
โรงเรียนไทยในมุมของ Studentz-From-Hell…
ก่อนหน้านี้ไม่นานฉันได้ไปเยี่ยมโรงเรียนไทยเจ็ดแห่งที่เคยรีวิวไว้ ฉันถามเจ้าของโรงเรียน ครู และพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ว่าพวกเขาสนใจจะเข้าร่วมการสำรวจกันอย่างไม่เป็นทางการไหม ฉันอธิบายว่าฉันอยากรู้ว่าพวกเขาคิดว่าผู้เรียนต่างชาติที่เรียนภาษาไทยใครดีที่สุดและแย่ที่สุด
ก่อนที่คุณจะปฏิเสธการสำรวจนี้ว่าเป็นไอเดียที่ไม่เข้าท่าอีกเรื่องจาก Tod Daniels หรือพยายามบอกว่ากลุ่มตัวอย่างของฉันมีน้อยเกินไป ให้ฉันอธิบายหน่อย สถาบันหนึ่งในจำนวนนี้มีครู 8 คนที่ร่วมตอบสำรวจนี้ซึ่งสอนภาษาไทยแก่ผู้พูดภาษาต่างชาติรวมกันมา 128 ปี! เฉลี่ยออกมาประมาณ 16 ปีต่อคน และนั่นคือเพียงแค่โรงเรียนเดียวที่ฉันไปสัมภาษณ์ โรงเรียนอื่นๆ ก็น่าประทับใจเท่าเทียมกัน ถ้าใครควรถูกเชื่อถือ ก็คงต้องเป็นคนไทยในสนามหน้าที่นี้แหละ
ยังไงซะ ฉันได้นัดเจอกับพวกเขาหลังเวลาเรียน เพราะไม่มีเวลาเพียงพอในการพูดคุยเรื่องนี้ระหว่างช่วงพักเบรก 10 นาทีระหว่างคาบ ที่การสนทนาฉันถามว่าพวกเขาคิดว่าใครคือผู้เรียนภาษาไทยที่ดีที่สุดและใครคือผู้เรียนที่แย่ที่สุด ไม่น่าแปลกใจที่ครูทุกคนยินดีที่จะเสนอความเห็น และมักจะทำในวิธีที่มีชีวิตชีวาและมีเสียงหัวเราะ พร้อมเรื่องราวและอนุทินของทิศนรก อย่างที่คุณจะจิตนาการได้ เราได้ใช้เวลาสนุกสนานกันอย่างมาก ฉันจดบันทึกย่อเยอะมาก แล้วตั้งคำถามในแบบต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงคำตอบที่ไม่ถูกต้อง
บางครั้งฉันพูดภาษาไทย และบางครั้งก็พูดภาษาอังกฤษ ปริมาณข้อมูลที่ฉันได้ทำให้ฉันได้รับประสบการณ์ที่ล้ำค่า (อย่างน้อยสำหรับฉัน)
หลังจากที่ฉันพูดคุยกับเจ้าของโรงเรียนและครูไทยแล้ว ฉันก็ถามพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ให้ทำการถามคำถามนักเรียนใหม่เรื่องระดับการศึกษาที่พวกเขามี ภาษาอื่นๆ ที่พวกเขาพูดได้ และอายุของพวกเขา บางโรงเรียนก็ทำแบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นก็แค่ให้ฉันหยิบเอาเอกสารและดูมัน แต่โรงเรียนบางแห่งไม่เคยทำมาก่อน ตอนนี้หลายโรงเรียนก็ทำแล้ว ดังนั้นเมื่อคุณสมัครเรียนภาษาที่โรงเรียนไทยและพวกเขาทำให้คุณรำคาญเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณสามารถขอบคุณหรือเกลียดฉันก็ได้ที่ทำให้พวกเขาสอดรู้เรื่องส่วนตัวของคุณ
หลังจากรวบรวมข้อมูลจากครู ฉันรอไปสองเดือน แล้วจึงกลับไปพบพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อดูว่าพวกเขารวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง ฉันยังกลับไปพบครูเพื่อดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมที่จะต้องบอกไหม แล้วก็ตรวจสอบผลการเฝ้าที่ฉันค้นพบ
