให้การเคลื่อนย้ายภายในกลุ่มนี้สะดวกมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากคุณวางแผนจะพำนักในโครเอเชียเพื่อทำธุรกิจระยะยาว การขอใบอนุญาตพำนักชั่วคราว (Temporary Residence Permit) ถือเป็นเรื่องจำเป็น เพราะจะช่วยให้คุณดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกกฎหมาย และไม่ต้องกังวลเรื่องการตรวจสอบสถานะการพำนัก รวมถึงสิทธิ์ในการใช้บริการสาธารณะต่าง ๆ ในโครเอเชียได้ด้วย

จดแบบ d.o.o. (Limited Liability Company)  หรือ j.d.o.o. (Simple Limited Liability Company) ดี?

เราสามารถจดทะเบียนได้หลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับขนาดบริษัท แต่ที่นิยมใช้กันเพราะมีเงินทุนที่ถูก จะมี 2 ประเภท ได้แก่ d.o.o. คือบริษัทจำกัด (Limited Liability Company) และ j.d.o.o. คือบริษัทจำกัดจดทะเบียนง่าย (Simple Limited Liability Company) เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น มีเงินทุนจดทะเบียนต่ำ

โดยการจดบริษัทแบบ d.o.o จะต้องมีเงินทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 2,700 ยูโร (ประมาณ 90,000 บาท) เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการความน่าเชื่อถือ แต่ถ้าหากเป็น j.d.o.o. เงินทุนจดทะเบียนขั้นต่ำเพียง 1.33 ยูโร (ประมาณ 30-40 บาท) เหมาะกับผู้เริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กที่มีเงินทุนจำกัด  

อย่างบริษัทที่ฉันทำงานด้วย ก็จดทะเบียนในรูปแบบ j.d.o.o ใช้เงินทุนเพียงแค่ 1.33 ยูโรโดยประมาณ และจดทะเบียนด้วยที่อยู่บ้านก็แทบจะไม่ต้องใช้เงินลงทุนใดๆ เลย เพียงแต่ต้องไปลงทุนกับค่าเช่าร้านอาหาร และเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ แทน

จดทะเบียนรูปแบบอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบธุรกิจอื่นที่เปิดจดทะเบียนได้ เช่น Obrt หรือธุรกิจเจ้าของคนเดียว เหมาะสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการความเรียบง่ายในการจัดการและต้นทุนต่ำ แต่เจ้าของต้องรับผิดชอบเต็มที่ทางกฎหมายและการเงิน อีกแบบคือ d.d. หรือบริษัทมหาชนจำกัด จะต้องมีเงินทุน 200,000 ยูโรขึ้นไป ซึ่งเหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการระดมทุนจากนักลงทุนสาธารณะ และมีข้อกำหนดเข้มงวดมากกว่า

หรือบริษัทรูปแบบการร่วมทุน (Partnerships) อย่าง k.d. (Komanditno društvo) และ d.n.o. (Društvo s neograničenom odgovornošću) ซึ่งเหมาะกับกลุ่มผู้ลงทุนที่ต้องการแบ่งปันความรับผิดชอบและผลกำไรในธุรกิจ หรือถ้าเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ (Freelancer/Self-employed) ก็สามารถลงทะเบียนได้โดยไม่จำเป็นต้องตั้งบริษัท

ขั้นตอนการจดทะเบียน เริ่มจากการเลือกชื่อบริษัทที่ไม่ซ้ำกับบริษัทอื่นในทะเบียน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ของศาลการค้า จากนั้นต้องเปิดบัญชีธนาคารในโครเอเชียเพื่อฝากเงินทุนจดทะเบียน ขั้นตอนนี้สำคัญเพราะเงินทุนต้องถูกฝากไว้ก่อนการยื่นเอกสารจดทะเบียน

เอกสารสำหรับการจดทะเบียนบริษัท

สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียม ประกอบด้วย

  • บันทึกข้อตกลงจัดตั้งบริษัท (Articles of Association) ซึ่งระบุวัตถุประสงค์บริษัท โครงสร้างผู้ถือหุ้น และการบริหาร หรือใช้ตัวอย่างแบบฟอร์มจากทนายความหรือที่ปรึกษาทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในโครเอเชีย
  • สำเนาหนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชนของผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท เอกสารนี้ผู้ก่อตั้งต้องเตรียมเอง พร้อมแปลเป็นภาษาโครเอเชียและรับรองเอกสาร (apostille) ตามกฎหมายระหว่างประเทศหากเป็นชาวต่างชาติ
  • หลักฐานการฝากเงินทุนจดทะเบียนจากธนาคาร ต้องขอรับจากธนาคารในโครเอเชียที่เปิดบัญชีสำหรับบริษัทก่อนการจดทะเบียน ซึ่งธนาคารจะออกใบรับรองยืนยันยอดเงินฝากให้
  • เอกสารแสดงที่อยู่บริษัท ได้แก่ สัญญาเช่าสำนักงาน หรือเอกสารยืนยันที่อยู่ของสำนักงานเสมือน (virtual office) ซึ่งสามารถขอจากผู้ให้บริการสำนักงานเช่าหรือสำนักงานเสมือนในโครเอเชีย
  • หนังสือมอบอำนาจ หากใช้ตัวแทนในการดำเนินการแทน ต้องร่างและจัดทำหนังสือมอบอำนาจ โดยผู้ก่อตั้งบริษัทเป็นผู้ลงนามและรับรองเอกสารตามขั้นตอนทางกฎหมาย

โดยเอกสารทั้งหมดต้องลงนามและรับรองโดยทนายความ จากนั้นนำไปยื่นจดทะเบียนที่ศาลการค้า เมื่อผ่านการอนุมัติจะได้รับใบอนุญาตจัดตั้งบริษัทและเลขทะเบียนบริษัท

ขั้นตอนการเปิดบัญชีธนาคารบริษัทในโครเอเชีย

การเปิดบัญชีธนาคารสำหรับบริษัทโดยเฉพาะ เปรียบเสมือน “หัวใจของธุรกิจ” ที่จะช่วยให้การดำเนินงานทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินทุนจากลูกค้า การจ่ายค่าใช้จ่าย หรือการทำธุรกรรมต่าง ๆ เป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส โดยบัญชีที่เปิดจะต้องอยู่กับธนาคารที่ได้รับอนุญาตสำหรับธุรกิจในโครเอเชีย เช่น Zagrebačka banka (สาขาของ UniCredit), Privredna banka Zagreb (PBZ), Erste & Steiermärkische Bank, Raiffeisenbank Austria, OTP Bank Croatia หรือ Hrvatska poštanska banka (HPB) เป็นต้น