โชคดีนะที่การที่ฉันไปยังโรงเรียนภาษาไทยอื่นๆ ก็ไม่ถูกพูดถึงแม้แต่นิดเดียวนะ เห็นมั้ยล่ะว่าฉันอยากได้รับความร่วมมือจากแต่ละโรงเรียนให้มากที่สุด และฉันพบว่าในตอนแรกเจ้าของโรงเรียนไม่ชอบใจกันสักนิด แม้บางที่อยู่ในอาคารเดียวกัน ผลัดเปลี่ยนครูเป็นบางครั้ง และเจ้าของรู้จักกัน แต่พวกเขากลับไม่พอใจกันเมื่อกล่าวถึงโรงเรียนอื่นๆ เลย
เมื่อฉันได้ข้อมูลแล้ว ฉันจัดเรียงมันในลำดับที่เหมาะสม ตอนแรกทุกอย่างดูจะสุ่มและไม่มีเหตุผล แต่หลังจากที่จัดเรียงหลายๆ แบบก็พบว่ามีปัญหาหลายเรื่องที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ สิ่งที่ทำให้ฉันสับสนตอนแรกคือข้อมูลที่ฉันได้รับจากหลายโรงเรียนถูกนำเสนอในแบบต่างๆ เมื่อฉันตระหนักถึงเรื่องนี้แล้ว ฉันก็คืบหน้าไปได้อย่างมาก
แม้ว่าฉันจะนำเสนออะไรก็ตามที่ฉันพบ คุณจะดีใจที่รู้ว่าผลลัพธ์เหล่านี้พึ่งพาข้อมูลที่ได้รับการศึกษาและฟีดแบ็คที่ฉันรวบรวมจากโรงเรียน นอกจากนี้ ฉันยังพัฒนาหลักเกณฑ์ที่มีประโยชน์ในการจัดเรียงข้อมูลทั้งหมดนี้
เชื่อฉันเถอะ ฉันไม่ได้แต่งเรื่องเหล่านี้ขึ้น และคุณสามารถไม่เห็นด้วยกับข้อค้นพบของฉันได้เลย และฉันก็ไม่ว่ากัน
ฉันรวบรวมข้อมูลด้านล่างนี้เกี่ยวกับชาวต่างชาติที่เรียนภาษาไทย เพราะอย่างง่ายๆ ฉันขี้สงสัยเกี่ยวกับนักเรียนคนอื่นๆ อย่างไม่น่าเชื่อนัก มันจะดูเป็นไปไม่ได้นะ (เมื่อดูจากบุคลิกของฉัน) แต่ฉันมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีเยี่ยมกับโรงเรียนภาษาไทยที่กระจัดกระจายอยู่ในกรุงเทพ ซึ่งทำให้การรวบรวมข้อมูลนั้นไม่เป็นปัญหาเลย!
ถ้าคุณเห็นว่าคุณเป็นตัวเองในโพสต์นี้ ก็หวังว่าคุณจะพบว่าทิปและเคล็ดลับของฉันช่วยให้โอกาสในการเรียนภาษาไทยของคุณเพิ่มขึ้นได้
อะไรคือ “STUDENTZ-FROM-HELL”?…
Studentz-from-hell: อย่างง่ายๆ ก็คือ นักเรียนจากนรกตามชื่อ พวกเขาคือผู้เรียนที่ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าพวกเขามาเรียน พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ในห้องงานกับนักเรียนคนอื่น ที่ควรจะมีครูที่สอนภาษาไทยที่มีความสามารถ นักเรียนเหล่านี้ทำทุกอย่างที่พวกเขาทำได้เพื่อทำให้เวลาคลาสยืดเยื้อมากขึ้น และนักเรียนคนอื่นพร้อมกับครูก็ทุกข์ทรมานไปด้วย