โดยกรรมการบริษัทหรือผู้มีอำนาจลงนามจะต้องเดินทางไปเปิดบัญชีด้วยตนเอง เพื่อยืนยันตัวตนและยื่นเอกสารสำคัญ ได้แก่ หนังสือเดินทาง เอกสารการจดทะเบียนบริษัท และหนังสือรับรองผู้มีอำนาจลงนาม (Power of Attorney) ซึ่งในบางกรณีธนาคารอาจขอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น แผนธุรกิจหรือแหล่งที่มาของเงินทุน เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบต่อต้านการฟอกเงิน (AML) 

เมื่อเราเซ็นเอกสารครบถ้วนแล้ว จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเปิดบัญชี ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 ยูโร ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารและประเภทบัญชีที่เลือก ส่วนค่าบริการรายเดือนหรือค่าธรรมเนียมธุรกรรมก็จะแตกต่างกันไปตามแพ็กเกจบัญชีที่สมัคร โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็จะได้รับเลขบัญชีธนาคารสำหรับใช้ทำธุรกรรมต่าง ๆ และพร้อมใช้งานได้ทันที

ขั้นตอนการขอใบอนุญาตประกอบกิจการในโครเอเชีย

อย่าลืมเช็กให้ชัวร์ว่า ธุรกิจของคุณอยู่ในกลุ่มที่จำเป็นต้อง “ขอใบอนุญาตประกอบกิจการ (Business License / Business Permit)” หรือไม่ โดยเฉพาะธุรกิจสายอาหาร สุขภาพ การขนส่ง การศึกษา หรือการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภค รวมถึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายเฉพาะที่ควบคุมมาตรฐานคุณภาพอย่างเข้มงวด ใบอนุญาตเหล่านี้จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินการจัดซื้อวัตถุดิบ ขายสินค้าและบริการ รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องและเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้ลูกค้า รวมทั้งลดความเสี่ยงจากการถูกปรับหรือสั่งปิดกิจการได้อีกด้วย

an online meeting in Croatia
นอกจากธุจกิจท่องเที่ยวแล้ว ธุจกิจออนไลน์ก็เป็นที่นิยมในโครเอเชียมากขึ้น

เพราะอะไรธุรกิจเหล่านี้ถึงต้องมีใบอนุญาตประกอบการ?

  • ธุรกิจอาหาร ต้องมีใบอนุญาตเพื่อรับรองว่าปฏิบัติตามมาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหาร
  • ธุรกิจสุขภาพ ต้องมีใบอนุญาตเพื่อรับรองความถูกต้องของการให้บริการทางการแพทย์และความปลอดภัยของผู้ป่วย
  • ธุรกิจขนส่ง ต้องมีใบอนุญาตเพื่อควบคุมความปลอดภัยในการขนส่งและการดำเนินงานที่ถูกกฎหมาย
  • ธุรกิจการศึกษา ต้องมีใบอนุญาตเพื่อรับรองคุณภาพการศึกษาและมาตรฐานของสถาบัน
  • ธุรกิจการเงิน ต้องมีใบอนุญาตเพื่อควบคุมความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของบริการทางการเงิน ป้องกันการทุจริตและฟอกเงิน

คุณสามารถยื่นขอใบอนุญาตนี้ตั้งแต่ตอนจดทะเบียนบริษัท หรือหากทำที่หลังก็ไม่แตกต่างกันเพียงแต่อาจจะยืดเวลาในการเปิดธุรกิจของคุณไปสักหน่อย โดยเอกสารที่คุณต้องใช้ คือ

  • ใบทะเบียนบริษัท (Certificate of Registration) ซึ่งได้จากการจดทะเบียนบริษัทกับศาลการค้าหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในโครเอเชีย
  • แบบฟอร์มคำขอใบอนุญาต ที่สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของหน่วยงานกำกับดูแลหรือกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุขสำหรับธุรกิจสุขภาพ หรือกระทรวงเศรษฐกิจสำหรับธุรกิจทั่วไป
  • เอกสารแสดงความน่าเชื่อถือ เช่น ประวัติผู้บริหาร ใบรับรองวุฒิการศึกษา หรือใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องจัดเตรียมตามข้อกำหนดของแต่ละหน่วยงาน
  • แผนผังสถานที่ประกอบธุรกิจ หรือเอกสารรับรองสถานที่ เช่น สัญญาเช่าสำนักงาน หรือใบรับรองสำนักงานเสมือน (virtual office)
  • เอกสารเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่หน่วยงานเรียกร้อง เช่น ใบอนุญาตด้านสุขอนามัย การตรวจสอบอุปกรณ์ หรือหลักฐานการประกันภัยธุรกิจ ซึ่งมันจะขึ้นอยู่กับธุรกิจและความน่าเชื่อถือของคุณ

โดยสามารถยื่นเอกสารผ่านระบบออนไลน์ หรือยื่นที่สำนักงานโดยตรง หลังจากยื่นแล้ว เจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบเอกสารและเข้าไปดูสถานที่จริง เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจมีตัวตน ไม่ใช้การฟอกเงินแต่อย่างใด ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันตามธุรกิจและหน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ 100 – 1,000 ยูโร และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการตรวจสอบสถานที่และค่าทนายความ ประมาณ 500 – 2,000 ยูโร  

หากผ่านทุกอย่าง จะได้รับ ใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างเป็นทางการ อย่าลืมเก็บไว้อย่างดี เพราะเวลาเจ้าหน้าที่มาตรวจจะต้องโชว์ให้เห็นว่าผ่านการประเมินแล้วจริงๆ และอย่าลืมปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ เช่น ชั่วโมงทำงาน มาตรฐานความปลอดภัย หรือการรายงานประจำปี รวมถึงการต่ออายุใบอนุญาตตามกำหนดเวลา ถ้าปล่อยให้เลยกำหนด มีสิทธิ์โดนปรับหรือโดนสั่งให้หยุดกิจการเลย