Classroom Commandeer-erz: เหล่านี้คือนักเรียนที่เข้าครอบครองและ/หรือยึดอำนาจในคลาส (อย่างน่าอึดอัดใจสำหรับนักเรียนคนอื่น) สำหรับคำถามหนึ่งครั้งที่นักเรียนคนอื่นถาม เขาจะถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องห้าเรื่องบ้าง เขาแทรกหรือขัดขวางบ่อยครั้งและกลายเป็นภาระกับนักเรียนคนอื่นๆ จนถึงจุดที่พวกเขาถูกจัดระเบียบในช่วงเบรก! พวกเขาทำให้ครูต้องใช้เวลาในตัวเขามากเหลือเกิน แทนที่จะรู้ว่านักเรียนคนอื่นก็สมควรได้รับเวลาจากครูเท่าเทียมกัน นักเรียนประเภทนี้เหมาะสมกับการเรียนตัวต่อตัวมากกว่า แบบนี้พวกเขาก็สามารถรบกวนครูได้ตามใจชอบ
Non-participantz: ตรงข้ามกับ Commandeer-erz เหล่านี้คือผู้ที่ไม่เข้าร่วมเรียนกับครูหรือนักเรียนด้วยกัน พวกเขามักทำตัวทุกข์ใจ ฉันไม่รู้ บางทีพวกเขาอาจจะทุกข์ใจจริงๆ สิ่งที่ฉันรู้คือทัศนคติเชิงลบ โดยเฉพาะในสิ่งที่มีศักยภาพในการยาก เป็นข้อเสนอที่แพ้ตั้งแต่เริ่ม
Why-erz: ไม่ ฉันไม่ได้พูดถึงชาวต่างชาติที่ไร้สาระซึ่งเดินเรื่อยเปื่อยรอบประเทศไทยและไหว้ขอทานที่ไม่มีแขนขา พนักงาน 7/11 และหมาในซอย! ฉันพูดถึงนักเรียนที่ยืนกรานถามว่า “ทำไม” ในทุกโอกาส ใน การทำลายกำแพงแห่งทำไม (โฆษณาไร้ยางอาย) ฉันชี้ให้เห็นว่าการรู้ว่าทำไมหลังจากที่สิ่งต่างๆ เป็นอย่างที่เป็นในภาษาไทยไม่ได้ช่วยให้คุณเก่งขึ้นในภาษานั้น ๆ มันให้เพียงเศษส่วนของเบื้องหลังภาษานี้ แต่เว้นแต่ว่าคุณจะต้องอยู่ใน Jeopardy และมีคำถามเกี่ยวกับภาษาไทย ความรู้นี้จริงๆ ไม่ได้ช่วยให้คุณก้าวหน้าไปได้
Laterz & Skipperz: Laterz คือคนที่เดินเข้ามาในคลาส 10-15 นาทีหลังจากที่เริ่มแล้วอย่างไม่เป็นปัญหา พวกเขาไม่รู้ว่าบทเรียนกำลังสอนอะไร และพวกเขาทำให้ไหลของคลาสหยุดชะงักเมื่อพยายามจะหาหน้าถูก Skipperz คือผู้ที่เชื่อว่าพวกเขาสามารถพลาดคลาสสองวันและยังคงตามได้ ทุกคนมีธุระที่ต้องทำและต้องพลาดคลาสสองครั้ง ไม่นั่นหมายความว่าเราจะไม่สามารถเรียนรู้สิ่งที่สอนไปได้ เพื่อให้เราสามารถเข้าร่วมในคลาสถัดไปได้อย่างแท้จริง คนเหล่านี้เป็นภัยต่อนักเรียนคนอื่นที่สามารถมาถึงตรงเวลาและพยายามเรียนรู้ให้ดีที่สุด บางโรงเรียนได้กำหนดนโยบายการล็อกประตูคลาสเมื่อ 10 นาทีหลังจากที่คลาสเริ่มไปแล้ว ทำให้ Laterz ต้องรอถึงชั่วโมงถัดไปเพื่อเข้าร่วมอีกครั้ง
Teaching Expertz: ไม่แปลกใจเลยที่นี่คือชาวต่างชาติที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิธีการสอนภาษาไทยในคลาส จริงอยู่ว่าทุกคนพัฒนาเคล็ดลับและเทคนิกเล็กๆ ที่ทำให้ไทยคลิกเฉพาะตน และไม่มีปัญหาในการแชร์ข้อมูลนี้กับเพื่อนนักเรียนในเวลาที่เหมาะสม เช่นในช่วงพัก อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้วล่ะก็ คุณก็คงพูดภาษาไทยได้แล้ว ใช่ไหม?