การจัดการด้านภาษีในโครเอเชียสำหรับธุรกิจชาวต่างชาติ

ไม่ว่าจะใช้ชีวิตหรือทำธุรกิจที่ไหน ก็หนีไม่พ้นเรื่องภาษี  เราลองมาดูกันว่ามีภาษีอะไรบ้างที่สำคัญต่อเจ้าของกิจการในโครเอเชีย

VAT

เมื่อธุรกิจมีการซื้อขายสินค้าหรือบริการ และมีรายได้เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด หรือประมาณ 40,000 ยูโรต่อปี จะต้องลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)  กับสำนักงานสรรพากร โดยอัตราภาษี VAT อยู่ที่ประมาณ 25% 

ข้อดี คือ ช่วยให้ธุรกิจสามารถเรียกเก็บภาษีจากลูกค้าและสามารถหักภาษีซื้อที่จ่ายไปได้ตามกฎหมาย ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารไทยที่ฉันทำงานอยู่ จะต้องไปซื้อวัตถุดิบ เช่น ผักและเนื้อสัตว์ที่ร้านค้าส่งอย่าง Metro ซึ่งมีการคิด VAT ในบิล เมื่อร้านอาหารจดทะเบียน VAT แล้ว ก็สามารถขอคืนภาษี VAT ที่จ่ายไปกับกรมสรรพากรได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถเรียกเก็บ VAT จากลูกค้าที่มารับประทานอาหารในร้านได้ตามอัตราที่กำหนด นั่นหมายความว่าร้านอาหารจะไม่เสีย VAT ซ้ำสอง เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องเสีย VAT ด้วยตัวเองถ้าบริหารจัดการส่วนนี้ได้ดี

Corporate Income Tax

นอกจากนี้ ธุรกิจยังต้องรับผิดชอบภาษีรายได้บริษัท (Corporate Income Tax) อีกเล็กๆ น้อย โดยอัตราภาษีจะอยู่ในช่วง 10-18% ขึ้นอยู่กับรายได้ของบริษัท หรือก็คือการจ่ายภาษีจากกำไรสุทธิที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไปแล้ว เช่น ค่าเช่าสำนักงาน ค่าวัตถุดิบ เงินเดือนพนักงาน เป็นต้น และธุรกิจยังต้องดูแลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของพนักงานที่จ้างงาน ซึ่งต้องนำส่งให้กับกรมสรรพากรตามกฎหมายด้วย

ในกรณีที่คุณทำธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมท้องถิ่น ต้องรับผิดชอบภาษีท้องถิ่น ภาษีทรัพย์สิน หรือภาษีสิ่งแวดล้อม  เช่น โรงงานหรือธุรกิจที่ใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ อาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติมในอัตราที่แตกต่างกันตามเขตพื้นที่และข้อกำหนดของเทศบาลท้องถิ่น โดยภาษีทรัพย์สินส่วนใหญ่จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากมูลค่าทรัพย์สินหรือที่ดิน ซึ่งอาจอยู่ในช่วงประมาณ 0.1% ถึง 1% ต่อปี ส่วนภาษีสิ่งแวดล้อมจะคำนวณตามประเภท และปริมาณของสารหรือกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่นั้น ๆ

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การยื่นภาษีให้ถูกต้องและตรงตามกำหนดของกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นภาษีบริษัท ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีเงินได้ของพนักงาน ที่ต้องนำส่งเป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส  หรือภาษีรายได้บริษัทจะต้องยื่นเป็นรายปี ภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไปหลังสิ้นปีภาษี หากไม่ดำเนินการตามกำหนดเวลา อาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางการเงินและกฎหมาย เช่น การถูกปรับหรือถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากกรมสรรพากร ซึ่งอาจสร้างความยุ่งยากและเสียเวลาโดยไม่จำเป็น

การดูแลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของพนักงานในโครเอเชีย

ไม่ว่าจะจ้างคนท้องถิ่นหรือชาวต่างชาติ สิ่งหนึ่งที่บริษัทต้องใส่ใจเป็นพิเศษ คือ การดูแลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของพนักงาน ซึ่งถือเป็นหน้าที่หลักที่นายจ้างต้องรับผิดชอบ เพื่อให้ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายและระบบภาษีดำเนินไปอย่างราบรื่น

โดยนายจ้างจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) จากเงินเดือนของพนักงานทุกเดือน ซึ่งอัตราภาษีส่วนบุคคลในโครเอเชียเริ่มต้นที่ประมาณ 20% และอาจสูงขึ้นถึง 30% ขึ้นอยู่กับระดับรายได้ของแต่ละคน หลังจากนั้นนายจ้างต้องนำส่งเงินภาษีนี้ให้กับสำนักงานสรรพากรตามกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ บริษัทยังต้องรับผิดชอบเรื่องเงินสมทบประกันสังคมและประกันสุขภาพ ซึ่งรวมถึงเงินสมทบเข้ากองทุนบำนาญ กองทุนว่างงาน และประกันสุขภาพ โดยอัตราเงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 16.5% ของเงินเดือนพนักงาน ส่วนพนักงานจะถูกหักเงินสมทบประมาณ 20% จากเงินเดือนตัวเอง 

สำหรับพนักงานชาวต่างชาติ จะมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างจากคนท้องถิ่นเล็กน้อย หากพนักงานต่างชาติอยู่ในโครเอเชียเกิน 183 วันในปีภาษี จะถือเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่และต้องเสียภาษีเหมือนกับคนท้องถิ่น แต่ถ้าไม่ถึงเกณฑ์นี้ พวกเขาจะต้องเสียภาษีเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากแหล่งในโครเอเชีย (Non-resident tax) ซึ่งบริษัทต้องตรวจสอบสถานะและดำเนินการหักภาษีให้ถูกต้องตามข้อกำหนดเท่านั้น