Know-it-allz: นักเรียนประเภทนี้ฉันรู้สึกงงงวย พวกเขาชัดเจนว่าเคยเรียนในระดับนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง บางครั้งก็หลายครั้ง พวกเขารู้เนื้อหาทุกอย่างทั้งใน ทั้งนอก ทั้งทั่ว ทั้งหมวก แต่พวกเขาไม่ยอมเลื่อนระดับตัวเองไปยังระดับถัดไป ฉันคิดว่าพวกเขาชอบที่จะทำให้เรานั่งกระสับกระส่ายเมื่อเราพยายามทำประโยคใหม่ๆ ผิดๆ ช่วยอย่าสับสน Know-it-allz กับคนที่เรียนในระดับนี้เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับความเชี่ยวชาญที่คงทน พวกเขารู้ว่าระดับนี้สร้างขึ้นบนระดับก่อนหน้าและการแกล้งทำตัวไปก็ไม่ได้ผล
Kibitz-erz: นักเรียนกลุ่มนี้ไม่ว่าสัญชาติใด จะกลุ่มกับเพื่อนและพูดคุยกันเป็นภาษาตนเองในคลาส ซึ่งเป็นปัญหาพิเศษในบทเรียนที่โรงเรียนที่มีการใช้กฎ ‘ภาษาไทยเท่านั้น’ ทำให้คนอื่น ๆ ที่พยายามเรียนภาษาไทยเสียสมาธิ
Over Their Head-erz: อย่างที่คุณอาจจะเดาได้ นักเรียนเหล่านี้แกล้งหรือโน้มน้าวตัวเองเข้ามาอยู่ในระดับของภาษาไทยที่ไกลเกินความสามารถปัจจุบันของพวกเขา พวกเขาย่อมทำให้คลาสช้าลงอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาไม่มีพื้นฐานความรู้ที่ควรจะเรียนรู้ในระดับก่อนหน้าๆ เพื่อให้เหตุผลนี้ ครูพยายามจะบริหารจัดการเพื่อสอนให้ไม่เป็นไปในระดับที่ช้าที่สุดหรือเร็วที่สุด ทำนในทางเหล่านี้สามารถจะฆ่าไหลของคลาสได้ง่ายๆ
Technoz: นักเรียนกลุ่มนี้ติดมือถือมาก หมายถึงมากๆ พวกเขาตรวจสอบแอปพจนานุกรมของเขาทุกครั้งที่มีคำภาษาไทยและติดอยู่ไม่สามารถตามได้ในคลาส ฉันสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี และไม่มีปัญหาการขาดแคลนแอปพจนานุกรมภาษาไทยที่ดี ฉันเพียงแค่แนะนำให้คนใช้เวลาคลาสอย่างชาญฉลาด โดยเอาประโยชน์สูงสุดจากมันในช่วงเวลาเรียนมีเวลามากพอในช่วงพักและหลังคลาสเพื่อศึกษาเพิ่มเติม
Interrupterz: นี่ไม่ใช่คนที่ชอบแทรกในห้องเรียนเวลามีคำถามนะ คนกลุ่มนี้คือพวกนักเรียนที่ไม่ยอมปิดหรือปิดเสียงมือถือเลย! พวกเขาตอบ SMS เช็คเฟสบุ๊ค และคุยกับคนในไลน์อยู่ตลอด ขัดใจสุดๆ แถมยังรับโทรศัพท์ในห้องเรียน เดินออกไปคุยและกลับเข้ามาใหม่อีกที แน่นอนเข้าใจว่าบางคนอาจทำธุรกิจและนั่นก็ดี แต่ถ้าคุณไม่สามารถทนรอรับส่งข้อมูลจากโลกภายนอกได้ 50 นาทีก็ไม่ควรมาเรียนภาษาไทยในกลุ่มเช่นนี้ พอนั่งเรียนอยู่วันก่อน นักเรียนคนนึงรับสายแล้วคุยในห้องอยู่สองสามนาที ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างมากและอย่างน้อยที่สุดครูควรติงเรื่องนี้นะครับ