กฎหมายและข้อควรรู้ก่อนเริ่มทำธุรกิจในโครเอเชียของชาวต่างชาติ

มีกฎหมายบางข้อที่เราสมควรจะต้องรู้ก่อนที่จะเปิดบริษัทที่โครเอเชีย

ข้อบังคับการจ้างแรงงาน

เริ่มกันที่เรื่อง “คนทำงาน”  เพื่อผลประโยชน์ของคนในประเทศ กฏหมายกำหนดว่า บริษัทต้องมีพนักงานที่เป็นคนโครเอเชีย หรือพลเมืองสหภาพยุโรปอย่างน้อย 1 คน และทำงานครบ 1 ปี จึงจะจ้างพนักงานชาวต่างชาติได้ ซึ่งข้อกำหนดนี้พึ่งถูกปรับเปลี่ยนเมื่อต้นปี 2025 เพื่อรักษาสมดุลของแรงงานในประเทศ รวมถึงจะต้องมีความชัดเจนเรื่องสัญญาจ้าง ชั่วโมงทำงาน ค่าแรงขั้นต่ำ ไปจนถึงสิทธิ์ของพนักงานและกฎความปลอดภัย ซึ่งต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่งั้นอาจมีปัญหาใหญ่ตามมา โดยเฉพาะถ้าอยากเลิกจ้าง ก็ต้องทำตามขั้นตอนอย่างถูกกฎหมายเช่นกัน

ใบอนุญาตทำงาน

ส่วนแรงงานต่างชาติ ก็ต้องขอ “ใบอนุญาตทำงาน” (work permit) และก็มีกฎเกณฑ์ว่าไม่ใช่ทุกตำแหน่งจะจ้างได้ทันที เพราะบางตำแหน่งมีโควต้า ต้องวางแผนดีๆ เช่น วิศวกรไอที, นักพัฒนาซอฟต์แวร์, นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค เป็นต้น

เงินและทรัพย์สิน

ต่อมา “เงินและทรัพย์สิน”  ก็เป็นสิ่งสำคัญ นักลงทุนต่างชาติสิทธิ์และหน้าที่ไม่ต่างจากคนโครเอเชียเลย จะตั้งบริษัทใหม่ หรือเข้าถือหุ้นในบริษัทที่มีอยู่ก็ได้ แต่ระวังไว้ว่า ธุรกิจบางประเภท เช่น ธนาคาร บริษัทประกัน หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารและสุขภาพ อาจต้องขอ “ใบอนุญาตเฉพาะ” ก่อนเริ่มธุรกิจ

ภาษาและเอกสาร

เรื่อง “ภาษาและเอกสาร” เพราะเอกสารสำคัญเกือบทั้งหมดจะเป็นภาษาโครเอเชีย ถ้าคุณไม่เก่งภาษานี้ การหาล่ามหรือนักแปลที่ผ่านการรับรองจะช่วยคุณได้มาก

ที่ปรึกษาท้องถิ่น

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด “ที่ปรึกษาท้องถิ่น” ถือเป็นตัวช่วยสำคัญมาก หากคุณวางแผนจะจดทะเบียนบริษัทหรือขอใบอนุญาต ควรมีที่ปรึกษาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะพวกเขาจะเข้าใจขั้นตอนและเอกสารที่ต้องใช้  ช่วยให้การดำเนินงานเรื่องจดทะเบียนบริษัท ภาษี และแรงงานเป็นไปอย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาวได้ด้วย

สำนักงานบัญชี

นอกจากนี้ “การทำสัญญากับสำนักงานบัญชี” ที่ได้รับอนุญาตในโครเอเชียก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกบริษัท เพราะกฎหมายกำหนดให้ธุรกิจต้องจัดทำบัญชีและรายงานทางการเงินตามมาตรฐานที่กำหนด

การถือครองอสังหาริมทรัพย์สำหรับธุรกิจของชาวต่างชาติเป็นอย่างไร?

โครเอเชียเปิดกว้างให้ชาวต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ และสามารถซื้อในนามบริษัทจดทะเบียนในโครเอเชียได้เช่นเดียวกัน โดยมีข้อแม้ว่าต้องทำความเข้าใจกฏระเบียบและขั้นตอนต่างๆ ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ก่อน เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง 

ชาวต่างชาติที่เป็นพลเมือง EU/EEA ซื้อที่ดินได้ทุกประเภทเหมือนกับชาวโครเอเชีย  และชาวต่างชาติที่เป็นพลเมืองนอก EU/EEA จะต้องขออนุญาตซื้ออสังหาริมทรัพย์จากหน่วยงานท้องถิ่นและกระทรวงยุติธรรม ซึ่งสามารถขอซื้อในนามบริษัทที่จดทะเบียนในโครเอเชียได้ โดยต้องมีเอกสารประกอบทั้ง สำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัท, ข้อมูลผู้ถือหุ้น, หนังสือเดินทางของผู้มีอำนาจลงนาม และเอกสารอื่น ๆ 

นักลงทุนควรเจรจาและพูดคุยกับเจ้าของที่ดิน รวมถึงตรวจสอบข้อจำกัดของพื้นที่นั้น ๆ ให้ชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งที่ดินที่ชาวต่างชาติสามารถซื้อได้จะเป็นที่ดินสำหรับที่อยู่อาศัยอย่างบ้าน อาคารพาณิชย์ หรืออพาร์ตเมนต์ รวมถึงที่ดินในเขตเมืองที่พัฒนาแล้ว ที่ดินเพื่อการท่องเที่ยว เช่น รีสอร์ตหรือโรงแรม แต่ที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม จะขึ้นอยู่กับกฎหมายท้องถิ่นและเงื่อนไขอนุญาต ซึ่งจะตรวจสอบเป็นรายแปลงไป

อย่างไรก็ตาม มีที่ดินบางประเภทที่อาจซื้อได้ยากหรือมีข้อจำกัด เช่น ที่ดินเกษตรบางประเภท โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่คุ้มครอง ที่อาจต้องขออนุญาตพิเศษก่อน รวมถึงที่ดินในเขตป้องกันสิ่งแวดล้อมหรือเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่มีกฎระเบียบจำกัดการใช้ประโยชน์ และที่ดินที่เป็นของรัฐหรือสาธารณะบางประเภท ที่ดินเขตชายแดนยังมีกฎหมายควบคุมเข้มงวดที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เป็นต้น

ค่าใช้จ่ายในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในโครเอเชีย

สำหรับค่าใช้จ่ายหลักในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในโครเอเชีย นอกจากราคาซื้อที่ขึ้นอยู่กับทำเลและประเภทของอสังหาริมทรัพย์ เช่น อพาร์ตเมนต์ในซาเกร็บราคาเริ่มต้นประมาณ 1,500-3,000 ยูโรต่อตารางเมตร หรือในเมืองท่องเที่ยวอย่างสปลิทและดูบรอฟนิกที่ราคาสูงกว่า ยังมีค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 3% ของราคาซื้อ ค่าทนายความและที่ปรึกษาที่มักอยู่ในช่วง 1,000-2,500 ยูโร ขึ้นกับความซับซ้อนของการทำธุรกรรม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าผู้รับรองเอกสาร ค่าจดทะเบียนที่ดิน รวมแล้วประมาณ 1,000 ยูโรขึ้นไป

เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น สมมติว่าคุณซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่า 100,000 ยูโร จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 3,000 ยูโร รวมถึงค่าทนายความและที่ปรึกษาเฉลี่ยราว 1,500 ยูโร และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ประมาณ 1,000 ยูโร รวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 105,500 ยูโร ซึ่งแม้จะไม่ใช่จำนวนเงินเล็กน้อย แต่ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความมั่นคงและโอกาสลงทุนระยะยาวในโครเอเชีย

อสังหาริมทรัพย์สำหรับการจดทะเบียนธุรกิจ

หากคุณจดทะเบียนธุรกิจ แน่นอนว่าต้องมีที่อยู่ทางธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถติดต่อกับราชการได้อย่างสะดวก โดยในกรณีแรก หากคุณไม่มีแพลนจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ คุณสามารถใช้บ้านของตนเองที่อยู่ในโครเอเชียในการจดทะเบียนได้ กรณีถัดมา คือ เช่าพื้นที่อื่นๆ สำหรับดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะ ซึ่งมีตั้งแต่ร้านอาหาร สำนักงาน หรือสำนักงานเสมือน (virtual office) ให้คุณเลือกเช่า ซึ่งมีค่าบริการแตกต่างกันไปตามพื้นที่

ตัวอย่างเช่น  ค่าเช่าสำนักงานจริงในเมืองต่าง ๆ ของโครเอเชีย จะมีช่วงราคาที่แตกต่างกัน เช่น

  • ในซาเกร็บ เมืองหลวง ค่าเช่าสำนักงานทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 400-800 ยูโรต่อเดือน สำนักงานคุณภาพดีระดับ Class A จะมีราคาประมาณ 16-20 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน
  • ในสปลิท เมืองชายทะเล ค่าเช่าพื้นที่ในตัวเมืองสูงขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ 500-700 ยูโรต่อเดือน แต่ถ้าคุณเลือกพื้นที่นอกเมือง ราคาจะลดลงมาเหลือประมาณ 300-400 ยูโรต่อเดือน
  • ในดูบรอฟนิก เมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ค่าเช่าสำนักงานในทำเลกลางเมืองจะสูงกว่าที่อื่นมาก อยู่ระหว่าง 700-1,200 ยูโรต่อเดือน ขึ้นอยู่กับขนาดและทำเลที่ตั้ง
  • เมืองรองอย่างริเยกา หรือโอซิเยค ราคาค่าเช่าสำนักงานจะถูกกว่ามาก อยู่ที่ประมาณ 200-350 ยูโรต่อเดือน

แต่หากคุณตั้งใจเปิดธุรกิจบริการ เช่น ร้านอาหารหรือคาเฟ่ คุณอาจต้องมีหน้าร้านและสำนักงานแยกกัน ซึ่งอาจทำให้คุณมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า ค่าเช่าจะแตกต่างกันตามทำเล เช่น ร้านอาหารที่ฉันเคยทำงานให้ เป็นร้านอาหารขนาดเล็ก 5×5 ตารางเมตร ติดท่าเรือในสปลิท ซึ่งเป็นทำเลที่นักท่องเที่ยวจากเรือสำราญแวะเวียนตลอดช่วงหน้าร้อน มีค่าเช่าเฉลี่ยเดือนละ 3,000 ยูโรต่อเดือน โดยจะต้องจ่ายเป็นเงินก้อนเต็มสัญญา 5 ปี ไม่มีค่ามัดจำ แต่ก็แลกมาด้วยโอกาสทำรายได้ในช่วงฤดูท่องเที่ยวที่สูงมาก โดยเฉลี่ยวันละประมาณ 3,000 – 4,000 ยูโรในหน้าร้อน และ 400 – 600 ยูโรในหน้าหนาว นับว่าคุ้มค่าและเหมาะสมกับการลงทุนเลยทีเดียว 

สำนักงานบัญชี ข้อบังคับทางกฎหมายที่ต้องมีสำหรับการทำธุรกิจในโครเอเชีย

โครเอเชียมีข้อบังคับชัดเจนว่า ธุรกิจจะต้องทำสัญญากับสำนักงานบัญชีที่ได้รับอนุญาตโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยดูแลตั้งแต่การบันทึกบัญชีประจำวัน ไปจนถึงการคำนวณและยื่นแบบภาษี ตลอดจนตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารทางการเงิน เป็นข้อผูกมัดว่าธุรกิจคุณจะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่มีที่ติใดๆ และไม่ต้องกังวลเรื่องความผิดพลาดที่อาจตามมาในภายหลัง

บริการระดับมืออาชีพจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง เช่น PwC Croatia ที่ให้บริการครบวงจรทั้งบัญชี ภาษี กฎหมาย และที่ปรึกษาธุรกิจ โดยค่าบริการสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่หรือข้ามชาติมักอยู่ในช่วงหลักพันถึงหลักหมื่นยูโรต่อปี หรือ Deloitte Croatia ที่เน้นตรวจสอบบัญชีและให้คำปรึกษาด้านการเงิน เหมาะสำหรับบริษัทขนาดกลางถึงใหญ่ โดยค่าบริการเริ่มต้นประมาณ 2,000 ยูโรต่อปีขึ้นไป

แต่สำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพ สามารถเลือกใช้บริการสำนักงานบัญชีขนาดเล็ก ค่าบริการจะอยู่ในช่วง 100-300 ยูโรต่อเดือน หรือประมาณ 1,200-3,600 ยูโรต่อปี โดยบริการครอบคลุมการจัดทำบัญชีรายวัน การคำนวณและยื่นแบบภาษีพื้นฐาน รวมถึงคำปรึกษาด้านภาษีเบื้องต้น