Rusherz & Blurerz: นี่คือพวกนักเรียนที่รู้คำศัพท์พอมีอยู่แล้วในบทเรียนหรือโมดูลนั้น แต่ไม่รู้ทำไมถึงพูดออกมาเร็วๆ หรือไม่ชัดเจนจนแม้ครูฟังก็ยังไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร สมัยหัดพูดภาษาไทยครั้งแรกผมก็เป็นแบบนี้ แทบจะเหมือนต้องรีบพูดสิ่งที่อยากพูดออกมาให้เร็วที่สุด ไม่ใส่ใจว่าถูกผิด แค่อยากพูดมันออกมา ทำให้สิ่งที่พูดออกมาฟังไม่เป็นคำแถมยังมึดๆเคลือๆ เคล็ดลับ: หายใจเข้าลึกๆ พูดช้าๆ และพยายามออกเสียงให้ชัดเจน นี่จะทำให้ครูฟังเข้าใจและช่วยแก้ไขให้คุณ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเลยนะ)
Mice or Whisper-erz: พวกนี้คือคนที่คุณได้ยินไม่ค่อยถนัดเหมือนกับกำลังแอบกระซิบตอนพูดภาษาไทย ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมชั้นและครูรู้สึกหัวเสียนะ เข้าใจว่าเราๆก็มักจะลังเลเมื่อต้องพูดภาษาไทยให้คนอื่นฟัง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในช่วง “พูดไทยได้ไม่ค่อยดี” แต่นั่นเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ไม่มีถูกผิดในขณะที่เรียนภาษาไทยเพื่อการสนทนา มันไม่ใช่การทดสอบ พยายามฝึกฝนเท่าที่คุณเรียนรู้มาและพูดดังๆให้ครูได้ยินเพื่อจะได้แนะนำคุณได้
Bouncerz: นักเรียนกลุ่มนี้ได้ชื่อว่าขยับไปตามโรงเรียนต่างๆ เปลี่ยนวิธีและหนังสือหลายๆเล่ม แต่ยังไม่เจอวิธีเรียนภาษาไทยที่เข้ากับตัวเอง ผมเจอนักเรียนประเภทนี้อยู่เยอะเลย และเกือบทั้งหมดเป็นพวกตะวันตกไม่ใช่เอเชีย ราวกับคนตะวันตกกำลังพยายามหาวิธีที่เข้ากับตัวเองแทนที่จะปรับตัวให้เข้ากับวิธีการที่มีให้ นักเรียนพวกนี้อาจมีคำศัพท์ภาษาไทยที่หลากหลาย แต่โครงสร้างประโยคภาษาไทยยังไม่ดีพอ
คุณเป็น “นักเรียนที่ทำให้ครูประสาทกินไหม”?…
การรู้พฤติกรรมก่อกวนในชั้นเรียนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนฝ่าดงระเบิดภาษาไทยไป ดังนั้นถ้าคุณมีลักษณะนิสัยที่ทำให้คุณจัดอยู่ในหมวดหมู่เหล่านี้ล่ะก็ ลองสังเกตตัวเองดู การยอมรับว่าคุณมีปัญหาคือก้าวแรกของการแก้ แก้ไขจริงจังเป็นขั้นตอนถัดไปที่คุณต้องทำ
ใครที่เคยเรียนภาษาไทยในกลุ่มน่าจะเคยเจอกับนักเรียนไม่ได้เรื่องอย่างที่กล่าวมาข้างต้นอย่างน้อยต้องมีซักครั้ง ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของคุณในช่องคอมเมนต์ด้านล่างนะครับ อยากฟังเรื่องราวคุณมาก!
ต่อไปผมจะพูดถึงข้อมูลของโรงเรียนลงลึกแบบละเอียด โดยแบ่งเป็นประเภทต่างๆ
โชคดีครับ,
ท็อด แดเนียลส์ | toddaniels ที่ gmail จุด com