ทนายความเสริมความปลอดภัยและความราบรื่นในการดำเนินธุรกิจ

หากคุณไม่มั่นใจเรื่องกฎหมายและขั้นตอนการดำเนินธุรกิจในโครเอเชีย การมีทนายความย่อมดีกว่า เพราะเปรียบเสมือนคู่คิดทางธุรกิจที่ช่วยให้เราดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น  ตั้งแต่การวางแผนว่าจะจัดตั้งธุรกิจในรูปแบบใด ต้องใช้เอกสารและขั้นตอนอะไร ใช้เวลานานแค่ไหน ไปจนถึงการดำเนินการจริง เช่น การจดทะเบียนบริษัท การร่างหรือแก้ไขสัญญา การขอใบอนุญาตพิเศษ และการจัดการข้อพิพาททางกฎหมายต่าง ๆ สิ่งเดียวที่คุณต้องทำคือ ตัดสินใจและเซ็นเอกสาร และหากทนายความพูดภาษาโครเอเชียได้ ก็จะช่วยให้การติดต่อกับหน่วยงานราชการง่ายขึ้นอีกมาก

ค่าบริการทนายความขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ ความซับซ้อนของงาน และชื่อเสียงของผู้ให้บริการ โดยทั่วไปมี 2 รูปแบบหลัก คือ อัตราคงที่ (Fixed Fee) อยู่ที่ประมาณ 1,000–3,000 ยูโร ต่อโครงการ และ คิดตามชั่วโมง (Hourly Rate) ที่ราว 80–250 ยูโรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ยังอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนศาล 60–100 ยูโร ค่าแปลเอกสารอย่างเป็นทางการ ค่าธรรมเนียม Notary Public สำหรับรับรองเอกสาร ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำของบริษัทตั้งแต่ 1.33 – 2,500 ยูโร

อย่างไรก็ตาม การมีทนายความที่น่าเชื่อถือ เปรียบเสมือน “เกราะป้องกัน” ที่ทำให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าได้อย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยง และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในตลาดโครเอเชียที่เชื่อมต่อกับกฏหมายสหภาพยุโรปที่มีความเคร่งครัด

ความท้าทายของผู้ประกอบการต่างชาติในโครเอเชีย

สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกท้อใจมากตอนอยู่ที่นั่นคือระบบราชการ ซึ่งไม่ได้แค่ช้าเท่านั้น แต่ยังซับซ้อนและไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน กระบวนการต่าง ๆ มักเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ถ้าคุณไปติดต่อครั้งแรกเพื่อสอบถามขั้นตอน อาจได้คำตอบที่แตกต่างจากครั้งถัดไป จนต้องเตรียมตัวและเอกสารใหม่อีกครั้งอยู่บ่อย ๆ ดังนั้น ทนายความจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ได้ถูกต้อง รักษาสิทธิ์ของคุณ และประสานงานกับหน่วยงานราชการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับคนที่ต้องการมีรายได้สม่ำเสมอตลอดทั้งปี โครเอเชียอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ตอบโจทย์นัก เพราะรายได้มักผันผวนตามฤดูกาล โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นหลัก คุณอาจต้องเจอกับช่วงโลว์ซีซั่นที่เงียบเหงา และบางครั้งยังมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือแม้แต่ความตึงเครียดจากสงครามในภูมิภาค ซึ่งล้วนส่งผลให้เศรษฐกิจและธุรกิจชะลอตัวลง

ด้านวัฒนธรรมธุรกิจ โครเอเชียมักให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ส่วนตัวและความไว้เนื้อเชื่อใจ หากมีเวลา ก็ควรไปเดินเล่นรอบๆ เมือง แนะนำตัวเอง และสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี กับคนรอบข้าง เพราะพวกเขาจะช่วยสนับสนุนธุรกิจของคุณในช่วงเริ่มต้นได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญอย่าทำตัวเหยียดหยามหรือโอ้อวดจนเกินไป เพราะอาจทำให้คนโครเอเชียรู้สึกไม่ดี และอย่าลืมว่า! การบอกปากต่อปากในโครเอเชียนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก

ทำเลธุรกิจไหนที่เหมาะแก่การลงทุนในโครเอเชีย?

ตัวฉันเองจบทางด้านบริหารธุรกิจมา ช่วงที่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ฉันมักจะตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ ว่า ถ้าได้มีโอกาสเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองที่นี่ ควรเลือกทำเลไหนที่จะเหมาะและมีศักยภาพสูงสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ยิ่งช่วงปี 2024 ทั้งผ่านพ้นโรคระบาด และเข้าร่วมกับสหภาพยุโรป มีการเปลี่ยนสกุลเงินมาใช้ยูโร ยิ่งดูเหมือนจะเหมาะกับการลงทุนและเปิดโอกาสใหม่ๆ ได้มาก เวลาฉันเดินทางไปที่ไหนๆ ก็จะสังเกตร้านค้าต่างๆ ว่าขายดีมากน้อยเพียงใด และทำเลไหนที่เหมาะแก่การลงทุนบ้าง

ซาเกร็บ (Zagreb) 

ช่วงที่ฉันไปเที่ยวซาเกร็บ แม้จะเป็นช่วงเดือนตุลาคมแล้ว แต่กลับรู้สึกว่ายังคึกคักและเต็มไปด้วยผู้คน โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่ช่วยหล่อเลี้ยงธุรกิจให้ดำเนินไปได้ตลอดทั้งปี เมืองนี้เต็มไปด้วยหนุ่มสาวที่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ  ฉันยังได้พูดคุยกับคนไทยที่เปิดธุรกิจค้าขายสินค้าเอเชียที่นี่ เขาบอกว่าเขามีรายได้ตลอดปี เพราะซาเกร็บมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีมาก ทั้งระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม และการเชื่อมต่อที่สะดวกสู่ยุโรปใกล้กับประเทศอย่างออสเตรีย อิตาลี และฮังการี นอกจากนี้ เขายังขยายธุรกิจด้วยการขายออนไลน์ ส่งสินค้าไปทั่วโครเอเชียได้ด้วย

Zagreb street
ซาเกร็บค่อนข้างเหมาะในการทำธุจกิจ เพราะมีงานสัมมนาและโอกาศทางธุรกิจค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ

ซาเกร็บยังมีงานสัมมนาและกิจกรรมทางธุรกิจให้เข้าร่วมมากมาย ทำให้ผู้ประกอบการใหม่สามารถสร้างเครือข่ายและเข้าถึงคนในแวดวงธุรกิจได้ง่ายขึ้น เมืองนี้จึงเป็นหนึ่งในทำเลที่เหมาะสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตทั้งในตลาดภายในและเชื่อมต่อกับตลาดยุโรปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาก 

สำหรับค่าเช่าออฟฟิศหรือร้านค้าในซาเกร็บ โดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองหรือบริเวณที่มีสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ค่าเช่าจะค่อนข้างสูงและขึ้นอยู่กับทำเลและขนาดพื้นที่โดยประมาณ อย่างออฟฟิศขนาดเล็ก-กลางในย่านใจกลางเมือง ค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 15-25 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน หรือร้านค้าหรือพื้นที่ขายปลีกในย่านช้อปปิ้งหรือสรรพสินค้าใหญ่ ค่าเช่าจะสูงขึ้นมาก ประมาณ 30-50 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือนโดยประมาณ สำหรับออฟฟิศนอกใจกลางเมือง หรือพื้นที่ชานเมือง ค่าเช่าจะถูกลง อาจเริ่มต้นที่ประมาณ 7-12 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน

ชายฝั่งทะเลเอเดรียติก

ถ้าคุณสนใจลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยว แนะนำให้ไปที่ชายฝั่งทะเลเอเดรียติก เช่น สปลิต ดูบรอฟนิก ปูลา และซาดาร์ เมืองเหล่านี้มีชื่อเสียงและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ธุรกิจโรงแรม คาเฟ่ ร้านอาหาร และบริการท่องเที่ยวจึงคึกคักเป็นพิเศษในช่วงไฮซีซั่น ถึงแม้ค่าครองชีพและค่าเช่าพื้นที่ในฤดูร้อนจะสูงมาก แต่รายได้และโอกาสทางธุรกิจก็มากตามไปด้วย

ในเมืองอย่างดูบรอฟนิกและสปลิต นอกจากภาคท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งแล้ว ยังมีการผสมผสานกับธุรกิจเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ เช่น บริการเรือยอชต์ หรือสตาร์ทอัพที่เน้นไลฟ์สไตล์ริมทะเล ทำให้เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาธุรกิจหลากหลายรูปแบบ

สำหรับปูลาและซาดาร์ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศสงบ แต่ยังคงต้องการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชายหาดและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างมาก

ส่วนเรื่องค่าเช่าพื้นที่ในทำเลเหล่านี้ โดยเฉพาะบริเวณใจกลางเมืองหรือพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ราคาเช่าร้านค้าหรือออฟฟิศมักอยู่ในช่วง 20-60 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน ขึ้นอยู่กับขนาดและทำเล สำหรับพื้นที่ขนาดเล็กในทำเลรองลงมาหรือชานเมือง ราคาจะต่ำกว่านี้ประมาณ 10-20 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน

โครเอเชียตะวันออก 

หากคุณกำลังมองหาพื้นที่ลงทุนที่ต้นทุนไม่สูงและมีโอกาสเติบโต โครเอเชียตะวันออก เช่น เมืองโอซิเยกและวูโควาร์ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ พื้นที่เหล่านี้มีที่ดินกว้าง เหมาะกับธุรกิจด้านเกษตร อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และโลจิสติกส์ จุดเด่น คือ ได้รับเงินสนับสนุนจากสหภาพยุโรปเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและชุมชน ทำให้มีโอกาสสร้างธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมพื้นที่ แม้จำนวนประชากรจะลดลงในบางเมือง แต่ก็เป็นข้อดีสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่ยังไม่แออัด และสามารถสร้างฐานลูกค้าได้ตั้งแต่แรกเริ่ม
ราคาค่าเช่าในโครเอเชียตะวันออกถือว่าต่ำกว่าซาเกร็บหรือเมืองชายฝั่งอย่างมาก ออฟฟิศหรือร้านค้าขนาดเล็กในย่านเมือง ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5 – 10 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน ส่วนพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น คลังสินค้า หรือโรงงาน อาจเริ่มต้นเพียง 3 – 6 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน ทำให้เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้พื้นที่เยอะ แต่ต้องการประหยัดต้นทุนในระยะยาว

เมจิมูร์เย (Međimurje County) 

แม้จะเป็นพื้นที่ที่ฉันยังไม่เคยไปเยือนด้วยตัวเอง แต่ชื่อเสียงของเมจิมูร์เยมักถูกพูดถึงบ่อยครั้งจากเพื่อนชาวโครเอเชียว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของประเทศ ด้วยทำเลที่ตั้งใกล้ชายแดนฮังการีและออสเตรีย จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำหรับธุรกิจการค้าและโลจิสติกส์ เชื่อมต่อกับยุโรปกลางได้อย่างรวดเร็วและสะดวก

ที่นี่ผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร มีโรงงานแปรรูปโลหะทันสมัย ศูนย์วิจัยเทคโนโลยี และสถาบันฝึกอบรมบุคลากรด้านวิศวกรรม ทำให้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาฐานการผลิตหรือศูนย์วิจัยที่สามารถเข้าถึงตลาดส่งออกขนาดใหญ่ได้ง่าย แม้เมจิมูร์เยจะไม่ใช่พื้นที่ที่เหมาะสำหรับทำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือคาเฟ่ แต่กลับโดดเด่นอย่างมากในธุรกิจภาคอุตสาหกรรมวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ ที่ต้องการเทคโนโลยีและบุคลากรเฉพาะทาง

สำหรับค่าเช่าพื้นที่ทำธุรกิจในเมจิมูร์เยถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับศักยภาพของพื้นที่ พื้นที่อุตสาหกรรมหรือโรงงานอยู่ที่ประมาณ 4–7 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน ขณะที่พื้นที่สำนักงานหรือออฟฟิศอยู่ที่ 8–12 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน ถือเป็นต้นทุนที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนระยะยาวในยุโรป

เขตธุรกิจเฉพาะ (Business Zones) โครงสร้างพร้อม สิทธิประโยชน์ครบ

นอกจากนี้ โครเอเชียยังมีพื้นที่ธุรกิจเฉพาะที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบครัน ทั้งระบบไฟฟ้า น้ำประปา ถนนเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะช่วยลดต้นทุนได้ โดยจะเรียกพื้นที่เล่านี้แตกต่างกันไป เช่น Business Zone Ungarija ตั้งอยู่ในเมือง Umag เหมาะกับธุรกิจอุตสาหกรรมเบาและการผลิต และ IT Park ตั้งอยู่ในเมือง Osijek  เหมาะสำหรับธุรกิจเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ และบริการดิจิทัล ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกทำเลที่ตรงกับความต้องการได้อย่างแม่นยำ

ค่าเช่าในเขตธุรกิจเหล่านี้ถือว่าประหยัดเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ พื้นที่ในเขตอุตสาหกรรมมีราคาอยู่ที่ 3 – 5 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน ส่วนพื้นที่สำนักงานในโซน IT อยู่ที่ 6 – 10 ยูโรต่อตารางเมตรต่อเดือน ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการควบคุมต้นทุนได้ดีในช่วงเริ่มต้น

สรุปความรู้สึกและคำแนะนำส่วนตัว

จากประสบการณ์และการพูดคุยกับผู้คนหลากหลาย ฉันเชื่อว่าการเลือกทำเลลงทุนในโครเอเชียขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจและเป้าหมายของคุณอย่างแท้จริง หากคุณมีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม อุตสาหกรรม หรือเทคโนโลยี เขตธุรกิจเฉพาะ และ เมจิมูร์เย (Međimurje County) อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อกับตลาดต่างประเทศ ในทางกลับกัน หากคุณชื่นชอบไลฟ์สไตล์แบบทำงานหนักเพียง 6 เดือนแล้วพักผ่อนอีก 6 เดือน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวตาม ชายฝั่งทะเลเอเดรียติก ก็ถือเป็นเส้นทางที่ให้ทั้งรายได้สูงและโอกาสเติบโต

ไม่ว่าคุณจะเลือกเส้นทางใด การปรึกษาทนายความและนักบัญชีท้องถิ่นก่อนลงทุนเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้คุณเข้าใจระบบ กฎหมาย และขั้นตอนต่าง ๆ อย่างรอบด้าน พร้อมรับมือกับความท้าทายได้อย่างมั่นใจ และเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จในระยะยาว

แหล่งข้อมูลและเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการในโครเอเชีย

หากคุณเป็นชาวต่างชาติที่สนใจการทำธุรกิจในโครเอเชีย การรู้จักหน่วยงานสนับสนุนและองค์กรหลักในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมจะช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลและความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • หากต้องการสร้างความสัมพันธุ์กับผู้ประกอบการต่างชาติและธุรกิจท้องถิ่น สามารถดูข้อมูลและติดตามข่าวสารได้จาก Croatian Chamber of Economy (Hrvatska gospodarska komora – HGK / CCE) ที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้ประกอบการต่างชาติกับธุรกิจท้องถิ่น ช่วยให้เข้าถึงข้อกำหนด แนวทางปฏิบัติ ข้อมูลตลาด รวมถึงเปิดโอกาสให้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างเครือข่ายและเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น
  • หากต้องการการสนับสนุนด้านเงินกู้และเงินช่วยเหลือ สามารถติดต่อ Croatian Agency for SMEs, Innovations and Investments (HAMAG-BICRO) จะเข้ามาช่วยให้คำแนะนำในการลดต้นทุนและความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
  • หากต้องการเข้าถึงเครือข่ายธุรกิจและนวัตกรรม สามารถติดตามข่าวสารได้จากบริษัทเอกชน เช่น ZICER และ BIRD Incubator ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างง่ายดาย และเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ในตลาดโครเอเชีย
  • หากต้องการตรวจสอบสถานะและข้อมูลบริษัทคู่ค้าได้อย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ที่ Online Company Register 
  • นอกจากนี้ ควรศึกษาวิธีการดำเนินงานผ่านระบบดิจิทัลที่จะช่วยกระบวนการทางกฎหมาย สามารถส่งเอกสาร รับเอกสาร และเข้าถึงข้อมูลคดีได้อย่าง  e-Communications with Courts หรือ e-Invoicing ที่ช่วยจัดเก็บบิลใบเสร็จเอาไว้ด้วย เพื่อลดความซับซ้อนของเอกสารและติดต่อกับหน่วยงานรัฐเพื่อให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ใครที่เหมาะกับการทำธุรกิจในโครเอเชีย?

ถ้าคุณสามารถบริหารการเงินได้อย่างรัดกุม และต้องการมีไลฟ์สไตล์ที่สมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน แต่ยังอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองอย่างจริงจังโดยไม่ต้องเหนื่อยมาก โครเอเชียคือทางเลือกที่ตอบโจทย์คุณได้อย่างดี เพราะที่นี่มีบรรยากาศการลงทุนที่เปิดกว้าง พร้อมโอกาสทางธุรกิจหลากหลาย อีกทั้งยังมอบคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งในเมืองใหญ่และพื้นที่ท่องเที่ยว ทำให้คุณสามารถสร้างรายได้ไปพร้อมกับการใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายได้อย่างลงตัว 

นอกจากนี้ โครเอเชียยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีความยืดหยุ่นสูง และพร้อมที่จะปรับตัวเข้ากับระบบราชการและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์และแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ การใช้ชีวิตตามฤดูกาลในสไตล์ยุโรปเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจและยอมรับได้ เพราะธุรกิจบางประเภทอาจได้รับผลกระทบจากฤดูกาลอย่างชัดเจน

ในทางตรงกันข้าม หากคุณคาดหวังรายได้ประจำที่มั่นคงทุกเดือน อาจพบว่าการทำธุรกิจในโครเอเชียมีความท้าทาย ทั้งจากความล่าช้าของระบบราชการ และขั้นตอนทางกฎหมายที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน ทางที่ดีก็ควรลองไปทดลองใช้ชีวิตอยู่สักครั้ง ให้ตัวเองได้รู้จักพื้นที่ สร้างคอนเนคชั่น แล้วค่อยเริ่มทำธุรกิจก็ยังไม่สายจนเกินไป

Rattima Korwisedchai
เคยใช้ชีวิตในโครเอเชียช่วงปี 2024 และได้สัมผัสชีวิตประจำวันนอกเหนือจากมุมมองของนักท่องเที่ยว ปัจจุบันเขียนบทความให้เว็บไซต์ต่างประเทศในหัวข้อเกี่ยวกับการย้ายประเทศ ไลฟ์สไตล์ และการทำงานแบบดิจิทัล